ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร
ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๑๘] (จบ)
ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๑๘] (จบ)
———————————–
เทียบท่า
———
ในที่สุดนี้ ขอร้อง ขอแรง ขอวิงวอนให้ชาวเราระลึกตระหนักถึงคุณสมบัติอันเป็นพื้นฐานของการทำหน้าที่ชาวพุทธดังที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ซึ่งสรุปเป็นหัวข้อได้ว่า –
…………………..
๏ ศึกษาเล่าเรียน
๏ พากเพียรปฏิบัติ
๏ เคร่งครัดบำรุง
๏ มุ่งหน้าเผยแผ่
๏ แก้ไขให้หมดจด
…………………..
พวกที่หนึ่ง-ชาวบ้านผู้ครองเรือน ขอร้องว่า ต้องศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตามสติปัญญาและกำลังความสามารถ
ต้องเลิกเข้าใจผิดกันเสียทีเถิดว่า การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยเป็นหน้าที่ของชาววัดคือของพระภิกษุสามเณรเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับชาวบ้าน
ต้องบอกย้ำกันว่า-แม้ชาวบ้านก็มีหน้าที่ต้องศึกษาเรียนรู้ด้วย และเมื่อเรียนรู้แล้วต้องลงมือปฏิบัติด้วย
ลงมือปฏิบัติคือทำอะไร?
ก็ทำตาม “โอวาทปาติโมกข์” ที่เรารู้กันดีนั่นเอง นั่นคือ –
๑ ความชั่วทุกชนิดต้องไม่ทำ และต้องช่วยกันหาเหตุผลมาอ้างที่จะไม่ทำ ไม่ใช่หาเหตุผลมาอ้างเพื่อที่จะทำ
๒ ความดี-ทำให้ได้มากที่สุด ทำให้เต็มกำลัง อะไรที่ทำได้แล้วจงทำต่อเนื่องและรักษาไว้ให้ยั่งยืน พร้อมทั้งขวนขวายที่จะทำความดีอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำเพิ่มขึ้นไปอีก อย่าหยุดอยู่แค่นั้น
๓ ฝึกจิตให้ผ่องใสสงบสว่าง ยังไม่เคยทำต้องเริ่มเรียนรู้วิธีทำ
อย่าเข้าใจผิดคิดไปว่า การฝึกจิตให้ผ่องใสสงบสว่างเป็นเรื่องของคนแก่และคนแก่วัด
คนหนุ่มคนสาวก็ทำได้และต้องทำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเรียนรู้วิธีทำ แม้ไม่สะดวกที่จะไปวัด อยู่กับบ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ทำได้
อย่าให้โอวาทปาติโมกข์มีค่าเพียงแค่เอาไว้พูดกันครึ้มๆ เฉพาะวันมาฆบูชาเพียงวันเดียว
เคร่งครัดบำรุง-เป็นหน้าที่โดยตรงของชาวบ้าน อย่าพอใจเพียงแค่ใส่บาตรทุกเช้า แต่ควรคำนึงถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งยังมีเป็นอันมากอีกด้วย กิจอันใดที่พอจะสนับสนุนได้ อย่านิ่งดูดาย
อย่าเอาความบกพร่องของพระภิกษุสามเณรบางส่วนมาเป็นเหตุทำให้เราพลอยบกพร่องในหน้าที่ข้อนี้ไปด้วย
ส่วน-มุ่งหน้าเผยแผ่–แก้ไขให้หมดจด ถ้าไม่ถนัดที่จะทำด้วยตัวเอง ก็ยังสามารถสนับสนุนคนที่มีความสามารถให้มีโอกาสทำงานด้านนี้ได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น
ผมตระหนักดีว่า ชาวบ้านงานเยอะ ดังสำนวนบาลีที่ว่า “พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย” (มีกิจธุระมาก มีเรื่องที่ต้องทำมาก) และการทำงานเพื่อพระศาสนาต้องไม่มีปัญหาเรื่องเงิน คือต้องไม่กังวลเรื่องการทำมาหากิน เพราะฉะนั้น ใครที่พร้อม ที่สะดวก ก็จงช่วยกัน
อย่าอ้างอยู่คำเดียวว่าต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลา
ถ้ารู้จักวางแผนและบริหารเวลาอย่างฉลาด โอกาสที่จะทำย่อมมีเสมอ
