บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

อย่าให้เหลือแต่ซาก

อย่าให้เหลือแต่ซาก

———————

อีก ๓ วันก็จะถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ 

ขึ้นต้นอย่างนี้คนสมัยใหม่คงไม่รู้สึกอะไร

แต่ถ้าพูดใหม่ว่า อีก ๓ วันก็จะถึงวันลอยกระทง – อย่างนี้ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย 

คนสมัยใหม่สนใจแต่เพียงคำว่า “วันลอยกระทง” 

แต่คำว่า “ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒” นั้นแทบจะไม่รับรู้อะไรด้วย 

ถ้าพูดตามปฏิทิน ก็จะพูดกันว่า ปีนี้วันที่ ๒๒ พฤศจิกายนเป็นวันลอยกระทง

แต่ถามว่า-ทำไมต้องวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน

ไม่รู้ อย่าถาม รำคาญ

คนสมัยใหม่จะพูดว่า ปีนี้ “วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ตรงกับวันลอยกระทง”

ความจริงแล้วควรจะพูดว่า ปีนี้ “วันลอยกระทงตรงกับวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน” คือเอา “วันหลัก” ขึ้นก่อน

เพราะวันหลักหรือคำหลักคือ “วันลอยกระทง” ไม่ใช่ “วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน”

วันลอยกระทงนั้นกำหนดตามวันทางจันทรคติ คือขึ้น-แรม

วันลอยกระทง โบราณท่านกำหนดให้ทำกันในวัน “ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒”

“ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒” ปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน แต่ปีหน้าหรือปีต่อๆ ไปจะตรงกับวันที่เท่าไรเดือนอะไรก็ว่ากันเป็นปีๆ ไป

เวลาพูดจึงต้องเอา “ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒” เป็นหลัก ไม่ใช่ยกเอาวันที่เท่านั้นเดือนนั้นขึ้นเป็นหลัก 

บางท่านอาจคิดว่า-แค่คำพูดเท่านี้ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

แต่แค่คำพูดนี้นี่แหละที่บอกเราได้ว่าใครให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน 

“ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒” นอกจากเป็นวันลอยกระทงแล้ว ยังเป็นวันสุดท้ายของเขตกฐินกาลอีกด้วย-คือทอดกฐินวันนั้นได้เป็นวันสุดท้ายของปี 

จำคู่กันไปด้วยเลยก็น่าจะดี-วันลอยกระทงคือวันสุดท้ายของการทอดกฐิน

นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนส่วนมากไม่ได้นึก และไม่รับรู้ด้วย

น่าตลกมากที่สังคมไทยยกเอาบุญกฐินขึ้นมาเชิดชูกันเป็นการเอิกเกริก แต่เราแทบจะไม่มีความรู้และไม่ได้สนใจหลักเกณฑ์-หลักการของบุญกฐินกันเลย

แม้แต่ประเพณีลอยกระทงนั่นเองเราก็แทบจะไม่มีความรู้และไม่ได้สนใจที่จะหาความรู้อะไรด้วย 

เราใช้วันลอยกระทงเป็นวันเสพสุขกันอีกวันหนึ่งเท่านั้น 

ขอประทานโทษ-เสพสุขบนซากของประเพณีด้วยซ้ำไป 

ที่เรียกว่า “ซาก” ก็เพราะเราไม่ได้ศึกษา-สั่งสอนคนของเราให้มีความรู้เกี่ยวกับประเพณีนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น

วิธีที่จะรักษาประเพณีลอยกระทงไว้ให้อย่างถูกต้องก็คือ สั่งสอนคนของเราให้เห็นสาระของประเพณีลอยกระทง

เราพูดกันลอยๆ ว่า ลอยกระทงบูชารอยพระพุทธบาทที่หาดทรายแม่น้ำนัมทา 

หรืออีกแนวหนึ่งก็ว่าลอยกระทงเพื่อขอขมาแม่คงคาที่เราอาศัยอาบกินถ่ายเทของเสียลงไป อันเป็นการล่วงเกินมาในรอบปี

