นาฬิกาปลุก
————
ก่อนจะมาถึง-กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิก-วันนี้
ใครจำได้บ้างว่า มีเหตุการณ์อะไรนำหน้ามาก่อน
เดินธุดงค์เข้าเมืองบนกลีบดอกไม้
วัดพระธรรมกายเคยจัดกิจกรรมเดินธุดงค์อย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว
ฝ่ายการตลาดคงจะประเมินผลแล้วว่า-กำไรมหาศาล
(ก็เหมือนกับกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์หมื่นรูปที่ตระเวนจัดไปตามจังหวัดต่างๆ
รวมทั้งที่ราชบุรีบ้านผม
จัดแต่ละที กำไรมหาศาล)
แต่คราวนี้เสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” ดังกระหึ่มเมือง
ป่านนี้ฝ่ายการตลาดของวัดพระธรรมกายคงสรุปผลได้แล้วว่าธุดงค์คราวนี้กำไรหรือขาดทุน
พอกิจกรรมธุดงค์ร้อนๆ จบลง
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกก็ปะทุขึ้น
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกนี้ นักวิจารณ์ส่วนมากบอกว่าเป็น “แผนสะกัดดาวรุ่ง” ของบางฝ่ายที่จ้องหาจังหวะอยู่แล้ว
ผมว่าถ้าจะเป็นแผนอะไรของใครจริงละก็ วัดพระธรรมกายนั่นเองที่เป็นฝ่าย “เปิดจังหวะ” ขึ้นมาเอง
————–
ถามว่า ฝ่ายวิชาการของวัดพระธรรมกายไม่รู้หรือว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
ตอบว่า ทำไมจะไม่รู้
รู้อย่างยิ่งที่เดียวแหละ
วัดพระธรรมกายมีเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นกระบุง
เปรียญธรรม ๙ ประโยคต้องศึกษาเรื่องธุดงค์ในคัมภีร์มาแล้วทั้งสิ้น
ทั้งแปลมคธเป็นไทยเมื่อตอนเรียน ป.ธ.๘
และแปลไทยเป็นมคธเมื่อเรียน ป.ธ.๙
ประชาชนทั่วไปต่างหากที่ไม่รู้ว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
แต่แทนที่วัดพระธรรมกายจะใช้ศักยภาพของตนเอื้ออำนวยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
กลับใช้ธุดงค์เป็น “จุดขาย” โดยอาศัยความไม่รู้ของประชาชนนั่นเองเป็นปุ๋ยอันโอชะ
ดังจะเห็นได้ว่า ในท่ามกลางเสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” นั่นเอง ก็ยังมีเสียงที่เปล่งออกมาด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยมว่า
“การได้เห็นพระเดินเข้ามาในเมืองเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นบุญดอกหรือ”
วัดพระธรรมกายต้องการแค่ “ศรัทธา” คือเห็นพระเดินธุดงค์เข้ามาในเมืองก็เป็นบุญเท่านั้น
แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนเกิด “ปัญญา” เข้าใจถูกต้องว่าธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
————–
ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากญาติมิตรที่มีน้ำใจส่งมาให้
หนังสือชื่อ “ธุดงค์ ทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?”
