ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ (บาลีวันละคำ 3,370)
ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ (ชุดพรหมวิหารภาวนา)
“อย่าพรากจากสมบัติที่ได้แล้ว”
“ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ” เขียนแบบบาลีเป็น “ลทฺธสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉนฺตุ” อ่านว่า ลัด-ทะ-สำ-ปัด-ติ-โต มา วิ- คัด-ฉัน-ตุ
ประกอบด้วยคำบาลี 3 คำ คือ “ลทฺธสมฺปตฺติโต” “มา” “วิคจฺฉนฺตุ”
(๑) “ลทฺธสมฺปตฺติโต”
อ่านว่า ลัด-ทะ-สำ-ปัด-ติ-โต แยกศัพท์เป็น ลทฺธ + สมฺปตฺติ + โต ปัจจัย
(ก) “ลทฺธ” อ่านว่า ลัด-ทะ รากศัพท์มาจาก ลภฺ (ธาตุ = ได้) + ต ปัจจัย, แปลง ภฺ ที่สุดธาตุกับ ต เป็น ทฺธ
: ลภฺ + ต = ลภต > (ภต > ทฺธ) > ลทฺธ แปลตามศัพท์ว่า “อัน-ได้แล้ว”
“ลทฺธ” ใช้เป็นคำกริยาและคุณศัพท์ หมายถึง ได้มา, ได้รับ, รับไว้ ([having] obtained, taken, received)
“ลทฺธ” สันสกฤตเป็น “ลพฺธ” อ่านว่า ลับ-ทะ เราใช้ตามสันสกฤต เขียนเป็น “ลัพธ์” อ่านว่า ลับ เช่นในคำว่า “ผลลัพธ์”
“-ลัพธ์” คำนั้นก็คือ “ลัทธ” คำนี้
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “ลัทธ์” บอกไว้ดังนี้ –
“ลัทธ์ : (คำวิเศษณ์) ได้แล้ว. (ป.; ส. ลพฺธ).”
(ข) “สมฺปตฺติ” อ่านว่า สำ-ปัด-ติ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, ร่วมกัน) + ปทฺ (ธาตุ = ถึง, บรรลุ) + ติ ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น มฺ (สํ > สมฺ), แปลง (ป)-ทฺ เป็น ตฺ
: สํ > สมฺ + ปทฺ = สมฺปทฺ + ติ = สมฺปทฺติ> สมฺปตฺติ (อิตถีลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความถึงพร้อม” (คือความสำเร็จ) “ภาวะที่ถึงพร้อม”
ขยายความว่า ถึงพร้อมด้วยสิ่งใด หรือบรรลุถึงสิ่งใด ก็เรียกสิ่งนั้นว่า “สมฺปตฺติ”
“สมฺปตฺติ” ในภาษาบาลีใช้ในความหมายว่า –
(1) ความสำเร็จ, การบรรลุ; ความสุข, ความสำราญ, สมบัติ (success, attainment; happiness, bliss, fortune)
(2) ความเลิศลอย, ความดีเด่นหรือสง่างาม(excellency, magnificence)
(3) เกียรติ (honour)
(4) ความรุ่งเรือง, ความสวยสดงดงาม (prosperity, splendor)
“สมฺปตฺติ” ในภาษาไทยใช้ว่า “สมบัติ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“สมบัติ ๑ : (คำนาม) ความถึงพร้อม หมายถึง ทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้ เป็นต้นที่มีอยู่ เช่น ถึงมีสมบัติมากมายก็ไม่พ้นความตายไป ทำงานมาเกือบ ๒๐ ปี มีสมบัติอย่างเดียวคือบ้าน. (ป., ส. สมฺปตฺติ).”
ในภาษาไทย ความหมายเด่นของ “สมบัติ” ก็คือ ทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้ แต่ในภาษาบาลี “สมฺปตฺติ” มีความหมายมากกว่านั้น ดูคำแปลภาษาอังกฤษที่ตรงกับความเข้าใจในภาษาไทยมีเพียงคำว่า fortune เท่านั้น คำแปลอื่นๆ ไม่ได้หมายถึงทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้โดยตรงแต่อย่างใด
การประสมคำ :
(1) ลทฺธ + สมฺปตฺติ = ลทฺธสมฺปตฺติ แปลว่า “สมบัติที่ได้แล้ว”
(2) ลทฺธสมฺปตฺติ + โต ปัจจัย ใช้ลงท้ายคำนาม แปลว่า “จาก, แต่” = ลทฺธสมฺปตฺติโต (ลัด-ทะ-สำ-ปัด-ติ-โต) แปลว่า “จากสมบัติที่ได้แล้ว”
(๒) “มา”
อ่านว่า มา ตรงตัว เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ
“มา” อยู่ในกลุ่มนิบาตบอกความปฏิเสธ (prohibition particle) นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “น ไม่ โน ไม่ มา อย่า ว เทียว” (น [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, ว [วะ] = เทียว)
“มา” มีความหมายว่า ไม่, อย่า, หวังว่าคงไม่, ขอให้…ไม่ (not, do not, let us hope not, I wish that . . . not)
(๓) “วิคจฺฉนฺตุ”
อ่านว่า วิ-คัด-ฉัน-ตุ เป็นคำกริยาที่เรียกว่า “กริยาอาขยาต” (– อา-ขะ-หฺยาด)
พึงทราบว่า ในหมู่นักเรียนบาลีไทย คำว่า “กริยา” จะใช้ว่า “กิริยา” ไม่ใช่ “กริยา” เพราะฉะนั้น “กริยาอาขยาต” ถ้าเขียนให้ถูกหลักนิยมนักเรียนบาลีไทยต้องเขียนว่า “กิริยาอาขยาต”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายคำว่า “อาขยาต” ไว้ดังนี้ –
“อาขยาต : (คำวิเศษณ์) กล่าวแล้ว. (คำนาม) ชื่อคำกริยาประเภทหนึ่งในไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต ประกอบด้วย ธาตุ วิภัตติ กาล บท พจน์ บุรุษ วาจก ปัจจัย เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกเนื้อความให้ชัดเจน เช่น กโรติ = ย่อมกระทำ ประกอบด้วย กรฺธาตุ ติวิภัตติ ปัจจุบันกาล ปรัสสบท เอกพจน์ ปฐมบุรุษ กัตตุวาจก โอปัจจัย. (ป., ส.).”
