บทความเรื่อง กถมฺภูตสฺส เม รตฺตินฺทิวา วีติปตนฺติ?
พระธรรมวินัยก็คล้ายกับกฎหมาย
กฎหมายต้องชัดเจนว่าอย่างไรผิด อย่างไรไม่ผิด ประชาชนจะคิดเอาเองเข้าใจเอาเองว่าแบบนั้นผิดแบบนั้นไม่ผิด-ไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะมีคนอ้างกันทั่วไปหมดว่าข้าพเจ้าทำอย่างนี้เพราะเข้าใจว่าไม่ผิด นี่ก็ตรงกับที่เราพูดกันว่า-ใครจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย (จึงไม่ต้องรับผิด) ไม่ได้
เรื่องสามปักกะ-หุงต้มเอง มีในพระไตรปิฎก และว่ากันตามหลักก็เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรที่จะต้องศึกษาให้เข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้อง
แต่ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือพระภิกษุสามเณรท่านไม่ศึกษา
เมื่อไม่ศึกษา ก็ไม่รู้
เมื่อไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ก็ทำผิดทำถูกไปโดยไม่รู้
ข้างญาติโยมชาวบ้านยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย ส่วนมากมีศรัทธานำหน้า อยากอุปถัมภ์บำรุงพระเณร ทำนุบำรุงพระศาสนา แต่ไม่รู้วิธีทำวิธีปฏิบัติ
เป็นอันว่าพระเณรก็ไม่รู้
ญาติโยมก็ไม่เข้าใจ
ก็เลยพากันทำอะไรที่ผิดพลาดกันสบายไป
อย่างกรณีญาติโยมเอาสตางค์ใส่บาตรเวลาพระออกบิณฑบาตดังที่นิยมทำกันทั่วไปในเวลานี้ ก็เกิดมาจากความไม่รู้ทั้งสองฝ่าย
เมื่อทำกันมากเข้า ทีนี้รู้หรือไม่รู้ก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว หนักเข้าแม้รู้ว่าผิดก็ทำ อ้างว่าเพราะญาติโยมเขาอยากทำ
ความเสื่อมของพระธรรมวินัยอันเป็นตัวพระศาสนาก็เกิดขึ้น-ดังที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้
แล้วจะแก้อย่างไร?
ทางแก้ที่ถูกที่ตรงก็คือ ผู้บริหารการพระศาสนา คือคณะสงฆ์ ต้องกวดขัน อบรมสั่งสอนพระเณรอย่างเข้มงวดจริงจัง คอยสอดส่องควบคุมความประพฤติ ไม่ปล่อยปละละเลย และเมื่อเห็นใครทำอะไรผิด ต้องรีบชำระสะสาง
อะไรพระเณรทำได้ อะไรทำไม่ได้
ประกาศชี้แจงให้ทราบทั่วกันไปในสังฆมณฑล
ถ้าเคยมีประกาศแล้ว ก็ยกขึ้นมาย้ำเตือนกันอีก
อะไรที่ไม่เคยปรากฏ แล้วปรากฏว่ามีพระเณรทำกัน
เช่น-พระขับรถยนต์ไปไหนมาไหนเหมือนกับชาวบ้าน
ทำได้หรือทำไม่ได้
ทำได้เพราะอะไร
ทำไม่ได้เพราะอะไร
ประกาศออกมาให้ชัดๆ ให้รู้ทางปฏิบัติที่ชัดเจนทั่วกันไป
แต่ปัญหาซ้อนปัญหาก็คือ ผู้บริหารการพระศาสนาท่านไม่เอาเรื่องเอาราว ท่านปล่อย ท่านวางเฉยหมดทุกเรื่อง พระเณรจะประพฤติอย่างไรปล่อยตามสบาย
ทางแก้จึงเหลืออยู่อีกทางเดียว นั่นคือการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่กัน ซึ่งหมายถึงต้องเริ่มด้วยการศึกษาหาความรู้ที่ถูกต้อง
เมื่อมีความรู้ที่ถูกต้องแล้วก็ช่วยกันอธิบาย ชี้แจง เผยแพร่ไปในหมู่ประชาชน เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้ความจริงที่ถูกต้องด้วย
เมื่อชาวบ้านรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ก็จะได้ไม่ทำผิด และไม่สนับสนุนพระเณรที่ทำผิด
แต่โชคไม่ดี-หรือจะเรียกว่าอะไรก็พูดไม่ถูก-นั่นคือ ชาวพุทธในเมืองไทยที่สนใจใฝ่รู้ในหลักพระธรรมวินัย รักที่จะศึกษา รักที่จะเผยแผ่พระธรรมวินัยที่ถูกต้องนั้นมีน้อยอย่างยิ่ง