เป็นหนังสือที่ถอดจากบทสัมภาษณ์พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) พิมพ์ออกมาเป็นธรรมทานเพื่อการศึกษาธรรม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง
เป็นหนังสือเล่มบางๆ นับแผ่นกระดาษรวมทั้งปกด้วยได้ ๑๔ แผ่น ( = ๒๘ หน้า) เท่านั้น
แต่คุณค่าหนาแน่นนักหนา ให้ความรู้เรื่องธุดงค์ได้อย่างกระชับ ชัดเจน
จัดกิจกรรมเดินธุดงค์ลงทุนมหาศาล
หวังหยิบกำไรที่มหาศาลยิ่งกว่า
แต่ประชาชนยังเขลาในเรื่องธุดงค์เหมือนเดิม
หนังสือเล่มนี้ต้นทุนน่าจะไม่เกินเล่มละ ๒๐บาท
แต่อ่านแล้วได้ปัญญามหาศาล
ขออนุญาตคัดบทสุดท้ายมาปลุกสติปัญญาเป็นอภินันทนาการแก่ญาติมิตรทั้งปวง
อยากอ่านเล่มเต็มๆ ติดต่อไปที่วัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม ๗๓๒๑๐ หรือ http://www.watnyanaves.net
อย่าขอมาที่ผมนะครับ เพราะผมมีเล่มเดียว
————–
บทสุดท้าย
————–
นาฬิกาปลุกดังเกร๊งกร๊าง
ตื่นขึ้นมา ตาสว่าง เดินถูกทางกันเสียที
ธุดงค์เป็นข้อปฏิบัติตามสมัครใจ ที่ทำได้ยากมากบ้างยากน้อยบ้าง แต่ก็มีพระที่ใจเข้มแข็งสมาทานถือสืบกันมาจนแน่นแฟ้น เข้าอยู่ในวิถีชีวิต เป็นความรู้ความเข้าใจสามัญในสังคมไทย
แต่น่าแปลกใจว่า เวลานี้ คนไทยชาวพุทธมากหลายจนเรียกได้ว่าทั่วๆ ไป แม้กระทั่งชาวบ้านพื้นถิ่นก็ไม่รู้จักพอที่จะมองออกได้ว่าธุดงค์คืออย่างไร พากันตื่นเต้นไปกับปรากฏการณ์วูบวาบแวววาว แล้วก็ไขว้เขวสับสนกันไป
นี่เป็นสัญญาณที่เตือนอย่างชัดเจนว่า พระพุทธศาสนาของคนไทย มีสภาพเป็นอย่างไร คลาดเคลื่อนผิดเพี้ยน ผุกร่อนเลือนราง หรือว่าไปกันถึงแค่ไหน ควรจะปฏิบัติหรือจัดการให้เป็นอย่างไร
มองในแง่ดี ปรากฏการณ์เป็นเรื่องเป็นราวครึกโครมอื้อฉาวที่โด่งดังเด่นขึ้นมา เป็นอาการที่ผู้ทำนั้นท่านช่วยกระตุกหรือกระแทกกระทุ้งให้คนไทยสะดุ้งตื่น หรือแม้แต่ตระหนกตกใจขึ้นมา ซึ่งน่าจะช่วยให้เกิดความสนใจใส่ใจที่จะแก้ไขกันให้จริงจัง มิฉะนั้น ก็จะไม่ตื่นขึ้นมาจากความหลับไหล ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรให้เป็นสาระชิ้นอัน
ถ้ามองอย่างนี้ ก็เป็นอันว่าดีแล้ว ที่มีเรื่องแรงร้ายน่าตระหนกตกใจมาทำให้ตระหนักรู้ อะไรที่ตูมตามให้ตื่นเต้น แต่ช่วยปลุกให้ลุกขึ้นมาศึกษาหาความรู้กันให้เท่าทันเข้าใจ ที่จะตัดสินได้ด้วยตนเอง แล้วช่วยกันแก้ไข ชวนกันประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป ก็เป็นอันถือได้ว่านั่นก็ดี
จะจบเล่มลงท้าย จึงนำเอาหลักความรู้เรื่อง “ธุดงค์” มาบอกกันไว้จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ยาวถึง ๔ หน้า จัดได้ว่าเป็นภาคผนวก นับว่าไม่น้อย เรื่องธุดงค์ รู้เท่านี้น่าจะพอทีหนึ่งก่อน
………..
จากหนังสือ
ธุดงค์ ทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร?
โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
พิมพ์ครั้งที่ ๑ – ก.พ.๒๕๕๘
————–
คุณตรีรัตน์ ปิ่นประยงค์ ส่งมาให้
————–
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘
…………………………….