อาภัสระ (บาลีวันละคำ 3,519)
อาภัสระ
รูปพรหมชั้นที่หก
อ่านว่า อา-พัด-สะ-ระ เขียนแบบบาลีเป็น “อาภสฺสร”
“อาภสฺสร” อ่านว่า อา-พัด-สะ-ระ รากศัพท์มาจาก อาภา + สรฺ ธาตุ
(๑) “อาภา”
อ่านว่า อา-พา รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + ภา (ธาตุ = รุ่งเรือง) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ
: อา + ภา = อาภา + กฺวิ = อาภากฺวิ > อาภา แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่รุ่งเรืองอย่างยิ่ง” หมายถึง การส่องแสง, ความงดงาม, ความรุ่งโรจน์, แสงสว่าง (shine, splendour, lustre, light)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาภา : (คำนาม) แสง, รัศมี, ความสว่าง. (ป., ส.).”
(๒) อาภา + สรฺ (ธาตุ ไป, ถึง; แผ่ไป, ซ่านไป) + อ (อะ) ปัจจัย, “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ (อา)-ภา (อาภา อาภ), ซ้อน สฺ ระหว่างบทหน้ากับธาตุ (อาภา + สฺ + สรฺ)
: อาภา + สฺ + สรฺ = อาภาสฺสรฺ + อ = อาภาสฺสร > อาภสฺสร แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มีความรุ่งโรจน์ซ่านออกไป” “ผู้มีรัศมีซ่านออกจากกาย”
ในภาษาบาลี “อาภสฺสร” ใช้เป็นคุณศัพท์ขยายคำว่า “เทวา” (เทวดาทั้งหลาย) เปลี่ยนรูปเป็น “อาภสฺสรา”
คัมภีร์ปปัญจสูทนี อรรถกถามัชฌิมนิกาย ตอนอธิบายมูลปริยายสูตร อธิบายความหมายของคำว่า “อาภสฺสรา” ไว้ว่า –
…………..
ทณฺฑทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสรตีติ อาภสฺสรา ฯ
รัศมีแผ่ซ่านออกจากร่างกายของพรหมเหล่านั้นเหมือนกับขาดตกไปเป็นช่วงๆ คล้ายเปลวไฟขาดตกไปจากคบเพลิงฉะนั้น เพราะเหตุนั้น พรหมเหล่านั้นจึงชื่อว่า อาภสฺสรา
ที่มา: ปปัญจสูทนี ภาค 1 หน้า 58
…………..
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อาภสฺสรา” ว่า shining, brilliant, radiant, Name of a class of gods in the Brahma heavens “the radiant gods” (ส่องแสง, สุกใส, ช่วงโชติ, ชื่อของเทวดาในสวรรค์ชั้นพรหมจำพวกหนึ่ง “อาภัสรพรหม”)
และขยายความต่อไปว่า usually referred to as the representatives of supreme love (ตามปกติอ้างถึงในฐานเป็นตัวแทนของความรักชั้นสูงสุด)
“อาภสฺสร” หรือ “อาภสฺสรา” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อาภัสระ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาภัสระ : (คำนาม) ชื่อพรหมโลกชั้น ๑ ในรูปพรหม ๑๖ ชั้น, เรียกพรหมซึ่งอยู่ชั้นนี้ว่า อาภัสรพรหม. (คำวิเศษณ์) สว่าง, สุกใส, เปล่งปลั่ง. (ป. อาภสฺสร).”
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต สะกดชื่อนี้เป็น “อาภัสสระ” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
อาภัสสระ : ผู้มีรัศมีแผ่ซ่าน, เปล่งปลั่ง, ชื่อพรหมโลกชั้นที่ ๖; ดู พรหมโลก (พจนานุกรมเขียน อาภัสระ)
…………..
อภิปรายขยายความ :
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายมหานิทานสูตร อธิบายเรื่องพรหม 3 จำพวกที่เกิดด้วยอำนาจทุติยฌานเหมือนกัน คือ พรหมปริตตาภา พรหมอัปปมาณาภา และ พรหมอาภัสระ เปรียบเทียบกันดังนี้ –
…………..
เตสุ จตุกฺกปญฺจกนเยสุ ทุติยตติยชฺฌานทฺวยํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา ปริตฺตาภา นาม โหนฺติ ฯ
บรรดาพรหมเหล่านั้น ผู้เจริญฌานนิดหน่อย คือทุติยฌานและตติยฌานในจตุกนัยและปัญจกนัยมาเกิด ชื่อว่าพรหมปริตตาภา
เตสํ เทฺว กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมปริตตาภานั้นมีกำหนดอายุ 2 กัป
มชฺฌิมํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อปฺปมาณาภา นาม โหนฺติ ฯ
ผู้เจริญทุติยฌานระดับปานกลางมาเกิด ชื่อว่าพรหมอัปปมาณาภา
เตสํ จตฺตาโร กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมอัปปมาณาภานั้นมีกำหนดอายุ 4 กัป
ปณีตํว ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อาภสฺสรา นาม โหนฺติ ฯ
ผู้เจริญทุติยฌานระดับประณีตแท้มาเกิด ชื่อพรหมอาภัสระ
เตสํ อฏฺฐ กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมอาภัสระนั้นมีกำหนดอายุ 8 กัป
สพฺเพสํปิ เตสํ กาโย เอกวิปฺผาโรว โหติ ฯ
รูปร่างของพรหมทั้ง 3 ชั้นเหล่านั้นมีความผึ่งผายเป็นอย่างเดียวกันแท้
สญฺญา ปน อวิตกฺกวิจารมตฺตา วา อวิตกฺกาวิจารา วาติ นานา ฯ
แต่ที่ต่างกันคือวิตกและวิจารอันเป็นองค์ฌานที่บำเพ็ญมา คือบางพวกไม่มีวิตก แต่มีวิจาร บางพวกไม่มีทั้งวิตกทั้งวิจาร
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 178-179
…………..
คัมภีร์ปปัญจสูทนี อรรถกถามัชฌิมนิกาย ตอนอธิบายมูลปริยายสูตรขยายความไว้ว่า –
…………..
เอกตลวาสิโน เอว เจเต สพฺเพปิ ปริตฺตาภา อปฺปมาณาภา อาภสฺสราติ เวทิตพฺพา ฯ
พึงทราบว่า ปริตตาภาพรหม อัปปมาณาภาพรหม อาภัสรพรหม ทั้งหมดนี้สถิตอยู่ในชั้นเดียวกันนั่นเอง
ที่มา: ปปัญจสูทนี ภาค 1 หน้า 58
…………..
สรุปว่า “อาภัสระ” เป็นชื่อของพรหมชั้นที่ 6 ในรูปาวจรภูมิซึ่งมีทั้งหมด 16 ชั้น เป็นผู้ที่เจริญทุติยฌานระดับประณีตมาเกิด มีอายุยืนยาว 8 กัป
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ผิวพรรณผ่องใส งามได้ครึ่งเดียว
: จิตใจมีคุณธรรม งามหมดทั้งตัว
#บาลีวันละคำ (3,519)
30-1-65
…………………………….
…………………………….