พวกที่สอง-ชาววัดคือพระภิกษุสามเณร เป็นกลุ่มที่วิถีชีวิตมีความพร้อมมากที่สุดที่จะทำหน้าที่ทั้ง ๕ หัวข้อนั้น
ประการสำคัญคือไม่ต้องห่วงเรื่องทำมาหากิน ตัดไปได้เรื่องเดียว เวลาและโอกาสก็มีมาทันที
อันที่จริงควรจะกล่าวว่า รูปแบบวิถีชีวิตสงฆ์นั้นพระพุทธองค์กำหนดขึ้นมาก็เพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ปฏิเสธไม่ได้ และอย่าปฏิเสธ
กราบขอร้องว่า จะเรียนวิชาอะไรก็ไม่ว่า แต่ต้องศึกษาพระธรรมวินัยเป็นวิชาแกนวิชาหลัก
เรียนรู้เข้าใจแล้ว เอามาปฏิบัติให้ถูกต้อง
อะไรที่ “ห้ามทำ” ก็ต้องไม่ทำ
อะไรที่ “ต้องทำ” ก็ต้องทำ
วิชาพระธรรมวินัยไม่ใช่วิชาที่เรียนเพื่อเอาไว้พูดเอาไว้คุยว่าข้าพเจ้าจบชั้นไหนมา ข้าพเจ้ารู้อะไรบ้าง
แต่เรียนรู้เพื่อนำมาปฏิบัติ
หัวข้อ-เคร่งครัดบำรุง-ซึ่งดูเหมือนว่าเป็นหน้าที่เฉพาะชาวบ้านนั้น ชาววัดก็สามารถทำได้ด้วย โดยเฉพาะพระคุณท่านที่มีบริษัทบริวารมาก มีผู้คนนับหน้าถือตามาก โอกาสที่จะทำงานบำรุงพระศาสนาก็ย่อมมีมากด้วย
ขอกราบประทานอภัย-ถ้าที่กล่าวมานี้ฟังดูเหมือนกับกำลังจะ “สอนหนังสือสังฆราช” กระผมกล่าวตามหลักแท้ๆ ไม่ได้เอาความคิดของตัวเองเป็นหลักแต่อย่างใด และมิได้มีเจตนาจะก้าวร้าวล่วงเกินแต่ประการใดทั้งสิ้น
หน้าที่ดังกล่าวมานี้ต้องทำทั้งชาววัดและชาวบ้าน
พวกที่สาม-กลุ่มผู้บริหารการพระศาสนา กล่าวคือท่านผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะสงฆ์ตั้งแต่ระดับวัดขึ้นไปจนถึงระดับมหาเถรสมาคม รวมตลอดถึงท่านที่มีตำแหน่งหน้าที่ในหน่วยราชการที่มีหน้าที่อำนวยการอุปถัมภ์ช่วยเหลือพระพุทธศาสนา ขอร้องว่า โปรดอย่าพอใจทำเฉพาะงานประจำที่คำฝรั่งเรียกว่างาน routine เป็นต้นว่า แต่งตั้งพระสังฆาธิการ เช่นแต่งตั้งเจ้าอาวาส แต่งตั้งเจ้าคณะ อนุมัติให้ตั้งวัด ขอสมณศักดิ์ ฯลฯ
งานพวกนั้นก็ต้องทำ แต่งานแก้ปัญหาและงานพัฒนาองค์กรจำเป็นต้องทำยิ่งกว่าหลายเท่า
เฉพาะงาน-วินิจฉัยปัญหาที่คาใจสังคม-งานเดียว ถ้ามหาเถรสมาคมทำได้-ซึ่งโดยศักยภาพทำได้อยู่แล้ว- คณะสงฆ์ไทยจะเป็นที่พึ่งทางสติปัญญาให้แก่สังคมไทย และรวมถึงสังคมโลกด้วยได้อย่างประเสริฐสุด
กลุ่มที่สามนี้เป็นกลุ่มสำคัญที่สุด เพราะเป็นกลุ่มหลักในการขับเคลื่อนงานพระศาสนา
ถ้ากลุ่มนี้ยังดำรงท่าทีเฉยทุกเรื่องดังที่กำลังเป็นอยู่ พระพุทธศาสนาในบ้านเราเฉาตายแน่นอน
เพราะฉะนั้น —
ขอให้ชาวบ้านปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมาก่อน
แล้วไปช่วยกันปลุกพระให้ตื่น
แล้วทั้งพระและชาวบ้านไปช่วยกันปลุกมหาเถรสมาคม-ปลุกคณะสงฆ์ให้ตื่น
……………..
ถ้าไม่ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนๆ
และไม่ช่วยกันปลุกผู้มีหน้าที่ให้ตื่นขึ้นมาทำหน้าที่ของตนตั้งแต่ตอนนี้
ก็จงพากันหลับให้สนิทเถิด
เพราะทั้งเราทั้งท่านจะไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาพบพระพุทธศาสนารุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดินไทยอีกแล้ว-ตลอดกาลนิรันดร๚ะ๛
……………
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๓
๑๗:๓๗
………………………………..
ถ้าไม่ตื่น ก็จงหลับไปชั่วนิรันดร [๑๗]
………………………………..
นำเรื่อง