ทานะ (บาลีวันละคำ 3,295)
ทานะ
รู้จักให้
คำในพระสูตร: ทานญฺจ (ทา-นัน-จะ)
“ทานะ” อ่านว่า ทา-นะ
“ทานะ” เขียนแบบบาลีเป็น “ทาน” อ่านว่า ทา-นะ รากศัพท์มาจาก ทา (ธาตุ = ให้) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: ทา + ยุ > อน = ทาน (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การให้” “สิ่งของสำหรับให้”
“ทาน” ในบาลีใช้ในความหมายว่า –
(1) การให้, ยกมอบแก่ผู้อื่น, ให้ของที่ควรให้ แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
(2) สิ่งที่ให้, ทรัพย์สินสิ่งของที่มอบให้หรือแจกออกไป
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ทาน” ว่า giving, dealing out, gift; almsgiving, liberality, munificence (การให้, การแจกให้, ของขวัญ; การให้ทาน, การมีใจคอกว้างขวาง)
“ทาน” ใช้ในรูปเดียวกันทั้งบาลีและสันสกฤต
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ทาน : (คำนาม) ‘ทาน’, การให้, การบริจาค; มันเหลวซึ่งเยิ้มออกจากขมับช้างตกน้ำมัน; การอุปถัมภ์, การบำรุง; วิศุทธิ, นิรมลีกรณ์; การตัด, การแบ่ง; ทักษิณา, ของถวาย, ของให้เปนพิเศษ; การตี, การเฆาะ; อรัณยมธุ, น้ำผึ้งป่า; giving, gift, donation; fluid that flows from the temples of an elephant in rut; nourishing, cherishing; a present, a special gift; striking, beating; wild honey.”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต ขยายความคำว่า “ทาน” ไว้ว่า –
“ทาน : การให้, ยกมอบแก่ผู้อื่น, ให้ของที่ควรให้ แก่คนที่ควรให้ เพื่อประโยชน์แก่เขา, สละให้ปันสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น; สิ่งที่ให้, ทรัพย์สินสิ่งของที่มอบให้หรือแจกออกไป;
ทาน 2 คือ
1. อามิสทาน ให้สิ่งของ
2. ธรรมทาน ให้ธรรม;
ทาน 2 อีกหมวดหนึ่ง คือ
1. สังฆทาน ให้แก่สงฆ์ หรือให้เพื่อส่วนรวม
2. ปาฏิบุคลิกทาน ให้เจาะจงแก่บุคคลผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ทาน ๑, ทาน– : (คำนาม) การให้, มักใช้ประกอบท้ายคำอื่น เช่น ธรรมทาน วิทยาทาน; สิ่งที่ให้ มักหมายถึงเงินหรือสิ่งของที่คนให้แก่คนยากจน, เป็นธรรมข้อ ๑ ในสังคหวัตถุและทศพิธราชธรรม. (ดู สังคหวัตถุและทศพิธราชธรรม).”
อภิปรายขยายความ :
มงคลข้อที่ 15 ในมงคล 38 ตามนัยแห่งมงคลสูตร คำบาลีในพระสูตรว่า “ทานญฺจ” (ทา-นัน-จะ) แปลว่า “การให้ ประการหนึ่ง”
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [353] มงคล 38 บอกไว้ว่า –
15. ทานญฺจ (รู้จักให้, เผื่อแผ่แบ่งปัน, บริจาคสงเคราะห์และบำเพ็ญประโยชน์ — Dāna: charity; liberality; generosity)
…………..
“ทานะ” = รู้จักให้ หรือมักพูดทับศัพท์ว่า “ทาน” มีหลักปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลไพบูลย์ ซึ่งขอให้คำว่า “เจตนาสามกาล” ได้แก่ –
(1) ปุพพเจตนา (ปุบ-พะ-) (ความตั้งใจในเบื้องต้น) = เจตนาก่อนจะทำ
(2) มุญจนเจตนา (มุน-จะ-นะ-) (แปลตามศัพท์ว่า “ความตั้งใจในการปล่อย”) = เจตนาในขณะทำ คือขณะปล่อยสิ่งของออกจากมือเพื่อให้แก่ผู้อื่น (เน้นที่ “ทาน–การให้”)
เจตนาที่ 2 นี้คำเดิมท่านเรียก “สันนิฏฐาปกเจตนา” แปลตามศัพท์ว่า “ความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ” หมายถึงเจตนาในขณะลงมือทำและทำจนสำเร็จ
(3) อปรเจตนา หรือ อปราปรเจตนา (อะ-ปะ-ระ- หรือ อะ-ปะ-รา-ปะ-ระ-) (ความตั้งใจต่อมา) = เจตนาสืบเนื่องต่อมาจากการกระทำนั้น หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากได้ทำสำเร็จแล้ว
ท่านสอนว่า ควรถวายทานหรือให้ทานด้วยเจตนาที่ครบทั้งสามกาล คือ –
(1) ก่อนให้ มีใจยินดี (ปุพพเจตนา)
(2) ขณะให้ ทำใจผ่องใส (มุญจนเจตนา)
(3) ให้แล้ว ชื่นชมปลื้มใจ (อปรเจตนา)
แถม :
ท่านว่า ผู้ที่ทำบุญให้ทานแล้วรู้สึกเสียดายในภายหลัง ผลแห่งทานย่อมทำให้มีทรัพย์สมบัติมาก แต่ผลแห่งอปรเจตนาที่ไม่ผ่องใส จะทำให้ไม่ได้เสวยสุขอันเกิดจากสมบัตินั้น กล่าวคือ “รวย แต่ไม่มีความสุข”
พระพุทธพจน์ :
ปุพฺเพว ทานา สุมโน
ททํ จิตฺตํ ปสาทเย
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ
เอสา ยญฺญสฺส สมฺปทา.
(ทานสูตร อังคุตรนิกาย ฉักกนิบาต
พระไตรปิฎกเล่ม ๒๒ ข้อ ๓๐๘)
ก่อนให้ ก็ปลอดโปร่ง
กำลังให้ ก็เปรมปรีดิ์
ให้แล้ว ก็ปลาบปลื้ม
บุญที่สมบูรณ์เป็นดั่งนี้
…………..
ในคัมภีร์ท่านแสดงเหตุผลที่ “ทานะ = รู้จักให้” เป็นมงคลไว้ดังนี้ –
…………..
ตํ พหุชนสฺส ปิยตาทีนํ ทิฏฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต มงฺคลํ.
ทานะนั้นชื่อว่าเป็นมงคลเพราะเป็นเหตุบรรลุผลพิเศษอันเป็นไปในทิฏฐธรรม (คือในชาติปัจจุบันทันตาเห็น) และสัมปรายภพ (คือชาติหน้า) มีความเป็นผู้เป็นที่รักแห่งชนมากเป็นต้น
ที่มา: มังคลัตถทีปนี ภาค 2 ข้อ 23 หน้า 18
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ความเป็นเศรษฐีไม่ได้วัดกันที่มีกี่ล้าน
: แต่วัดกันที่เคยทำทานบ้างหรือเปล่า
—————–
#บาลีวันละคำ (3,295) (ชุดมงคล 38)
20-6-64