ถ้าเริ่มคิดวันนี้
————–
วันหนึ่งก็ต้องทำได้
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๕
(สมมุติว่า) กรุงเทพฯ มีรถแท็กซี่บริการประชาชนแล้ว
ผมพาลุงอายุ ๗๕ ไปเที่ยวสนามหลวง
เที่ยวจนอิ่มแล้ว ขากลับเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สายใต้
ถามราคาว่าจากสนามหลวงไปสายใต้คิดเท่าไร
แท็กซี่บอกราคา
ผมตกลง พาลุงขึ้นแท็กซี่ไป
……………………
ปีพุทธศักราช ๒๕๖๔
ตอนนี้ผมเป็นลุงบ้างแล้ว
หลานพาผมไปเที่ยวสนามหลวง
เที่ยวจนอิ่มแล้ว ขากลับเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สายใต้
แท็กซี่เข้ามาจอด หลานพาผมขึ้นไปนั่ง
“ไปสายใต้” หลานบอกแท็กซี่
“อ้าว ไม่ถามราคาเขาก่อนรึ” ผมกระซิบถามหลาน
หลานหัวเราะ บอกว่านั่นมันเมื่อ ๑๐๐ ปีมาแล้วโน่นลุง เดี๋ยวนี้เขาใช้แท็กซี่มิเตอร์ คิดค่าโดยสารตามมิเตอร์กันหมดแล้ว
……………………
ปีพุทธศักราช ๒๖๖๔
ตอนนั้นหลานของหลานคนใดคนหนึ่งคงเป็นลุงคนใดคนหนึ่งไปแล้ว
หลานพาลุงซึ่งเคยเป็นหลานไปเที่ยวสนามหลวง
เที่ยวจนอิ่มแล้ว ขากลับเรียกแท็กซี่ไปส่งที่สายใต้
แท็กซี่เข้ามาจอด หลานพาลุงขึ้นไปนั่ง
“ไปสายใต้” หลานบอกแท็กซี่
ลุงไม่สงสัยว่าทำไมไม่ถามราคาเพราะเคยรู้จักแท็กซี่มิเตอร์
แต่เมื่อถึงสายใต้ หลานไม่ได้ส่งเงินค่าโดยสารให้แท็กซี่ แต่ส่งบัตรให้แทน
“อ้าว ไม่จ่ายเป็นเงินหรอกรึ” ลุงกระซิบถามหลาน
หลานหัวเราะ บอกว่านั่นมันเมื่อ ๑๐๐ ปีมาแล้วโน่นลุง เดี๋ยวนี้เขาใช้แท็กซี่รูดบัตรกันแล้ว
……………………..
เมื่อใดมีแท็กซี่รูดบัตร
เมื่อนั้นพระเณรก็ไม่ต้องควักเงินออกมาจ่ายค่าแท็กซี่-เมื่อจำเป็นต้องนั่งแท็กซี่
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยพระเณรรักษาพระธรรมวินัย
พระเณรจะต้องจ่ายค่าอะไรอีก ก็ช่วยกันคิดหาวิธีแบบเดียวกันนี้ จนกระทั่งทุกรายการที่พระเณรจำเป็นจะต้องจ่าย สามารถใช้วิธีรูดบัตรได้ทั้งหมด
ญาติโยมที่จะสงเคราะห์พระเณรมีหน้าที่เอา “กำลังซื้อ” ใส่เข้าไปในบัตรที่พระเณรถือติดตัว ขั้นตอนนี้พระเณรไม่ต้องมาเกี่ยวด้วย
“กำลังซื้อ” ที่ว่านี้อาจเป็นเงินหรือเป็นอะไรก็ได้ที่ใช้แทนเงิน แต่พระเณรไม่ต้องจับไม่ต้องรับซึ่งจะผิดวินัย
สิ่งที่อยู่ในบัตรไม่ใช่เงิน เพราะเอาไปเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ เอาไปรูดรายการที่ไม่สมควรแก่สมณบริโภคก็ไม่ได้
ถึงตอนนั้นเราก็จะได้รู้กันว่า ที่อ้างว่าพระไม่ใช้เงินจะอยู่เป็นพระไม่ได้นั้น มีรายการอะไรบ้างที่ต้องใช้เงินจึงจะอยู่เป็นพระได้ และมีรายการอะไรบ้างที่-จริงๆ แล้วพระไม่ต้องมี ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องทำ พระก็สามารถเป็นพระอยู่ได้
รายการที่พิสูจน์แล้วว่า จำเป็นจริงๆ ไม่มี อยู่เป็นพระไม่ได้จริงๆ ก็เอาบรรจุเข้าไว้ในบัตร นั่นคือสิ่งที่สมควรแก่สมณบริโภค เมื่อถึงเวลาใช้-จ่าย พระเณรก็รูดเอาโดยไม่ต้องใช้เงิน
ส่วนอะไรที่ไม่ต้องมี ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องทำ ก็สามารถเป็นพระอยู่ได้ ก็จะไม่มีอยู่ในบัตร เป็นการสกรีนการดำรงชีพของสงฆ์ไปในตัว พระเณรจะได้รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะไปทำอะไรที่นอกกรอบวิถีชีวิตสงฆ์ไม่ได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ถ้าเริ่มคิดวันนี้ วันหนึ่งไม่นานนักเราก็จะช่วยกันทำได้สำเร็จ-วิธีช่วยพระเณรให้อยู่ในสังคมสมัยใหม่ได้ด้วย รักษาพระธรรมวินัยได้ด้วย
ฝันเฟื่องตามประสาโยมแก่ๆ คนหนึ่ง ว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำนะขอรับ
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
๑๓:๒๕