ทางหนึ่งให้เห็นความสำคัญของพระศาสนา

อีกทางหนึ่งให้เห็นคุณค่าของทรัพยากรน้ำ

ผมว่านี่เรามีทุนดีมากๆ ทีเดียว 

แต่เราใช้ทุนนี้ไม่เป็น

เวลานี้เราได้ประโยชน์จากการลอยกระทงเพียงแค่ความสวยงามและความสนุกเท่านั้น 

แล้วก็ได้เสพสุขกันแค่คืนเดียว 

พอรุ่งขึ้นก็เหลือแต่ซาก

ครับ – ซากกระทง 

เพิ่มขยะให้แม่น้ำลำคลองหนักเข้าไปอีก

และซากประเพณีลอยกระทง ที่จะไม่มีใครนึกถึงจนกว่าจะถึงวันลอยกระทงปีต่อไป

เรื่องลอยกระทงบูชารอยพระพุทธบาทนั้น ก็ว่ากันไปแบบมัวๆ 

รอยพระบาทคืออะไร มีกำเนิดมาอย่างไร ไม่รู้

แม่น้ำนัมทาอยู่ที่ไหน ก็ไม่รู้ 

ร้อยวันพันปีไม่เคยไหว้พระบาท รอมาไหว้วันลอยกระทงอย่างเลือนราง 

หลังวันลอยกระทงก็ไม่ได้นึกอะไรอีก 

มีค่าเท่ากับสูญ 

จะได้บ้างก็สักชั่วอึดใจเดียวสำหรับคนที่ตั้งกุศลจิตตอนลอยกระทง 

แต่เชื่อได้เลยว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้ง 

ถ้าจะตั้ง ก็คงตั้งความปรารถนาขอให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยที่ส่วนมากก็ยังไม่ได้ทำความดีอะไรสักอย่างพอจะเป็นปัจจัยให้เอามาตั้งความปรารถนาได้ 

บุญหรือความดีเหมือนเงิน

ตั้งความปรารถนาเหมือนซื้อของ

ยังไม่ได้ทำงานหาเงินสักบาท แต่จะซื้อของแล้ว

เป็นอันว่า ไม่ว่าจะในแง่พระศาสนา หรือในแง่สิ่งแวดล้อมที่เป็นสาระของประเพณีลอยกระทง เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย 

ได้แต่พูดกันว่าเป็นการอนุรักษ์ประเพณี

ได้แต่ความสุขสนุกชั่วข้ามคืน

เหมือนคนมีของดี แต่ใช้ไม่เป็น

ความสวยงามและความสนุก ก็จำเป็นสำหรับชีวิตนะครับ ไม่ใช่ว่าไม่ดี 

แต่เราควรได้มากกว่านั้น

ในเมื่อต้นกำเนิดของการลอยกระทงมีมาจากสิ่งที่เป็นสาระ เราก็ควรจับสาระให้ได้มากที่สุด และดำรงสาระนั้นไว้ให้ยั่งยืน

———————

ผมขอเสนอแบบคนฝันเฟื่องครับ 

ทำไม่ได้ หรือไม่คิดจะทำ ก็ไม่เป็นไร แค่มีคนเกิดความคิดตามไปก็พอใจแล้ว

ผมขอเสนอให้ผู้นำในสังคมคิดและทำดังต่อไปนี้ครับ

๑ ทำโครงการศึกษาสืบค้นเหตุการณ์-สถานที่เกี่ยวกับรอยพระพุทธบาท แม่น้ำนัมทา เช่น 

– พระพุทธบาทในโลกนี้มีอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ละแห่งมีลักษณะและสภาพเป็นอย่างไร

– แม่น้ำนัมทาอยู่ที่ไหน ในอดีตมีสภาพเช่นไร ปัจจุบันสถานที่นั้นอยู่ตรงไหน มีสภาพเช่นไร สืบคนกันให้ละเอียดชนิดที่ว่าชาวโลกอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำนัมทาต้องมาหาที่ประเทศไทยก่อนแล้วจึงจะไปอินเดีย

นี่เพียง “เป็นต้น” นะครับ ส่วนเป็นกลาง เป็นปลาย จะมีหัวข้ออะไรอีก ก็คิดกันขึ้นมา

ทุกหัวข้อทำเป็นงานวิจัย มีทุนให้ มีกรรมการตรวจ ให้รางวัลงานวิจัยที่มีคุณภาพ จัดพิธีมอบรางวัลในวันลอยกระทง งานวิจัยทั้งหมดเก็บรวบรวมไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน

