บทความเรื่อง ชวนกันศึกษาพระธรรมวินัย
………………………………….
บทความชุด: ชวนกันศึกษาพระธรรมวินัย
………………………………….
พรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย (๐๐๒)
—————————–
ตอนที่แล้ว ผมอัญเชิญพระบาลีในมหาปรินิพพานสูตรมาลงไว้พร้อมกับแปลเป็นไทยเป็นท่อนๆ เหมือนบทสวดมนต์
…………………
อถโข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
สิยา โข ปนานนฺท ตุมฺหากํ เอวมสฺส อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ นตฺถิ โน สตฺถาติ
ดูก่อนอานนท์ บางที่พวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (คือพระธรรมวินัย) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี
น โข ปเนตํ อานนฺท เอวํ ทฏฺฐพฺพํ
ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น
โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต
ธรรมก็ดี วินัยก็ดี อันใด อันเราแสดงแล้ว บัญญัติไว้แล้ว แก่พวกเธอ
โส โว มมจฺจเยน สตฺถา ฯ
ธรรมและวินัยอันนั้นจักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอโดยกาลล่วงไปแห่งเรา
…………………
อถโข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
หนฺททานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว วยธมฺมา สงฺขารา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ ฯ
พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจา ฯ
นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต
…………………
ญาติมิตรที่เป็นนักสวดมนต์อ่านแล้วก็บอกว่า แบบนี้ดี เอาไปสวดแทนบทสวดต่างๆ ได้เลย
แล้วถามผมว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน
ถ้าอยู่ในอารมณ์สนุก ผมก็คงจะตอบว่า “หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป” ซึ่งเป็นประโยคยอดนิยมในวงการโฆษณาขายยาทางวิทยุเมื่อค่อนศตวรรษที่แล้ว
ผมบอกว่า ไม่มีขายหรอกครับ ผมทำขึ้นมาเอง แล้วก็ไม่ได้คิดจะทำขายด้วย
ญาติมิตรท่านนั้นก็ยุว่า ทำอีก ทำเลย ทำให้หมดทั้งพระไตรปิฎก ๔๕ เล่มเลย
เขาบอกว่าอยากได้บทสวดมนต์แบบนี้-แบบที่เอาพระไตรปิฎกมาสวด
ผมก็เลยบอกว่า บทสวดมนต์ต่างๆ ที่เราสวดกันอยู่ทุกวันนี้ท่านยกมาจากพระไตรปิฎกก็มีอยู่หลายบท เช่น ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นต้น ก็อยู่ในพระไตรปิฎก
เพียงแต่ว่าเราเอามาสวดกันเป็นอย่าง “สวดมนต์” คือเป็นพิธีกรรมพิธีการเพื่อความขลังความศักดิ์สิทธิ์ความมีมงคล และสวดเอาบุญ คือฟังพระสวดก็ได้บุญ สวดเองก็เป็นบุญ สวดแล้วก็แบ่งส่วนบุญให้กัน ตั้งเจตนาไปในทางนั้น
ไม่มีใครตั้งใจสวดเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยหรือพระไตรปิฎกเพื่อความรู้ความเข้าใจแล้วเอาไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
แม้ปากจะบอกว่า สวดแปลด้วย จะได้รู้เรื่อง
แต่ส่วนมากก็ต้องการเพียงรู้ความหมายของถ้อยคำที่สวดเฉพาะในเวลาที่กำลังสวดเท่านั้น สวดแล้วก็แล้วกันไป ไม่ได้ตั้งเจตนาจะศึกษาพระไตรปิฎกแต่ประการใด
พูดตามสำนวนทางธรรมก็ว่า “ได้บุญ แต่ไม่ได้กุศล”
ในที่นี้ บุญคือความดี
กุศลคือความฉลาดในธรรม
—————-
ผมคิดถึงคำที่ญาติมิตรท่านนั้นบอกว่า “ทำอีก ทำเลย ทำให้หมดทั้งพระไตรปิฎก ๔๕ เล่มเลย”
อยากมีอายุ ๑๒๐ ปีไม่ฟั่นเฟือน-เหมือนพระอานนท์
จะได้จัดทำ “พระไตรปิฎกฉบับสวดมนต์แปล” ให้จบทั้ง ๔๕ เล่มได้จริงๆ
ผมขออายุไว้ ๘๐
อีก ๕ ปีก็จะครบ
ภายใน ๕ ปี ผมคงจัดทำ “พระไตรปิฎกฉบับสวดมนต์แปล” ให้จบทั้ง ๔๕ เล่มไม่ทัน
………………..
แต่งานนี้ คณะสงฆ์ทำได้สบายมาก
ทำจริงๆ ไม่ถึง ๕ ปีก็เสร็จ
ขออาราธนามหาเถรสมาคม อาศัยความเอ็นดู (อนุกมฺปํ อุปาทาย) แก่ทวยประชา โปรดรีบออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาสักคณะหนึ่ง ประกอบด้วยพระเถระผู้ทรงคุณวุฒิทางพระไตรปิฎก มีหน้าที่จัดทำ “พระไตรปิฎกฉบับสวดมนต์แปล” ให้จบทั้ง ๔๕ เล่ม แล้วพิมพ์เป็นหนังสือสวดมนต์เผยแพร่ไปในหมู่ประชาชน เป็นคู่มือในการสวดมนต์ประจำวันของพุทธศาสนิกชน เป็นการเผยแผ่และรักษาสืบทอดพระศาสนาอีกทางหนึ่ง
กระผมขอปวารณาว่า จะเจียดแบ่งเงินบำนาญอันน้อยนิดที่ได้รับพระราชทานเลี้ยงชีพอยู่ทุกเดือนถวายเป็นนิตยภัตแก่พระสงฆ์ที่เป็นคณะทำงาน จนกว่างานจะสำเร็จหรือจนกว่ากระผมจะตาย สุดแต่ว่าข้างไหนจะถึงก่อนกัน
วันนี้วันพระ คณะสงฆ์คงหยุดงาน
เพราะฉะนั้น ขออาราธนามหาเถรสมาคมออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานดังเสนอมานี้ตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะขอรับ
โปรดอย่ากังวลกับวาทกรรมที่ว่า “พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว”
งานพระศาสนา-พรุ่งนี้ก็ยังไม่สายขอรับ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๑ กันยายน ๒๕๖๒
๑๑:๐๘