อนวัชกัมมะ (บาลีวันละคำ 3,300)
อนวัชกัมมะ
การงานที่ไม่มีโทษ
คำในพระสูตร: อนวชฺชานิ กมฺมานิ (อะ-นะ-วัด-ชา-นิ กำ-มา-นิ)
“อนวัชกัมมะ” อ่านว่า อะ-นะ-วัด-ชะ-กำ-มะ
แยกศัพท์เป็น อนวัช + กัมมะ
(๑) “อนวัช”
เขียนแบบบาลีเป็น “อนวชฺช” อ่านว่า อะ-นะ-วัด-ชะ รากศัพท์มาจาก น + อวชฺช
(ก) “น” บาลีอ่านว่า นะ เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ
นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “น ไม่ โน ไม่ มา อย่า ว เทียว” (น [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, ว [วะ] = เทียว)
“น” เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
(ข) “อวชฺช” อ่านว่า อะ-วัด-ชะ รากศัพท์มาจาก อ (อะ มีฐานะเป็น “ศัพท์สกรรถ” คือลงไว้ แต่ไม่มีความหมาย) + วทฺ (ธาตุ = พูด) + ณฺย ปัจจัย, ลบ ณฺ (ณฺย > ย), แปลง ทฺย (คือ ทฺ ที่สุดธาตุกับ ย ที่ลบ ณฺ แล้ว) เป็น ชฺช
: อ + วทฺ = อวทฺ + ณฺย = อวทฺณฺย > อวทฺย > อวชฺช (คุณศัพท์) แปลตามศัพท์ “ผู้ควรถูกดูหมิ่นว่าเป็นคนเลวโดยชาติกำเนิดและความประพฤติเป็นต้น” หมายถึง ต่ำต้อยหรือต่ำกว่า, น่าตำหนิ, เลว, น่าติเตียน (low, inferior, blamable, bad, depreciable)
จะเห็นได้ว่า “อวชฺช” มีความหมายเท่ากับ “วชฺช” (ที่เราคุ้นกันในภาษาไทย เช่น วัชพืช โลกวัชชะ) นั่นเอง นี่คือที่บอกว่า “อะ มีฐานะเป็น ‘ศัพท์สกรรถ’ คือลงไว้ แต่ไม่มีความหมาย”
น + อวชฺช
ตามกฎไวยากรณ์บาลี :
(1) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อ” (อะ)
(2) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยสระ คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อน” (อะ-นะ)
ในที่นี้ “อวชฺช” ขึ้นต้นด้วยสระ (อ-) ดังนั้นจึงต้องแปลง “น” เป็น “อน”
น + อวชฺช : น > อน + อวชฺช = อนวชฺช (อะ-นะ-วัด-ชะ) แปลว่า “ไม่ควรถูกดูหมิ่นว่าเป็นเลวโดยชาติกำเนิดและความประพฤติเป็นต้น” หมายถึง ตำหนิไม่ได้, ปราศจากความผิด, ไม่มีโทษ (blameless, faultless)
“อนวชฺช”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “อนวชฺช”
ไว้ด้วย แต่ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนวัช” บอกไว้ดังนี้ –
“อนวัช, อนวัช– : (คำวิเศษณ์) ไม่มีโทษ, ไม่มีที่ติ, ไม่มีตําหนิ, เช่น อนวัชกรรม คือ กรรมที่ไม่มีโทษ. (ป. อนวชฺช).”
(๒) “กัมมะ”
เขียนแบบบาลีเป็น “กมฺม” อ่านว่า กำ-มะ รากศัพท์มาจาก กรฺ (ธาตุ = กระทำ) + รมฺม (รำ-มะ, ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุและ ร ที่ต้นปัจจัย
: กร > ก + รมฺม > มฺม : ก + มฺม = กมฺม
“กมฺม” แปลว่า การกระทำ, สิ่งที่ทำ, การงาน (the doing, deed, work) นิยมพูดทับศัพท์ว่า “กรรม”
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กรรม ๑, กรรม– ๑ : (คำนาม) (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม.(๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ.(๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ.(๔) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.”
ในที่นี้สะกดเป็น “กัมมะ” (กำ-มะ) หมายถึง การงาน, กิจ
อนวชฺช + กมฺม = อนวชฺชกมฺม > อนวัชกัมมะ (อะ-นะ-วัด-ชะ-กำ-มะ) แปลว่า “การงานที่ไม่มีโทษ”
ขยายความ :
มงคลข้อที่ 18 ในมงคล 38 ตามนัยแห่งมงคลสูตร คำบาลีในพระสูตรว่า “อนวชฺชานิ กมฺมานิ” (อะ-นะ-วัด-ชา-นิ กำ-มา-นิ) แปลว่า “การงานที่ไม่มีโทษ”
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [353] มงคล 38 บอกไว้ว่า –
18. อนวชฺชานิ กมฺมานิ (การงานที่ไม่มีโทษ, กิจกรรมที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นทางเสียหาย — Anavajjakamma: blameless actions; unexceptionable or beneficial activities)**
** ท่านยกตัวอย่างไว้ เช่น การสมาทานอุโบสถ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สร้างสวน ปลูกป่า สร้างสะพานเป็นต้น (ขุทฺทก.อ.156; KhA.141)
…………..
ในอรรถกถาท่านขยายความ “อนวัชกัมมะ = การงานที่ไม่มีโทษ” ไว้ดังนี้ –
…………..
อนวชฺชกมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนีติ อิธ วุตฺตํ.
พระอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ในอรรถกถาแห่งมงคลสูตรนี้ว่า “กรรมมีการสมาทานองค์อุโบสถ การช่วยทำกิจอันควรทำ การปลูกสวน ละเมาะไม้ในอาราม และการสร้างสะพานเป็นต้น ชื่อว่าการงานที่ไม่มีโทษ
ตํ สคฺคุปฺปตฺยาทิเหตุโต มงฺคลํ.
การสมาทานองค์อุโบสถนั้นชื่อว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งความเกิดในสวรรค์เป็นต้น
อารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิปิ สคฺคุปฺปตฺติเหตุโต มงฺคลํ.
แม้กิจมีการปลูกสวน ละเมาะไม้ และการสร้างสะพานเป็นต้น ก็ชื่อว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งการเกิดในสวรรค์
ที่มา: มังคลัตถทีปนี ภาค 2 ข้อ 101 หน้า 90 เป็นต้น
…………..
ดูก่อนภราดา!
: เกิดมาได้กำไร คือเกิดมาทำบุญ
: เกิดมาขาดทุน คือเกิดมาทำบาป
—————–
#บาลีวันละคำ (3,300) (ชุดมงคล 38)
25-6-64