บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

บทความชุด :

บทความชุด :

ถ้าจะรักษาพระศาสนา

จงรักษาวิถีชีวิตสงฆ์

-๙-

ปวารณา: พยานปากเอก- (๗) 

———————————–

ที่ยืนยันว่า นี่เราขาดการรักษาสืบทอดวิถีชีวิตสงฆ์กันแล้วจริงๆ

เมื่อเริ่มต้นคิดที่จะช่วยให้พระเณรไม่ต้องรับเงินไม่ต้องจับจ่ายเงินด้วยตนเองก็สามารถดำรงวิถีชีวิตสงฆ์อยู่ได้ในสังคมปัจจุบัน ก็ต้องพูดความจริงและยอมรับความจริงกันก่อน

และการพูดความจริงบางอย่างอาจเจ็บปวดบ้าง-เหมือนผ่าตัด ต้องยอมเจ็บบ้าง

กราบขอประทานอภัยที่จะต้องพูดว่า กรณีพระเณรรับเงินใช้เงินเหมือนชาวบ้าน ถ้าจะอุปมาให้เห็นภาพชัดก็ต้องอุปมาเหมือนคนที่ตกหลุมคูถ

คนตกหลุมคูถ ต้องพยายามหาทางป่ายปีนขึ้นจากหลุมคูถ

ไม่ใช่พยายามหาวิธีอยู่ในหลุมคูถต่อไป

คำอ้างที่ว่า-ถ้าไม่รับเงิน ไม่ใช้เงิน พระจะอยู่ไม่ได้ นั่นคือการพยายามหาวิธีอยู่ในหลุมคูถต่อไป

เมื่อพระตกไปในหลุมคูถเช่นนี้ เมื่อจะช่วยท่าน คุณสมบัติจำเป็นข้อสำคัญก็คือ อย่ารังเกียจท่าน

พระสงฆ์ที่ผมรู้จักคบคุ้นอยู่ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าแทบทุกรูปรับเงิน หยิบจับเงินใช้จ่ายด้วยตนเอง หลายรูปไม่ต้องสงสัยเพราะท่านทำให้เห็นแจ้งๆ 

แต่ผมไม่เคยรังเกียจท่านเหล่านั้นเลยแม้สักขณะจิต

ท่านทำเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน เป็นเรื่องที่ท่านก็ต้องรับผิดตัวท่านเอง หรือพูดกันตรงๆ ก็เป็นความบกพร่องของท่านเอง 

แต่การเคารพนับถือเป็นหน้าที่ของเรา ต้องแยกกันให้ออก

ถ้าเราขาดความเคารพนับถือ หรือถึงกับรังเกียจตัวท่าน เราก็บกพร่องไปอีกคนหนึ่ง

โบราณท่านเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องแบบนี้ จึงเตือนสติไว้ว่า –

…………………………

ไม่ไหว้คน ก็ให้ไหว้ผ้าเหลือง

ไม่เห็นแก่คน ก็ให้เห็นแก่ผ้าเหลือง

…………………………

แต่คนส่วนหนึ่ง-ซึ่งน่าจะมีไม่น้อยทีเดียว-ไม่ฟังโบราณ เห็นพระประพฤติบกพร่องที่ไหนเป็นต้องรุมจิกรุมด่ารุมกระทืบ อ้างว่าพระศาสนาจะสะอาด ต้องช่วยกันพิฆาตอลัชชี

ผมอยากจะบอกว่า รุมจิกรุมด่ารุมกระทืบรุมพิฆาตพระที่ประพฤติบกพร่อง จะไม่ช่วยทำให้พระศาสนาสะอาดขึ้นมาได้เลย 

แต่จะทำให้พระศาสนายับเยินยิ่งขึ้น

………………….

ผมประกาศเสมอว่า ผมเข้าข้างพระทุกกรณี

พระประพฤติบกพร่อง ผมไม่เห็นด้วยกับความประพฤติบกพร่อง แต่ผมอยู่ข้างท่าน

พระทะเลาะกับชาวบ้าน แม้พระจะผิด ผมก็เข้าข้างพระ

พระกับพระทะเลาะกันเอง ผมเข้าทั้งสองข้าง

หลักของผมก็คือ เราอยู่ข้างใคร เราจะมีโอกาสช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของเขาได้มากที่สุด โดยอาศัยสิทธิความเป็นพวกเดียวกัน และเพราะความเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง มีโอกาสมากที่สุดที่เขาจะฟังเรา นั่นคือเรามีโอกาสมากที่สุดที่จะช่วยแก้ไขข้อบกพร่อง

แต่ถ้าเราไปอยู่เสียอีกฝั่งหนึ่ง โอกาสที่จะช่วยแก้ไขความบกพร่องจะเป็นศูนย์ เขาจะไม่ฟังเราเพราะอยู่กันคนละพวก ความบกพร่องใดๆ ที่เขาทำขึ้นหรือที่เขามีอยู่ก็จะคงติดอยู่กับเขาตลอดไป ซึ่งนั่นก็คือเขาก็จะมีโอกาสสร้างปัญหาได้ตลอดไปนั่นเอง

………………….

ผมพยายามหาทางที่จะช่วยให้พระเณรขึ้นมาจากหลุมคูถ

แนวคิดของผมก็คือ ถ้าเราช่วยกันคิดหาทางตั้งแต่วันนี้ วันหนึ่งจะต้องทำสำเร็จ

แต่ถ้าไม่คิดหาทางตั้งแต่วันนี้ เราก็จะอยู่ในหลุมคูถกันตลอดไป

……………………………

ข้อเท็จจริง: เคยมีคนที่ตกหลุมคูถนี้ แล้วตะเกียกตะกายหาทางกลับขึ้นไปได้สำเร็จ

เพราะฉะนั้น คนที่กำลังตกหลุมคูถในวันนี้ ถ้าพยายามตะเกียกตะกายหาทางกลับขึ้นไป ก็จะสามารถทำสำเร็จได้สักวันหนึ่ง

เป้าหมาย: พระภิกษุสามเณรไม่ต้องรับเงิน ไม่ต้องหยิบจับเงินออกมาจ่าย แต่สามารถดำรงวิถีชีวิตสงฆ์อยู่ในสังคมปัจจุบันได้อย่างสบาย ตามสภาพของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา

วิธีการ: จัดทำปวารณาบัตรประจำตัวพระภิกษุสามเณร

……………………………

ปวารณาบัตรมีแนวคิดมาจากพุทธานุญาตเรื่องปวารณาดังที่ได้พูดไว้แล้วในตอนแรกๆ

พุทธานุญาตเรื่องปวารณามีต้นเหตุมาจากเศรษฐีท่านหนึ่งเห็นความลำบากของพระในเวลาเดินทางในถิ่นกันดาร พระจะหาซื้อเสบียงเองก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงิน ไม่มีเงินเพราะมีพุทธบัญญัติห้ามรับเงิน เศรษฐีจึงทูลขอให้มีพุทธานุญาตให้พระรับเสบียงที่มีผู้จัดซื้อถวายได้

จึงเกิดเป็นหลักการปวารณา คือ –

๑ มีผู้มีศรัทธาบริจาคเงิน

๒ มีผู้เอาเงินนั้นไปจัดซื้อของถวายพระ

๓ มีพุทธานุญาตให้พระรับของนั้นได้

ขอเชิญศึกษาพระไตรปิฎกเป็นการเจริญปัญญา

……………………………

สนฺติ  ภิกฺขเว  มนุสฺสา  สทฺธา  ปสนฺนา  

เต  กปฺปิยการกานํ  หตฺเถ  หิรญฺญสุวณฺณํ  อุปนิกฺขิปนฺติ  

อิมินา  ยํ  อยฺยสฺส  กปฺปิยํ  ตํ  เทถาติ  ฯ  

……………………………

สนฺติ  ภิกฺขเว  มนุสฺสา  สทฺธา  ปสนฺนา  

มีอยู่ ภิกษุทั้งหลาย ชาวบ้านที่มีศรัทธาเลื่อมใส 

เต  กปฺปิยการกานํ  หตฺเถ  หิรญฺญสุวณฺณํ  อุปนิกฺขิปนฺติ  

เขามอบเงินทองไว้ในมือกัปปิยการก สั่งว่า

อิมินา  ยํ  อยฺยสฺส  กปฺปิยํ  ตํ  เทถาติ  ฯ  

สิ่งใดควรแก่พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านจงถวายสิ่งนั้นด้วยกัปปิยภัณฑ์นี้

……………………………

อนุชานามิ  ภิกฺขเว  ยํ  ตโต  กปฺปิยํ  ตํ  สาทิตุํ  

น  เตฺววาหํ  ภิกฺขเว  เกนจิ  ปริยาเยน  

ชาตรูปรชตํ  สาทิตพฺพํ  ปริเยสิตพฺพนฺติ  วทามีติ  ฯ 

……………………………

อนุชานามิ  ภิกฺขเว  ยํ  ตโต  กปฺปิยํ  ตํ  สาทิตุํ  

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ยินดีของอันเป็นกัปปิยะจากกัปปิยภัณฑ์นั้นได้ 

น  เตฺววาหํ  ภิกฺขเว  เกนจิ  ปริยาเยน  

ชาตรูปรชตํ  สาทิตพฺพํ  ปริเยสิตพฺพนฺติ  วทามีติ  ฯ 

แต่เรามิได้กล่าวว่า พึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงิน โดยปริยายไรๆ เลย

ที่มา: วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๒ พระไตรปิฎกเล่ม ๕ ข้อ ๘๕

………………….

ตอนหน้า – วิธีทำปวารณาบัตร

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔

๑๔:๐๑

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *