ภิกฺขเว (บาลีวันละคำ 3,243)
ภิกฺขเว
ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีล
อ่านว่า พิก-ขะ-เว
“ภิกฺขเว” เป็นรูปคำที่แจกวิภัตติแล้ว คำเดิมเป็น “ภิกฺขุ” (พิก-ขุ) มีรากศัพท์มาได้หลายทาง ดังนี้ –
(1) “ผู้ขอ” : ภิกฺขตีติ ภิกฺขุ = ภิกฺขฺ (ธาตุ = ขอ) + รู ปัจจัย, ลบ ร, รัสสะ อู เป็น อุ
(2) “ผู้นุ่งห่มผ้าที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย” : ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ = ภินฺนปฏ = ผ้าที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ, ธโร = ผู้ทรงไว้ = ภิทฺ (ธาตุ = ทำลาย) + รู ปัจจัย, รัสสะ อู เป็น อุ
(3) “ผู้เห็นภัยในการเวียนตายเวียนเกิด” : สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ = ภย (ภัย) + อิกฺขฺ (ธาตุ = เห็น) + รู ปัจจัย, ลบ ย, ลบ ร, รัสสะ อู เป็น อุ
(4) “ผู้ทำลายบาปอกุศล” : ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขุ = ภิทฺ (ธาตุ = ทำลาย) + รู ปัจจัย, ลบ ร, รัสสะ อู เป็น อุ
(5) “ผู้ได้บริโภคอมตรสคือพระนิพพาน” : ภกฺขติ อมตรสํ ภุญฺชตีติ ภิกฺขุ = ภกฺขฺ (ธาตุ = บริโภค) + รู ปัจจัย, ลบ ร, รัสสะ อู เป็น อุ
, แปลง อะ ที่ ภ-(กฺขฺ) เป็น อิ (ภกฺขฺ > ภิกฺข)
“ภิกฺขุ” (ปุงลิงค์) แจกด้วยวิภัตตินามหมวดอาลปนะ พหูพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “ภิกฺขเว” แปลว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย”
ขยายความ :
โดยปกติ คำว่า “ภิกฺขเว” ที่พบในบาลีเป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกหมู่ภิกษุเท่านั้น ภิกษุเรียกภิกษุด้วยกันหรือผู้อื่นเรียกภิกษุยังไม่พบที่ใช้เรียกด้วยคำว่า “ภิกฺขเว”
ท่านที่นิยมฟังเทศน์มหาชาติย่อมจะได้ยินคำว่า “ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีล…” แทรกอยู่ตรงขึ้นต้นแหล่แทบทุกครั้ง นั่นย่อมหมายความว่า มหาเวสสันดรชาดกเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าให้ภิกษุสงฆ์ฟัง จึงมีคำว่า “ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีล…” แทรกอยู่เป็นระยะตลอดทั้งเรื่อง
แถม :
“ภิกฺขเว” มาจาก “ภิกฺขุ” แล้ว “ภิกฺขุ” หมายถึงบุคคลเช่นไรได้บ้าง ขอนำคำจำกัดความในแง่วินัยปิฎกมาเสนอไว้เป็นอลังการแห่งความรู้ ดังนี้
…………..
ภิกฺขูติ
คำว่า ภิกษุ หมายความว่า –
(1) ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ ฯ
ที่ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ
(2) ภิกฺขาจริยํ อชฺฌูปคโตติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าประพฤติภิกขาจริยวัตร (คือเที่ยวขอเขาเลี้ยงชีพ)
(3) ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าทรงผืนผ้าที่ถูกตัดเป็นท่อนแล้ว
(4) สามญฺญาย ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุโดยสมญา (คือมีผู้เรียกขาน)
(5) ปฏิญฺญาย ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุโดยปฏิญญา (คือยืนยันตัวเอง)
(6) เอหิภิกฺขูติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นเอหิภิกษุ
(7) ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้อุปสมบทแล้วด้วยไตรสรณคมน์
(8) ภทฺโรติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้เจริญ
(9) สาโรติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่ามีสารธรรม
(10) เสโขติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นพระเสขะ
(11) อเสโขติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นพระอเสขะ
(12) สมคฺเคน สงฺเฆน ญตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อกุปฺเปน ฐานารเหน อุปสมฺปนฺโนติ ภิกฺขุ ฯ
ชื่อว่าภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้อันสงฆ์พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรมอันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ
ตตฺร ยฺวายํ ภิกฺขุ สมคฺเคน สงฺเฆน ญตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อกุปฺเปน ฐานารเหน อุปสมฺปนฺโน อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ ฯ
บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรมอันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ นี้ชื่อว่าภิกษุที่ทรงประสงค์ในสิกขาบทนี้
ที่มา: วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 1 พระไตรปิฎกเล่ม 1 ข้อ 26
…………..
ดูก่อนภราดา!
วิธีวินิจฉัยว่าภิกษุควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร
: อะไรที่ต้องบวชเป็นภิกษุเท่านั้นจึงจะทำได้ จงทำทันที
: อะไรที่แม้ไม่บวชเป็นภิกษุก็ทำได้ คิดให้ดีก่อนแล้วจึงทำ
#บาลีวันละคำ (3,243)
29-4-64
……………………………..
https://www.facebook.com/tsangsinchai/posts/3943939472366427
……………………………..