ความอับโชคของคนใหญ่คนโต
ความอับโชคของคนใหญ่คนโต
———————————
คือการที่ทำอะไรไม่ถูกไม่ต้องบกพร่องผิดพลาด
แล้วไม่มีใครกล้าทักท้วงเตือนติง
…………….
ใครที่มี “เจ้านาย” จะต้องรู้จักคำว่า “ความจงรักภักดี” กันทุกคน และมักจะพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า ข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อเจ้านาย
แต่ว่า-แน่ใจหรือว่า เราเข้าใจความหมายของคำว่า “ความจงรักภักดี” ถูกต้องแล้ว?
กับเจ้านาย-เรามักอ้างกันถึงความจงรักภักดี
ในประเด็นการรับใช้ อำนวยความสะดวก เป็นมือเป็นเท้า หรือเป็นสมอง รักษาผลประโยชน์ ฯลฯ เหล่านี้ ไม่มีปัญหา เราทุ่มเททำกันอยู่แล้ว
แต่มีประเด็นหนึ่งที่ผมเชื่อว่า เราไม่ค่อยได้คิดกัน
เรียกว่า-ไม่กล้าคิด น่าจะถูกกว่า
นั่นก็คือ การปล่อยให้เจ้านายทำอะไรไม่ถูกไม่ต้อง บกพร่อง ผิดพลาด โดยไม่ทักไม่ท้วง ไม่เตือนไม่ติง เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ใช่หรือไม่
แน่นอน ทุกคนย่อมมีเหตุผลตรงกัน คือ ท่านเป็นเจ้านาย ใครจะไปกล้าทักท้วงท่านได้
ตรงนี้แหละคือที่ผมบอกว่า เป็นความอับโชคของคนใหญ่คนโต คือการที่ทำอะไรไม่ถูกไม่ต้องบกพร่องผิดพลาด แล้วไม่มีใครกล้าทักท้วงเตือนติง
อุปมาเหมือนคนลืมรูดซิปกางเกง แล้วเดินเป็นนักเลงไปทั่วบ้านทั่วเมือง-โดยไม่มีใครกล้าบอก
มองในมุมกลับ-ถ้าสมมุติว่าเราเป็นเจ้านายเอง
แล้วเราทำพลาดอย่างนั้น
แล้วไม่มีใครกล้าบอก
เราจะเชื่อไหมว่า-เพราะเขาจงรักภักดีต่อเรา
ปล่อยให้เราเดินตกเหว
แล้วบอกว่า-เพราะผมจงรักภักดีต่อท่านนะขอรับ
มันใช่หรือ?
การจะไปบอกเจ้านายให้เปลี่ยนมุมมอง เป็นเรื่องยากมาก ไม่มีใครกล้าทำ เพราะอาจคอขาดเอาง่ายๆ
แต่การเปลี่ยนมุมมองของเราเองทำได้ง่ายกว่า
นั่นคือลองตั้งคำถามให้ตัวเองตอบสิว่า
เราปล่อยให้เจ้านายทำผิดๆ พลาดๆ
แล้วบอกว่าเราจงรักภักดีต่อเจ้านาย
แบบนั้น เราซื่อตรงหรือหลอกลวงกันแน่
การไม่กล้าทักท้วงเตือนติงเพราะกลัวเจ้านายจะโกรธ จะเป็นโทษแก่ตัวเอง
นั่นคือความจงรักภักดีต่อเจ้านายหรือ
หรือที่แท้มันคือความเห็นแก่ตัวของเราเอง
คนที่เป็นเจ้านาย
ถ้าไม่เคยฉุกคิดถึงมุมนี้
ควรคิดได้แล้ว
คนที่มีเจ้านาย
และชอบอ้างความจงรักภักดี
ถ้าไม่เคยฉุกคิดถึงมุมนี้
ก็ควรคิดได้แล้วเช่นกัน
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๔ ธันวาคม ๒๕๖๒
๑๖:๔๙