ถอดรองเท้าใส่บาตร
———————
หรือ-ใส่รองเท้าได้ไหม
ตลกที่ไม่ควรขำจนลืมสาระ
มีคำแนะนำอันเป็นที่รู้กันว่า เวลาใส่บาตรควรถอดรองเท้าก่อน หรืออย่าใส่บาตรทั้งที่กำลังสวมรองเท้าอยู่
คำแนะนำนี้มีคนเอาไปคิดมุก
“ถอดรองเท้าใส่บาตร” คือถอดรองเท้าก่อนที่จะใส่บาตร เพราะสวมรองเท้าด้วยใส่บาตรด้วย เป็นการไม่เคารพพระ
คนคิดเป็นมุกว่า ถอดรองเท้า แล้วก็เอารองเท้าใส่บาตรแทนอาหาร – นี่คือถอดรองเท้าใส่บาตร – กะจะให้ขำตรงนี้
“ใส่รองเท้าได้ไหม” คือข้อฉงนว่า เวลาจะใส่บาตร สวมรองเท้าอยู่ ใส่บาตรได้ไหม พูดสั้นๆ – ใส่รองเท้าได้ไหม (เวลาใส่บาตร)
คนก็เอาไปคิดเป็นมุกว่า ใส่ข้าว ใส่แกง ใส่ขนม ของพวกนี้ใส่บาตรได้ แล้วใส่รองเท้าล่ะได้ไหม คือเอารองเท้าใส่บาตรด้วย ได้ไหม – กะจะให้ขำตรงนี้
…………………
ถ้าจะว่าไปแล้ว ต้องยอมรับว่าคนที่คิดมุกแบบนี้เป็นคนที่รู้ภาษาไทยดีมากๆ แต่น่าเสียดายที่มุ่งแต่จะเล่นสนุก แบบเดียวกับพวกตลกที่เอาพระเณรมาล้อเลียน
การใส่บาตรนั้นเป็นบุญกิริยาที่สำคัญ เมื่อเป็นเรื่องบุญกุศลก็ไม่น่าจะเอามาทำเป็นเรื่องตลก อันที่จริง ทาน ศีล ภาวนา เป็นหลักไตรสิกขาของชาวพุทธ เป็นสิ่งที่ควรเคารพ อย่างเลวๆ ถ้าไม่เคารพก็อย่าเอามาพูดเล่น
พูดอย่างนี้ก็คงมีคนอยากบอกว่า … อย่าเครียดสิลุง
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะทำความเข้าใจกันบ้าง
คือเรามักจะเข้าใจกันว่า ต้องเล่นตลก ต้องพูดตลก ต้องพูดล้อเลียนเล่น ต้องเอาเรื่องใต้สะดือมาพูดเล่นเฉียดไปเฉียดมา – แบบนั้นจึงจะถือว่าไม่เครียด ใครไม่ทำแบบนั้น หรือไม่สนุกกับการทำแบบนั้น ถือว่าเป็นคนเครียด
เครียดหรือไม่เครียด เอาอะไรเป็นเกณฑ์
นักเรียนบาลีย่อมจะเคยได้เห็นคำว่า –
…………………….
อถโข ภควา … ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา …
พระผู้มีพระภาคทรงทำให้ … เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา (ถ้อยคำอันประกอบด้วยธรรม) …
…………………….
หรือถอดคำกิริยาเป็นคำนามว่า สันทัสสนา สมาทปนา สมุตเตชนา สัมปหังสนา
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายความหมายคำทั้ง ๔ ไว้ดังนี้ –
…………………….
สันทัสสนา: การให้เห็นชัดแจ้ง หรือชี้ให้ชัด คือ ชี้แจงให้เข้าใจชัดเจน มองเห็นเรื่องราวและเหตุผลต่างๆ แจ่มแจ้ง เหมือนจูงมือไปดูเห็นประจักษ์กับตา
สมาทปนา: การให้สมาทาน หรือชวนให้ปฏิบัติ คืออธิบายให้เห็นว่าเป็นความจริง ดีจริง จนใจยอมรับที่จะนำไปปฏิบัติ
สมุตเตชนา: การทำให้อาจหาญ คือเร้าใจให้แกล้วกล้า ปลุกใจให้คึกคัก เกิดความกระตือรือร้น มีกำลังใจแข็งขันมั่นใจที่จะทำให้สำเร็จ ไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยหรือยากลำบาก
สัมปหังสนา: การทำให้ร่าเริงหรือปลุกให้ร่าเริง คือ ทำบรรยากาศให้ร่าเริง สดชื่นแจ่มใส เบิกบานใจ ให้ผู้ฟังแช่มชื่นมีความหวัง มองเห็นผลดีและทางสำเร็จ
…………………….
ในฐานะชาวพุทธ เรามีวิธีสนุกร่าเริงแบบพุทธอยู่แล้ว ทำไมไม่เอามาใช้
ผมไม่ได้ต่อต้านการเล่นสนุกแบบชาวโลก แต่มีความเห็นว่า ถ้าอยากจะสนุกแบบนั้นก็มีเรื่องทางโลกๆ ที่สามารถเอามาเล่นสนุกได้อีกเยอะแยะไป
ถ้าเคารพธรรม ควรหลีกเลี่ยง อย่าเอาเรื่องทางธรรมมาล้อเล่น
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๔
๑๘:๑๒
—————–
ภาพประกอบ: จาก google
………………………………