บาลีวันละคำ

มุขบาฐ (บาลีวันละคำ 2,899)

มุขบาฐ

ความฉลาดในการรักษาพระศาสนา

อ่านว่า มุก-ขะ-บาด

ประกอบด้วยคำว่า มุข + บาฐ

(๑) “มุข

บาลีอ่านว่า มุ-ขะ รากศัพท์มาจาก –

(1) มุขฺ (ธาตุ = เปิด, ไป, เป็นไป) + ปัจจัย

: มุขฺ + = มุข แปลตามศัพท์ว่า (1) “อวัยวะอันเขาเปิดเผย” (2) “อวัยวะเป็นเครื่องเป็นไปแห่งประโยชน์สุข

(2) มุ (ธาตุ = ผูก) + ปัจจัย

: มุ + = มุข แปลตามศัพท์ว่า “อวัยวะเป็นเครื่องผูก

มุข” (นปุงสกลิงค์) หมายถึงอวัยวะ 2 อย่าง คือ ปาก (the mouth) และ หน้า (the face) จะหมายถึงอะไรต้องสังเกตที่บริบท

ในที่นี้ “มุข” หมายถึง ปาก (the mouth)

(๒) “บาฐ

บาลีเป็น “ปาฐ” (ปา-ถะ) รากศัพท์มาจาก ปฐฺ (ธาตุ = สวด, พูด) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะต้นธาตุ คือ อะ ที่ -(ฐฺ) เป็น อาด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (ปฐฺ > ปาฐ)

: ปฐฺ + = ปฐณ > ปฐ > ปาฐ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “อาการอันเขาสวด” “บทอันเขาสวด” หมายถึง การอ่าน, การสวด, บทสวด, ข้อความในตัวบท, ถ้อยคำในคัมภีร์ (reading, text-reading; passage of a text, text)

มุข + ปาฐ = มุขปาฐ แปลว่า “บทที่สวดด้วยปาก

บาลี “มุขปาฐ” ในภาษาไทยใช้เป็น “มุขบาฐ” และ “มุขปาฐะ

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

มุขบาฐ, มุขปาฐะ : (คำนาม) การต่อปากกันมา, การบอกเล่าต่อ ๆ กันมาโดยมิได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร, เช่น เรื่องนี้สืบมาโดยมุขบาฐ เรื่องนี้เป็นมุขปาฐะ.”

อภิปราย :

คำนิยามของพจนานุกรมฯ ช่วยย้ำให้เราเข้าใจกันว่า “มุขบาฐ” ก็คือ ถ้อยคำ ข้อความ หรือเรื่องราว ที่ฟังจากปากแล้วก็เอาไปพูดต่อ ไม่มีลายลักษณ์อักษร ไม่มีที่ไปที่มา ซึ่งชวนให้เข้าใจว่าไม่มีหลักฐาน เอาเป็นแน่นอนไม่ได้ อาจถึงขั้น-ฟังได้ แต่เชื่อไม่ได้

ลักณะส่วนหนึ่งของ “มุขบาฐ” ก็เป็นเช่นว่านี้

แต่ “มุขบาฐ” ยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่งซึ่งเราส่วนมากคิดไม่ถึง หรือไม่ได้คิด นั่นก็คือ เป็นวิธีทรงจำและรักษาพระพุทธพจน์คือคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้อง มั่นคง และแม่นยำ

ในสมัยพุทธกาล ผู้คนรู้วิชาหนังสือกันแล้ว แต่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาก็ยังเลือกที่จะใช้การ “ท่องจำ” เป็นวิธีศึกษาและรักษาคำสอน ทั้งนี้เพราะการท่องจำเป็นวิธีที่คำสอนจะคลาดเคลื่อนได้ยากที่สุด

แต่โปรดเข้าใจว่า การท่องจำที่ว่านี้ไม่ใช่ต่างคนต่างท่อง ต่างคนต่างจำ หากแต่เป็นการท่องและจำข้อความเดียวกันโดยคนหลายๆ คน และมีการทบทวนร่วมกันอยู่เสมอ

การทบทวนร่วมกันหมายถึงหลายๆ คนมาสวดข้อความเดียวกันพร้อมกัน ที่มีคำเรียกว่า “สังคีติ” หรือ “สังคายนา” ซึ่งแปลตรงตัวว่า “สวดพร้อมกัน

การสวดพร้อมกันเป็นหลักประกันว่า ข้อความที่ทรงจำไว้และเอามาสวดนั้นจะต้องถูกต้องตรงกันทุกถ้อยคำ คลาดเคลื่อนไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว เพราะถ้าใครสวดคลาดเคลื่อนหรือตกหล่น จะสะดุดหรือขัดกันทันที

ขอให้นึกถึงการร้องเพลงหมู่หรือขับร้องหมู่ จะเข้าใจได้ทันทีว่า ทุกคนจะต้องทรงจำเนื้อเพลงได้ตรงกันทุกคำ ไม่ตกหล่นเลย

การทรงจำคำสอนไว้แล้วเอาสวดทบทวนกันเสมอๆ นี่แหละ คืออีกความหมายหนึ่งของคำว่า “มุขบาฐ” หรือ “มุขปาฐะ

การใช้วิธีบันทึกคำสอนเป็นลายลักษณ์อักษรเสียอีกที่เสี่ยงต่อการผิดพลาด คลาดเคลื่อน ตกหล่น หรือขาดเกินได้ง่ายที่สุด ยิ่งคัดลอกต่อ ๆ กันไปหลายทอด โอกาสที่จะคลาดเคลื่อนก็มีมากขึ้น ดังที่เล่ากันว่า ตำรายาบอกว่า “ปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดนุ่น” ลอกกันไปลอกกันมากลายเป็น “ปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดขนุน

หลักฐานในคัมภีร์ :

ผู้เขียนบาลีวันละคำยังไม่พบคำว่า “มุขปาฐ” ในคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา แต่พบในคัมภีร์มหาวงศ์ (ว่าด้วยพงศาวดารลังกา) ยืนยันว่า พระสงฆ์สาวกรักษาพระศาสนาสืบต่อมาด้วยวิธี “มุขปาฐ

คัมภีร์มหาวงศ์ ปริจเฉทที่ 33 คาถาที่ 102 มีข้อความว่า –

…………..

ปิฏกตฺตยปาฬิญฺจ

ตสฺส อฏฺฐกถมฺปิ จ

มุขปาเฐน อาเนสุํ

ปุพฺเพ ภิกฺขู มหามติ.

พระบาลีพระไตรปิฎก

และอรรถกถาของพระไตรปิฎก

เหล่าภิกษุผู้มีปัญญามากในปางก่อน

นำสืบกันกันมาโดยมุขปาฐะ

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ใช้ปากรักษาพระศาสนา

: ใช้ปัญญารักษาปาก

#บาลีวันละคำ (2,899)

20-5-63

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย