สุภาสิตวาจา (บาลีวันละคำ 3,289)
สุภาสิตวาจา
วาจาสุภาษิต
คำในพระสูตร: สุภาสิตา จ ยา วาจา (สุ-พา-สิ-ตา จะ ยา วา-จา)
“สุภาสิตวาจา” อ่านว่า สุ-พา-สิ-ตะ-วา-จา
แยกศัพท์เป็น สุภาสิต + วาจา
(๑) “สุภาสิต”
อ่านว่า สุ-พา-สิ-ตะ ประกอบด้วย สุ + ภาสิต
(ก) “สุ”
เป็นคำอุปสรรค (คำที่ใช้ประกอบข้างหน้าคำนามหรือกริยาให้มีความหมายยักเยื้องออกไป) นักเรียนบาลีแปลกันว่า ดี, งาม, ง่าย
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความหมายของ “สุ-” ไว้ว่า well, happily, thorough (ดี, อย่างมีสุข, ทั่วถึง)
(ข) “ภาสิต”
อ่านว่า พา-สิ-ตะ รากศัพท์มาจาก ภาสฺ (ธาตุ = พูด) + อิ อาคมท้ายธาตุ + ต ปัจจัย
: ภาสฺ + อิ + ต = ภาสิต แปลตามศัพท์ว่า “คำที่พึงพูด”
“ภาสิต” ตามรูปศัพท์เป็นคำกริยาอดีตกาล (past participle) กรรมวาจก แปลว่า “(คำ อันเขา) กล่าวแล้ว” หมายถึง คำหรือเรื่องราวที่ถูกกล่าว, พูด, เอ่ย (spoken, said, uttered)
แต่ “ภาสิต” สามารถใช้เป็นคำนามก็ได้ด้วย แปลว่า คำพูด, ถ้อยคำ (speech, word)
สุ + ภาสิต = สุภาสิต แปลตามศัพท์ว่า “อันเขากล่าวแล้วดี” หมายถึง พูดดี (well spoken) หรือคำกล่าวที่ดี (good words)
บาลี “สุภาสิต” ตรงกับที่ไทยเราใช้ตามสันสกฤตเป็น “สุภาษิต” (บาลี –สิต ส เสือ, สันสกฤต –ษิต, ษ ฤๅษี)
ในที่นี้สะกดเป็น “สุภาสิต” ตามบาลี ไม่ใช่ “สุภาษิต” ตามสันสกฤต
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สุภาษิต : (คำนาม) ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายเป็นคติสอนใจ เช่น รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ นํ้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ. (ส.; ป. สุภาสิต ว่า ถ้อยคําที่กล่าวดีแล้ว).”
…………..
อย่างไรจึงเรียกว่า “สุภาสิต” :
พึงทราบว่า “สุภาสิต” ในบาลี และโดยเฉพาะในคำนี้ ไม่ได้หมายถึง “ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายเป็นคติสอนใจ” เหมือน “สุภาษิต” ในภาษาไทย
“สุภาสิต” ในบาลีหมายถึง คำพูดที่พูดถูกต้อง พูดดี มีคุณประโยชน์แก่ผู้ฟัง คำพูดที่มีลักษณะเช่นว่านี้แม้พูดขึ้นเดี๋ยวนี้เองก็เรียกว่า “สุภาสิต”
องค์ประกอบของคำพูดที่จะเรียกได้ว่าเป็น “สุภาสิต” ตามมาตรฐานของพระพุทธศาสนามี 5 ประการ คือ –
(1) กาเลน จ ภาสิตา โหติ = พูดถูกกาลเทศะ
(2) สจฺจา จ ภาสิตา โหติ = พูดเรื่องจริง
(3) สณฺหา จ ภาสิตา โหติ = พูดสุภาพเรียบร้อย
(4) อตฺถสญฺหิตา จ ภาสิตา โหติ = พูดเรื่องมีสาระประโยชน์
(5) เมตฺตจิตฺเตน จ ภาสิตา โหติ = พูดด้วยน้ำใจแห่งมิตร
(๒) “วาจา”
รากศัพท์มาจาก วจฺ (ธาตุ = พูด) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ว-(จฺ) เป็น อา ตามสูตร “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” (วจฺ > วาจ) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตฺถีลิงค์
: วจฺ + ณ = วจณ > วจ > วาจ + อา = วาจา แปลตามศัพท์ว่า “คำอันเขาพูด” หมายถึง คำพูด การกล่าว, การพูด, วาจา (word, saying, speech)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“วาจา : (คำนาม) ถ้อยคํา, คํากล่าว, คําพูด, เช่น วาจาสุภาพ วาจาอ่อนหวาน วาจาสัตย์. (ป., ส.).”
สุภาสิต + วาจา = สุภาสิตวาจา (สุ-พา-สิ-ตะ-วา-จา) แปลว่า “วาจาอันกล่าวดีแล้ว”
ขยายความ :
มงคลข้อที่ 10 ในมงคล 38 ตามนัยแห่งมงคลสูตร คำบาลีในพระสูตรว่า “สุภาสิตา จ ยา วาจา” (สุ-พา-สิ-ตา จะ ยา วา-จา) แปลว่า “วาจาที่เป็นสุภาษิตประการหนึ่ง” ไขความว่า รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [353] มงคล 38 บอกไว้ว่า –
10. สุภาสิตา จ ยา วาจา (วาจาสุภาษิต, รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี — Subhāsitavācā: well-spoken speech)
…………..
ในคัมภีร์ท่านขยายความ “สุภาสิตวาจา = วาจาสุภาษิต” ไว้ดังนี้ –
…………..
สา หิ ยถา ปฏิรูปเทสวาโส เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต มงฺคลนฺติ วุจฺจติ.
สุภาสิตวาจานั้นแลพระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นปัจจัยแห่งประโยชนสุขในโลกทั้งสองคือโลกนี้และโลกหน้า และเป็นปัจจัยแห่งการบรรลุพระนิพพานของคนทั้งหลาย เช่นเดียวกับมงคลข้อปฏิรูปเทส
ที่มา: มังคลัตถทีปนี ภาค 1 ข้อ 287 หน้า 263
…………..
ดูก่อนภราดา!
: พูดดีไม่ได้
: ไม่พูดดีกว่า
—————–
ตามไปอ่านบาลีวันละคำทั้งหมดได้ที่ลิงก์นี้:
#บาลีวันละคำ (3,289) (ชุดมงคล 38)
14-6-64