๒ สร้างแม่น้ำนัมทาจำลองขึ้นในประเทศไทย หาทำเลที่เป็นหาดทราย สร้างรอยพระพุทธบาท ประกาศให้เป็นหาดทรายนัมทาแห่งประเทศไทย ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว แบบเดียวกับวัดสังกัสสะรัตนคีรีที่จังหวัดอุทัยธานี หรือเขาคิชฌกูฏที่จังหวัดจันทบุรี 

ถึงเทศกาลลอยกระทงจะแห่กันไปลอยที่นั่น หรือลอยที่ไหนก็ตั้งกุศลจิตมุ่งไปที่นั่น แม้ไม่ใช่สถานที่จริง แต่ก็เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น

๓ โครงการเกี่ยวกับแหล่งน้ำ เช่น

– ศึกษาวิจัยเพื่อการแก้ไขคลองที่น้ำเน่าเสีย เช่นคลองต่างๆ ในกรุงเทพฯ ว่ามีทางที่จะทำให้เป็นคลองน้ำสะอาดได้อย่างไร ถ้าแก้ไขได้ ก็เสนอวิธีที่เป็นไปได้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็วิจัยสาเหตุออกมาให้ชัดเจน เพื่อเป็นความรู้ ให้รางวัลงานวิจัยที่ดีเด่น จัดพิธีมอบรางวัลในวันลอยกระทง

– ทำโครงการพัฒนาแม่น้ำลำคลองที่น้ำเน่าเสียให้เป็นแม่น้ำลำคลองใสสะอาด เช่น “โครงการทำคลองแสนแสบให้น้ำใส เตรียมไว้ลอยกระทง” อะไรประมาณนี้ แล้วไปลอยกระทงกันที่คลองนั้น

จะมีหัวข้ออะไรอีก ก็คิดกันขึ้นมา

๔ นางนพมาศ

นิยมประกวดกันทั้งประเทศ ได้คนงามมาจำนวนมาก เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่านางนพมาศทั้งหลายไปทำอะไรกันบ้าง จึงน่าจะ 

– จัดตั้ง “สมาคมนางนพมาศ” ร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นสาระ หรือแสดงความรู้ความสามารถที่ถนัดเพื่อประโยชน์แก่สังคม 

– กิจกรรมที่ดีเด่น ความสามารถที่โดดเด่น โดยเฉพาะงานเกี่ยวกับพัฒนาแหล่งน้ำ ก็ให้ได้รับรางวัลประจำปี จัดพิธีมอบรางวัลในวันลอยกระทง

ผมคิดคร่าวๆ ได้แบบนี้แหละครับ 

ใครจะขำกลิ้งว่า “ว่างงานหรือคุณลุง” ก็ไม่ว่าอะไรเลยครับ

หลักการก็คือให้มีการทำงานอันมีรากเหง้ามาจากประเพณีลอยกระทงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี วันลอยกระทงเป็นวันฉลองความสำเร็จของงาน

ความสวยงามและความสนุกจากงานลอยกระทงก็ยังมี อนุรักษ์ประเพณีก็ยังทำกันไปเหมือนเดิม แล้วเสริมด้วยสาระที่ยั่งยืนนี่เข้าไป

ไม่ใช่สนุกสนานกันคืนเดียวแล้วก็ลืมกันไปทั้งปี

สนุกกันสุดๆ คืนเดียว รุ่งขึ้นเหลือแต่ซาก

น่าเสียดายนะครับ 

ประเพณีที่โด่งดังไปทั่วโลก 

เหลือแต่ซากเพียงชั่วข้ามคืน

————–

เหมือนเสพสุขเสร็จก็ถีบส่ง

ทิ้งเศษซากกระทงไว้เต็มถาน

แอบสะอื้นอายโอ้อกโบราณ

ลูกหลานวานช่วยเช็ดน้ำตา

…………………..

เนื้อหาส่วนใหญ่โพสต์แล้วเมื่อ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

…………………..

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

๑๐:๔๓

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *