บาลีวันละคำ

อธรรม (บาลีวันละคำ 4,822)

อธรรม

คำสั้น แต่ความหมายยาว

อ่านว่า อะ-ทำ

แยกศัพท์เป็น + ธรรม

(๑) “” 

อ่านว่า อะ แปลงมาจาก “” (นะ) เป็นศัพท์จำพวกนิบาต บอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)

” เมื่อไปประสมกับคำอื่น มีกฎดังนี้ – 

(1) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ให้แปลง เป็น (อะ) 

(2) ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ คือ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ให้แปลง เป็น อน (อะ-นะ)

ในที่นี้ “ธรรม” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ คือ – จึงแปลง เป็น  

(๒) “ธรรม

บาลีเป็น “ธมฺม” อ่านว่า ทำ-มะ รากศัพท์มาจาก ธรฺ (ธาตุ = ทรงไว้) + รมฺม (ปัจจัย) ลบ รฺ ที่สุดธาตุ (ธรฺ > ) และ ต้นปัจจัย (รมฺม > มฺม)

: ธรฺ > + รมฺม > มฺม : + มฺม = ธมฺม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า –

(1) “กรรมที่ทรงไว้ซึ่งความดีทุกอย่าง” (หมายถึงบุญ)

(2) “สภาวะที่ทรงผู้ดำรงตนไว้มิให้ตกไปในอบายและวัฏทุกข์” (หมายถึงคุณธรรมทั่วไปตลอดจนถึงโลกุตรธรรม)

(3) “สภาวะที่ทรงไว้ซึ่งสัตว์ผู้บรรลุมรรคเป็นต้นมิให้ตกไปในอบาย” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

(4) “สภาวะที่ทรงลักษณะของตนไว้ หรืออันปัจจัยทั้งหลายทรงไว้” (หมายถึงสภาพหรือสัจธรรมทั่วไป)

(5) “สภาวะอันพระอริยะมีโสดาบันเป็นต้นทรงไว้ ปุถุชนทรงไว้ไม่ได้” (หมายถึงโลกุตรธรรม คือมรรคผล)

คำแปลตามศัพท์ที่เป็นกลางๆ “ธมฺม” คือ “สภาพที่ทรงไว้

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ สรุปความหมายในแง่หนึ่งไว้ว่า “ธมฺม” หมายถึง –

(1) doctrine (คำสอน) 

(2) right or righteousness (สิทธิหรือความถูกต้อง) 

(3) condition (เงื่อนไข) 

(4) phenomenon (ปรากฏการณ์) 

พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต แปลคำว่า “ธมฺม” (Dhamma) เป็นอังกฤษไว้ดังนี้ –

1. the Dharma; the Dhamma; the Doctrine; the Teachings (of the Buddha). 

2. the Law; nature. 

3. the Truth; Ultimate Reality. 

4. the Supramundane, especially nibbāna. 

5. quality; righteousness; virtue; morality; good conduct; right behaviour. 

6. tradition; practice; principle; norm; rule; duty. 

7. justice; impartiality. 

8. thing; phenomenon. 

9. a cognizable object; mind-object; idea. 

10. mental state; mental factor; mental activities. 

11. condition; cause; causal antecedent.

บาลี “ธมฺม” สันสกฤตเป็น “ธรฺม” เราเขียนอิงสันสกฤตเป็น “ธรรม

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของ “ธรรม” ไว้ดังนี้ –

(1) คุณความดี เช่น เป็นคนมีธรรมะ เป็นคนมีศีลมีธรรม

(2) คำสั่งสอนในศาสนา เช่น แสดงธรรม ฟังธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้า

(3) หลักประพฤติปฏิบัติในศาสนา เช่น ปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรม

(4) ความจริง เช่น ได้ดวงตาเห็นธรรม

(5) ความยุติธรรม, ความถูกต้อง, เช่น ความเป็นธรรมในสังคม

(6) กฎ, กฎเกณฑ์, เช่น ธรรมะแห่งหมู่คณะ

(7) กฎหมาย เช่น ธรรมะระหว่างประเทศ

(8 ) สิ่งของ เช่น เครื่องไทยธรรม

เป็นอันว่า “ธมฺมธรรม” มีความหมายหลายหลาก:-

สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจธรรม, ความจริง; เหตุ, ต้นเหตุ; สิ่ง, ปรากฏการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด; คุณธรรม, ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ; หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่; ความชอบ, ความยุติธรรม; พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฏขึ้น

ธรรม” คำง่าย ๆ เหมือนหญ้าปากคอก แต่แปลทับศัพท์กันจนแทบจะไม่ได้นึกถึงความหมายที่แท้จริง

+ ธมฺม แปลง เป็น ตามกฎการประสมของ

: + ธมฺม = นธมฺม > อธมฺม (อะ-ทำ-มะ) แปลว่า “ไม่ใช่ธรรม” หมายถึง ผิด, ไม่ยุติธรรม; ขัดต่อกฎเกณฑ์; ความประพฤติปฏิบัติที่ต่ำทราม; ความไม่เป็นธรรม, อกุศล (false, unjust; against the rule; evil practice; unrighteousness, sin)

อธมฺม” ในภาษาไทยใช้เป็น “อธรรม” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อธรรม : (คำวิเศษณ์) ไม่เป็นธรรม, ไม่เที่ยงธรรม, ไม่ยุติธรรม. (คำนาม) ความไม่มีธรรม, ความชั่วร้าย. (ส.).”

ขยายความ :

แยกความหมายของ “อธรรม” ในภาษาไทยตามพจนานุกรมฯ เป็นดังนี้ –

(1) ไม่เป็นธรรม 

(2) ไม่เที่ยงธรรม 

(3) ไม่ยุติธรรม 

(4) ความไม่มีธรรม 

(5) ความชั่วร้าย 

ค้นหาความหมายของคำเหล่านี้จากพจนานุกรมฯ ได้ดังนี้ –

(1) เป็นธรรม : (คำวิเศษณ์) ถูกต้อง.

(2) เที่ยงธรรม : (คำวิเศษณ์) ตั้งตรงด้วยความเป็นธรรม.

(3) ยุติธรรม :

(๑) (คำนาม) ความเที่ยงธรรม, ความชอบธรรม, ความชอบด้วยเหตุผล, เช่น ศาลย่อมทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม,

(๒) (คำนาม) ชื่อกระทรวงที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการศาลยุติธรรม แต่ไม่รวมถึงการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี.

(๓) (คำวิเศษณ์) เที่ยงธรรม, ไม่เอนเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง, ชอบด้วยเหตุผล, เช่น ราคายุติธรรม กรรมการตัดสินอย่างยุติธรรม.

(4) ชั่ว ๒ : (คำวิเศษณ์) เลว, ทราม, ร้าย, ไม่ดีเพราะจงใจฝ่าฝืนศีลธรรมหรือจารีตประเพณีเป็นต้น เช่น คนชั่ว.

(5) ร้าย :

(๑) (คำวิเศษณ์) ดุ เช่น ใจร้าย, ชั่ว เช่น ปากร้าย คนร้าย, ไม่ดี เช่น เคราะห์ร้าย โชคร้าย ชะตาร้าย,

(๒) (คำวิเศษณ์) ที่เป็นอันตราย เช่น พิษร้าย เนื้อร้าย โรคร้าย.

(๓) (คำนาม) ความไม่ดี เช่น ใส่ร้าย ป้ายร้าย ให้ร้าย.

…………..

ลองเอาคำว่า “อธรรม” เป็นตัวตั้ง แล้วเอาความหมายของคำเหล่านี้เข้าไปจับ ก็จะได้ความเข้าใจที่กว้างขวางขึ้นว่า “อธรรม” มีความหมายอย่างไรได้บ้าง

…………..

ดูก่อนภราดา!

: อย่ามัวแต่รอความยุติธรรมจากคนอื่น

: แต่จงสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวท่านเอง

#บาลีวันละคำ (4,822)

25-8-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้