บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

จินตนาการเท็จของหมอมโน

จินตนาการเท็จของหมอมโน

——————————-

ข้อสอบจริงของนักเรียนบาลี

ญาติมิตรท่านหนึ่งส่งภาพจากยูทูบมาให้ดู เป็นข้อความแสดงความคิดเห็นต่อท้ายคลิปในยูทูบและเอ่ยชื่อผม 

เมื่อตามไปดูคลิปในยูทูบ ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่หมอมโน เลาหวณิช แสดงความคิดเห็นเรื่องพระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร 

ผมเอาลิงก์ยูทูบมาวางไว้ให้แล้ว 

…………………………..

พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร

…………………………..

ควรทราบข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

เรื่องเดิมก็คือ หมอมโนสมัยที่บวชเป็นพระสังกัดสำนักวัดพระธรรมกาย มีนามว่า “พระมโน เมตฺตานนฺโท” ได้เขียนบทความเรื่อง “พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร” ลงพิมพ์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๓ บทความอยู่ในหน้า ๒๖ ถึงหน้า ๓๕ ลงชื่อผู้เขียนว่า “พระมโน เมตฺตานนฺโท” ลงชื่อสำนักว่า วัดราชโอรสาราม กรุงเทพมหานคร 

เนื้อหาของบทความเป็นการหยิบยกเอามหาปรินิพพานสูตรในพระไตรปิฎก (ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๖๗-๑๖๒)มาเป็นแนวแสดงความคิดเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงอาพาธและเสด็จดับขันธปรินิพพานด้วยอาการอย่างไร

ความเห็นของ “พระมโน เมตฺตานนฺโท” ในบทความเรื่องนั้นวิปลาสคลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกาหลายข้อหลายประเด็น 

ในคราวนั้นมีผู้เขียนหนังสือออกมาแก้ข้อวิปลาสที่พระมโนกระทำขึ้นหลายราย

เนื้อหาของคลิปที่ปรากฏในยุทูบ หมอมโนก็ดำเนินเรื่องตามแนวบทความที่เคยเขียนไว้ในสมัยเป็นพระนั่นเอง ความเห็นใดๆ ที่วิปลาสและมีผู้ชี้แจงแก้ไขไว้แล้วว่าวิปลาสอย่างไร หมอมโนก็ยังคงเอาความเห็นนั้นๆ มาแสดงความวิปลาสเหมือนเดิม 

………………

ผมขอเชิญชวนและขอร้องให้นักเรียนบาลีทั้งปวงช่วยกันศึกษาเรื่องที่หมอมโนเขียนไว้สมัยเป็นพระและแม้ลาสิกขาออกมาแล้วก็ยังแสดงความเห็นเหมือนเดิม โดยเฉพาะเรื่อง “พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร” ด้วยการฟังคลิปที่หมอมโนพูด หรือจะไปหาบทความที่หมอมโนเขียนสมัยเป็นพระมโนมาอ่านก็ได้ (ผมปักป้ายบอกทางไว้แล้วว่าบทความนั้นอยู่ที่ไหน) 

เมื่อศึกษาแล้ว ขอร้องให้ปฏิบัติดังนี้ 

๑ ท่านสามารถจับประเด็นอะไรได้บ้างที่เป็นความวิปลาสคลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกา 

๒ ท่านสามารถจะหยิบยกเอาหลักฐานจากพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกามาแก้ไขความวิปลาสคลาดเคลื่อนที่ปรากฏในเรื่องนี้ได้บ้างหรือไม่ 

๓ ขอให้ท่านลงมือแก้ไขประเด็นที่วิปลาสคลาดเคลื่อนโดยใช้หลักฐานจากพระไตรปิฎกอรรถกถาฎีกาเป็นหลัก 

ขอให้ถือว่าทั้ง ๓ ข้อนี้เป็น “ข้อสอบจริง” ที่จะพิสูจน์ตัดสินว่าท่านเรียนบาลีมาแล้วจริง และท่านจบบาลีแล้วจริง 

ไม่ว่าท่านจะจบบาลีมาเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้วหรือเพิ่งจบปีที่แล้ว หรือเพิ่งจบหมาดๆ นี่คือข้อสอบจริงของท่าน 

ถ้าท่านไม่ทำ หรือทำไม่ได้ หรือเห็นว่าไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หรือท่านไม่สนใจเรื่องนี้ ก็ขอให้ท่านลองสมมุติตัวเองว่า ท่านเรียนจบหมอ เวลานี้มีคนป่วยมาอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว และท่านกำลังบอกว่า ท่านรักษาโรคไม่ได้ รักษาไข้ไม่เป็น ท่านไม่มีหน้าที่รักษาใคร และท่านไม่สนใจรักษาโรคอะไรทั้งนั้น 

แล้วท่านเรียนหมอมาทำอะไรไม่ทราบ? เรียนเพื่อเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลอย่างนั้นหรือ? 

………………

ผมจะทดลองทำข้อสอบให้ท่านดูเป็นตัวอย่างสักประเด็นหนึ่ง 

ในคลิปหรือในบทความ หมอมโนยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเสียเลือดมากเนื่องจากอาการอาพาธด้วยโรค “โลหิตปักขันธิกาพาธ” หลังจากเสวยสูกรมัทวะ และเพราะเสียเลือดมากจึงเกิดอาการหนาว 

หมอมโนยืนยันด้วยหลักฐานในพระไตรปิฎกว่า พระพุทธเจ้าต้องห่มผ้าสังฆาฏิถึง ๔ ชั้น ทั้งนี้ก็เพราะทรงหนาวมากนั่นเอง 

ถ้าหมอมโนจะอ้างเพียงว่าอาการหนาวเกิดจากเสียเลือดมาก-แค่นี้ นั่นอาจเป็นหลักวิชาทางการแพทย์ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา แต่เมื่อหมอมโนอ้างพระไตรปิฎกมาสนับสนุนความเห็นของตน เรา-ในฐานะนักเรียนบาลี-ก็ต้องเกี่ยวตามหน้าที่ 

อันดับแรก ตรวจสอบเรื่องในมหาปรินิพพานสูตรว่า มีข้อความตอนไหนที่บอกว่าพระพุทธเจ้าทรงห่มผ้าสังฆาฏิถึง ๔ ชั้นเพราะอาการหนาว

ในมหาปรินิพพานสูตร หลังเหตุการณ์เสวยสูกรมัทวะแล้วทรงอาพาธ มีกล่าวถึงพระพุทธองค์รับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิ ๔ ชั้น ๒ ครั้ง

ปูผ้าสังฆาฏิครั้งที่ ๑

………………

อายสฺมนฺตํ  อานนฺทํ  อามนฺเตสิ  อิงฺฆ  เม  ตฺวํ  อานนฺท  จตุคฺคุณํ  สงฺฆาฏึ  ปญฺญเปหิ  กิลนฺโตสฺมิ  อานนฺท  นิสีทิสฺสามีติ.  เอวํ  ภนฺเตติ  โข  อายสฺมา  อานนฺโท  ภควโต  ปฏิสฺสุตฺวา  จตุคฺคุณํ  สงฺฆาฏึ  ปญฺญเปสิ.  นิสีทิ  ภควา  ปญฺญตฺเต  อาสเน. 

พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงปูผ้าสังฆาฏิพับเป็น ๔ ชั้นให้เรา เราเหนื่อยจักนั่ง ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วจึงปูผ้าสังฆาฏิพับเป็น ๔ ชั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดแล้ว 

ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๑๑๙

………………

ปูผ้าสังฆาฏิครั้งที่ ๒

………………

อายสฺมนฺตํ  จุนฺทกํ  อามนฺเตสิ  อิงฺฆ  เม  ตฺวํ  จุนฺทก  จตุคฺคุณํ  สงฺฆาฏึ  ปญฺญเปหิ  กิลนฺโตสฺมิ  จุนฺทก  นิปชฺชิสฺสามีติ.  เอวํ  ภนฺเตติ  โข  อายสฺมา  จุนฺทโก  ภควโต  ปฏิสฺสุตฺวา  จตุคฺคุณํ  สงฺฆาฏึ  ปญฺญเปสิ.  อถโข  ภควา  ทกฺขิเณน  ปสฺเสน  สีหเสยฺยํ  กปฺเปสิ  ปาเทน  ปาทํ  อจฺจาธาย  สโต  สมฺปชาโน  อุฏฺฐานสญฺญํ  มนสิกริตฺวา.  

พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระจุนทกะว่า ดูก่อนจุนทกะ เธอจงปูผ้าสังฆาฏิพับเป็น ๔ ชั้นให้เรา เราเหนื่อยนักจักนอน ท่านพระจุนทกะทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วปูผ้าสังฆาฏิพับเป็น ๔ ชั้น ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงสำเร็จสีหไสยาโดยพระปรัศว์เบื้องขวา ทรงซ้อนพระบาทเหลื่อมพระบาท มีสติสัมปชัญญะทรงกำหนดเวลาที่จะเสด็จลุกขึ้น 

ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๑๒๔

………………

โปรดพิจารณาข้อความตามพระไตรปิฎก 

๑ ปูผ้าสังฆาฏิครั้งแรก พระพุทธองค์ประทับนั่งบน “ปญฺญตฺเต  อาสเน – อาสนะที่ปูลาดแล้ว” ก็คือบนผ้าสังฆาฏิที่ปูแล้ว ไม่มีข้อความว่าทรงห่มผ้าสังฆาฏิ