“วิคจฺฉนฺตุ” รากศัพท์มาจาก วิ (คำอุปสรรค = วิเศษ, พิเศษ, แจ้ง, ต่าง) + คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + อ (อะ) ปัจจัยประจำหมวดธาตุ + อนฺตุ (วิภัตติอาขยาต หมวดปัญจมี บอกความบังคับ) พหูพจน์ ปฐมบุรุษ (ประธานในประโยคเป็นผู้ที่เราพูดถึง) กัตตุวาจก, แปลง คมฺ เป็น คจฺฉ
: วิ + คมฺ = วิคมฺ + อ = วิคม + อนฺตุ = วิคมนฺตุ > วิคจฺฉนฺตุ (วิ-คัด-ฉัน-ตุ) แปลตามศัพท์ว่า “(สัตว์ทั้งหลาย) จงไปปราศ” (คือพรากไปจาก-)
“วิคจฺฉนฺตุ” คำกริยาปกติ เป็น “วิคจฺฉติ” (วิ-คัด-ฉะ-ติ) แปลว่า จากไป, หายไป; ลดลง (to depart, disappear; to decrease)
ขยายความ :
“ลทฺธสมฺปตฺติโต” “มา” และ “วิคจฺฉนฺตุ” รวมกันเป็นประโยค ประกอบด้วยคำบาลี 3 คำ เขียนรวมเป็นประโยคบาลีเป็น “ลทฺธสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉนฺตุ” อ่านว่า ลัด-ทะ-สำ-ปัด-ติ-โต มา วิ- คัด-ฉัน-ตุ เขียนแบบคำอ่านเป็น “ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ” แปลตามศัพท์ว่า “(ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง) จงอย่าพรากไปจากสมบัติอันได้แล้ว”
“ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ” เป็นคำที่ใช้ในคำแผ่พรหมวิหารภาวนาในส่วนที่เรียกว่า “แผ่มุทิตา”
คำ “แผ่มุทิตา” มีคำบาลีที่กำหนดไว้ดังนี้ –
……………
สพฺเพ สตฺตา
ลทฺธสมฺปตฺติโต มา วิคจฺฉนฺตุ.
…………..
เขียนแบบคำอ่านเป็นดังนี้ –
…………..
สัพเพ สัตตา
ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ.
…………..
คำบาลีสลับคำแปลที่นิยมแปลกันเป็นดังนี้ –
……………
สัพเพ สัตตา = สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น
ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ = จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันได้แล้วเถิด
…………..
ดูเพิ่มเติม: “สัพเพ สัตตา” บาลีวันละคำ (2,859) 10-4-63
…………..
อภิปราย :
เรานิยมบอกกล่าวแนะนำกันให้ “แผ่เมตตา” มีคำกล่าวแผ่เมตตาเป็นที่รู้กันทั่วไป แต่การแผ่มุทิตาเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีใครเอ่ยถึง ไม่มีใครนำมาเสนอแนะ ทั้งๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งในพรหมวิหารภาวนาเช่นเดียวกับแผ่เมตตานั่นเอง
เวลาที่เพื่อนมนุษย์ได้ดีมีสุข เป็นเวลาที่ควรแสดงความยินดีต่อกัน การแผ่มุทิตาก็คือการแสดงความยินดีและขอให้เพื่อนมนุษย์ได้เชยชมสมบัติหรือความสำเร็จนั้นไปนานๆ เป็นกิจที่ควรทำเท่าๆ กับแผ่เมตตาและแผ่กรุณา
แผ่เมตตา ใช้เมื่อเพื่อนมนุษย์มีชีวิตอยู่เป็นปกติสุข
แผ่กรุณา ใช้เมื่อเพื่อนมนุษย์ประสบปัญหา
แผ่มุทิตา ใช้เมื่อเพื่อนมนุษย์ประสบความสำเร็จ
การแผ่มุทิตาเป็นกิจทางใจ อาจแสดงออกโดยทางกิริยาวาจา เช่นกล่าวแสดงความยินดี แต่ที่สุดแล้วตัดสินกันที่น้ำใสใจจริง ถ้าไม่มีใจยินดีจริง กิริยาวาจาที่แสดงออกก็เป็นการหลอกลวง ถ้ามีใจยินดีอย่างแท้จริง แม้ไม่ได้พูดอะไรหรือแสดงกิริยาใดๆ ก็ถือว่ามุทิตานั้นสำเร็จแล้ว และถ้าแสดงออกพร้อมทั้งไตรทวาร ก็นับว่าเป็นมุทิตาที่สมบูรณ์
ถ้าเข้าใจได้อย่างนี้ แทนที่จะแผ่เมตตาอย่างเดียว หรือแนะนำสั่งสอนกันให้แผ่แต่เมตตา ก็ควรสนใจที่จะแผ่กรุณาและแผ่มุทิตาให้แก่กันด้วย และช่วยกันทำให้มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็อย่าให้น้อยไปกว่าที่แผ่เมตตา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ยกจิตให้สูงขึ้นได้
: ยกย่องคนอื่นได้
#บาลีวันละคำ (3,370) (ชุดพรหมวิหารภาวนา)
3-9-64