อรหนฺต (2) (บาลีวันละคำ 123)
อรหนฺต (2)
อ่านว่า อะ-ระ-หัน-ตะ
แปลทับศัพท์ว่า “พระอรหันต์” คือพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด หมดกิเลสสิ้นเชิง เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น เมื่อดับขันธนิพพานแล้วไม่เกิดในภพภูมิใดๆ อีก (ดู บาลีวันละคำ (63) 7-7-55)
พระอรหันต์ 4 ประเภทที่ควรทราบ คือ –
1 พระสุกขวิปัสสก (-สุก-ขะ-วิ-ปัด-สก) = “ผู้เห็นแจ้งกิเลสแห้งจากใจ” คือผู้เจริญวิปัสสนาล้วน สำเร็จเป็นพระอรหันต์ มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่นอีก เช่นไม่ได้ฌานสมาบัติ ไม่ได้อภิญญา เป็นต้น
2 พระเตวิชชะ (-เต-วิด-ชะ) = “ผู้ได้วิชชาสาม” คือ [1] ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ที่ระลึกชาติได้ [2] จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย (รู้ว่าใครตายไปเกิดเป็นอะไรที่ไหน) [3] อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น
3 พระฉฬภิญญะ (-ฉะ-ละ-พิน-ยะ) = “ผู้ได้อภิญญาหก” คือ [1] อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ [2] ทิพพโสต หูทิพย์ [3] เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ทายใจคนอื่นได้ [4] ปุพเพนิวาสานุสติ ญาณ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ [5] ทิพพจักขุ ตาทิพย์ [6] อาสวักขยญาณ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป
4 พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (-ปะ-ติ-สำ-พิ-ทับ-ปัด-ตะ) = “ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา” ปฏิสัมภิทา คือ ปัญญาแตกฉานใน 4 ทาง คือ [1] อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ [2] ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม [3] นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในทางนิรุกติ คือภาษา [4] ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ
หลักพื้นฐานที่ควรทราบเกี่ยวกับพระอรหันต์
– พระอรหันต์ไม่หัวเราะ ไม่ยิ้ม
– พระอรหันต์ไม่ฝัน
– พระอรหันต์ไม่เกิดอีก
บาลีวันละคำ (123)
8-9-55
พระอรหันต์ 4 คือ
1 พระสุกขวิปัสสก
2 พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา 3)
3 พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา 6)
4 พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4)
พระอรหันต์ ๕ คือ
๑. พระปัญญาวิมุต
๒. พระอุภโตภาควิมุต
๓. พระเตวิชชะ
๔. พระฉฬภิญญะ
๕. พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ;
ดู อริยบุคคล
พระสุกขวิปัสสก
พระผู้เจริญวิปัสสนาล้วน สำเร็จพระอรหัต มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่นอีก เช่นไม่ได้ฌานสมาบัติ ไม่ได้อภิญญา เป็นต้น; ดู อรหันต์
วิชชา
ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ; วิชชา ๓ คือ
๑. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ที่ระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย
๓. อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น
วิชชา ๘ คือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณในวิปัสสนา
๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ
๓. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ
๔. ทิพพโสต หูทิพย์
๕. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่นได้
๖. ปุพเพนิวาสานุสติ
๗. ทิพพจักขุ ตาทิพย์ (= จุตูปปาตญาณ)
๘. อาสวักขยญาณ
(ประมวลศัพท์)
อภิญญา
ความรู้ยิ่ง, ความรู้เจาะตรงยวดยิ่ง, ความรู้ชั้นสูง มี ๖ อย่างคือ
๑. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้
๒. ทิพพโสต หูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ ญาณที่ให้ทายใจคนอื่นได้
๔. ปุพเพนิวาสานุสติ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้
๕. ทิพพจักขุ ตาทิพย์
๖. อาสวักขยญาณ ญาณทำให้อาสวะสิ้นไป,
๕ อย่างแรกเป็นโลกียอภิญญา ข้อสุดท้ายเป็นโลกุตตรอภิญญา
(ประมวลศัพท์)
ปฏิสัมภิทา
ความแตกฉาน, ความรู้แตกฉาน, ปัญญาแตกฉาน มี ๔ คือ
๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในทางนิรุกติ คือ ภาษา
๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ
(ประมวลศัพท์)\