๒ ปูผ้าสังฆาฏิครั้งที่ ๒ พระพุทธองค์ทรงสำเร็จสีหไสยา (คือนอน) ไม่มีคำระบุว่าทรงนอนบนอะไร แต่เมื่อมีข้อความว่ารับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิก่อน ก็ต้องทรงนอนบนผ้าสังฆาฏิที่ปูแล้วนั่นเอง และไม่มีข้อความว่าทรงห่มผ้าสังฆาฏิเช่นกัน

๓ สันนิษฐานจากลำดับการกระทำ ถ้าจะทรงห่มผ้าสังฆาฏิ ก็ควรจะประทับนั่งหรือทรงนอนลงไปก่อน แล้วจึงรับสั่งให้เอาผ้าสังฆาฏิห่มให้พระองค์ แต่นี่รับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิก่อนแล้วจึงประทับนั่งหรือทรงนอนลงบนผ้าสังฆาฏิ แล้วจะทรงห่มผ้าสังฆาฏิอย่างไร?

ที่หมอมโนยืนยันว่า ตามพระไตรปิฎก ทรงหนาวมากจนต้องห่มผ้าสังฆาฏิถึง ๔ ชั้น หมอมโนจะชี้ให้ดูได้ไหมว่า พระไตรปิฎกตอนไหน ข้อความว่าอย่างไรที่ยืนยันว่าทรงหนาวมากจนต้องห่มผ้าสังฆาฏิถึง ๔ ชั้น?

นอกจากนั้น ก่อนที่จะรับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิครั้งที่ ๒ ข้อความในมหาปรินิพพานสูตรบรรยายไว้ว่า 

………………

อถโข  ภควา  มหตา  ภิกฺขุสงฺเฆน  สทฺธึ  เยน  กกุธนที  เตนุปสงฺกมิ  อุปสงฺกมิตฺวา  กกุธนทึ  อชฺโฌคาเหตฺวา  นฺหาตฺวา  จ  ปิวิตฺวา  จ  ปจฺจุตฺตริตฺวา  เยน  อมฺพวนํ  เตนุปสงฺกมิ.  

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ไปยังแม่น้ำกกุธานที เสด็จลงสู่แม่น้ำกกุธานที ทรงสรง ทรงดื่ม แล้วเสด็จขึ้นไปยังอัมพวัน 

ที่มา: มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ข้อ ๑๒๔

………………

ความตอนนี้บรรยายชัดๆ ว่า พระพุทธองค์ทรงลงสรงน้ำในแม่น้ำกกุธานที ขึ้นจากแม่น้ำ เสด็จไปสวนมะม่วงแล้วจึงรับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิ แล้วจึงทรงนอน 

ถ้าขณะนั้นทรงหนาวมาก จะเสด็จลงสรงน้ำในแม่น้ำทำไม? 

คนกำลังหนาวมาก ลงอาบน้ำในแม่น้ำ แล้วขึ้นมาห่มผ้า ๔ ชั้นเพราะหนาว 

จะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?

ถ้าไม่อ้างพระไตรปิฎก หมอมโนจะบรรยายอาการเสียเลือดก่อให้เกิดอาการหนาวอย่างไรก็ว่าไป ไม่มีใครติดใจ แต่เมื่ออ้างพระไตรปิฎกว่าทรงห่มผ้าสังฆาฏิ ๔ ชั้นเพราะอาการหนาว หมอมโนก็ต้องสามารถชี้ให้เห็นหลักฐานในพระไตรปิฎกที่ตนอ้างนั้นได้ 

เมื่อหลักฐานไม่ปรากฏ ข้ออ้างของหมอมโนจึงเป็นเพียงจินตนาการ แล้วก็ยังเป็นจินตนาการเท็จอีกด้วย 

จินตนาการเท็จแบบนี้ยังมีอีกหลายแห่งในคลิปที่หมอมโนพูดหรือในบทความเรื่อง “พระพุทธเจ้าปรินิพพานด้วยโรคอะไร” ที่ “พระมโน เมตฺตานนฺโท” เขียน 

—————

นี่เป็นการทำข้อสอบที่ผมเคยทำไว้ในหนังสือ “ความจริงในมหาปรินิพพานสูตร (กรณีพระมโน)” และสรุปมาให้ดูเป็นตัวอย่าง

ไม่ว่าท่านจะจบบาลีมาเมื่อ ๕๐ ปีที่แล้วหรือเพิ่งจบปีที่แล้ว หรือเพิ่งจบหมาดๆ ลงมือทำข้อสอบจริงของท่านได้แล้ว ณ บัดนี้ครับ เพื่อพิสูจน์ว่า ท่านเรียนจบบาลีมาแล้วจริง 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๑๗ เมษายน ๒๕๖๓

๑๙:๑๗

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *