ตราชูกับไม้หน้าสาม
ตราชูกับไม้หน้าสาม
——————–
๑….
.
คนที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรีย่อมจะรู้จักตลาดหน้าวัดโรงช้าง
ตลาดหน้าวัดโรงช้างเป็นตลาดสดยามเช้า ติดตลาดตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึงราวๆ ๓ โมงเช้าก็เลิก
ถ้าไปยืนหน้าวัด หันหน้าออก มีถนนผ่านหน้าวัด ตลาดอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน เป็นพื้นที่โล่ง มีศาลาฌาปนสถานอยู่หลังหนึ่ง ร้านขายของตั้งล้อม ๓ ด้านของศาลา จากหน้าวัดไปทางขวามือเป็นสามแยกตัววาย คือตรงไปทางหนึ่ง และโค้งไปทางขวาอีกทางหนึ่ง ริมถนนฟากหน้าวัดมีร้านขายของกินแบบรถเข็นอยู่ ๔-๕ เจ้า ตั้งติดกับกำแพงวัดและติดถนน
ตรงจุดบริเวณสามแยกมีตำรวจจราจรมาคอยโบกรถคนหนึ่งทุกเช้าวันงาน
เช้าวันงาน บริเวณนั้นรถติดมหากาฬ
๒….
.
มนุษย์ผู้ชายคนนั้นอายุน่าจะใกล้ ๖๐ ตัวดำ ผมเป็นกระเซิง หนวดเครารุงรัง นุ่งกางเกงขาก๊วย มีเสื้อตัวหนึ่ง แต่ไม่ได้สวม บางทีก็เอาพาดบ่า แต่มักจะถือเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา พูดพึมพำเกือบตลอดเวลา ฟังเป็นภาษาคน แต่ไม่ปะติดปะต่อ พูดเรื่องหนึ่งแล้วโดดไปอีกเรื่องหนึ่ง
ประโยคที่หลุดออกมาเสมอและค่อนข้างเสียงดัง คือ –
“ประชาธิปไตยจงเจริญ”
ผมรู้ เพราะเคยเจอเขาบ่อยๆ แถวๆ ตลาดหน้าวัดโรงช้าง ตอนเดินออกกำลังเช้าๆ บางวันเห็นเขาอยู่ข้างหน้า บางวันเขาเดินมาข้างหลัง
๓….
.
เช้าวันพุธ ผมเจอเขาที่ตลาดหน้าวัดโรงช้าง ฟากกำแพงวัด เขาเดินอยู่ข้างหน้า ผมเห็นแต่ไกล เขาอยู่ตรงบริเวณที่รถกำลังติดหนักพอดี
๔….
.
รถเก๋งคันหนึ่งจอดตรงหน้าแผงรถเข็นขายขนม แม้จะจอดชิดถนน แต่เพราะความแคบของถนนตรงนั้น รถก็กินที่ไปเกือบจะครึ่งถนน ทำให้รถที่ตามหลังมาจอดติดกันเป็นแพยาว
มองไปที่รถขายขนม เห็นคนขายกำลังกุลีกุจอหยิบขนมใส่ถุง
เดาได้ไม่ยากว่ารถเก๋งคันนั้นจอดซื้อขนมโดยที่คนในรถไม่ได้ลงจากรถ
เขาคนนั้นอยู่ตรงนั้นพอดี
๕….
.
ผมไม่ทันได้สังเกตว่าวันนั้นเขาไม่ได้ถือเสื้อเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเหมือนกับที่เคยเห็นบ่อยๆ แต่ในมือของเขาถือไม้ที่นิยมเรียกกันว่า-ไม้หน้าสาม ผมไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหนและถือมาตั้งแต่เมื่อไร
มารู้อีกทีก็ตอนที่มีเสียงร้องเอะอะ และเห็นเขากำลังเอาไม้หน้าสามฟาดเข้าไปที่กระจกด้านข้างของรถเก๋งคันนั้น และยังฟาดซ้ายป่ายขวาไปตามตัวรถอีกหลายที
“ประชาธิปไตยจงเจริญ”
ผมได้ยินเขาตะโกน
๖….
.
คนขับรถเก๋งเปิดประตูลงมาทันที เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวดี แบบว่า-ผูกไท้ใส่สูท-ประมาณนั้น
เขาปราดเข้าปะทะบุรุษที่กำลังทุบรถเก๋ง
เหลือเชื่อที่เจ้าของไม้หน้าสามพลิ้วตัวหลบอย่างสวยงาม
“ทำไมมึงมาทุบรถกู ไอ้สัตว์” หนุ่มเจ้าของรถแผดเสียง “กูจะแจ้งตำรวจ”
“แจ้งเลย ไอ้สัตว์” เจ้าของไม้หน้าสามร้องตอบพลางกวัดแกว่งไม้ในมือด้วยท่าทางแบบเริงระบำ “ตำรวจยืนอยู่โน่น มึงไม่ต้องไปแจ้ง เดี๋ยวเขาก็มา”
“มึงมาทุบรถกูทำไม ไอ้สัตว์” เจ้าของรถยังคำรามไม่หยุด “มึงต้องติดคุก มึงต้องชดใช้ให้กู กูจะฟ้องมึง”
ตำรวจจราจรวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้คนเข้ามามุงดูกันเต็ม
“หน็อยแน่ไอ้ผู้ดีขี่รถเก๋ง” เจ้าของไม้หน้าสามพูดพร้อมกับยิ้ม ขณะที่ตำรวจแย่งไม้หน้าสามไปจากมือแล้วรวบมือเขาไพล่หลัง
เขาพูดต่อไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ-เหมือนไม่ใช่คนบ้า
“ทีรถมึงถูกทุบ มึงอ้างกฎหมายทันที แต่ทีมึงจอดรถในที่ห้ามจอด ทำให้รถติดกันเป็นแพ เพียงแค่ซื้อขนมแดกคนเดียว แม่งทำไมไม่อ้างกฎหมายมั่ง ไอ้สัดกะหมา”
………………
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๘ มกราคม ๒๕๖๓
๑๓:๑๗