ตามบุญตามกรรม
ตามบุญตามกรรม
——————-
มีคำบาลีคำหนึ่งที่พระสงฆ์ที่รู้บาลีมักยกขึ้นมาอ้าง นั่นคือคำว่า
“ราชูนํ อนุวตฺติตุํ”
(รา-ชู-นัง อะ-นุ-วัด-ติ-ตุง)
“ราชูนํ อนุวตฺติตุํ” มีที่มาจากพระวินัยปิฎก ขอยกคำแปลเรื่องราวตอนนี้มาเสนอไว้ในที่นี้ ดังนี้ –
…………………………………………….
ก็โดยสมัยนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชมีพระราชประสงค์จะทรงเลื่อนกาลฝนออกไป จึงทรงส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ถ้ากระไรขอพระคุณเจ้าทั้งหลายพึงจำพรรษาในชุณหปักษ์อันจะมาถึง.
ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า —
“อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุํ = ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้คล้อยตามพระเจ้าแผ่นดิน”
ที่มา: วัสสูปนายิกขันธกะ วินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑ พระไตรปิฎกเล่ม ๔ ข้อ ๒๐๙
…………………………………………….
พระพุทธพจน์อันเป็นพุทธานุญาตนี้ คณะสงฆ์ใช้เป็นหลักอ้างอิงอยู่เสมอเมื่อภิกษุหรือคณะสงฆ์จะต้องปฏิบัติเรื่องใดๆ ตามที่ทางราชการบ้านเมืองกำหนดไว้
ตัวอย่างเช่นทางราชการมีกฎหมายกำหนดให้ชายไทยที่มีอายุครบเกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ
เรียกรู้กันสั้นๆ ว่า “ไล่ทหาร”
ภิกษุที่มีอายุถึงเกณฑ์ แม้กำลังบวชอยู่ก็ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามระเบียบของทางราชการ
ตรวจเลือกแล้ว ถ้าถูกเกณฑ์ (ที่เรียกกันว่า “ถูกทหาร”) ก็ต้องลาสิกขาไปเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เว้นไว้แต่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ที่ทางราชการยอมผ่อนผันให้ และได้ยื่นเรื่องขอผ่อนผัน
กรณีเช่นนี้แหละเป็นการปฏิบัติตรงตามพระพุทธานุญาต “อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุํ”
จะถือว่าทางบ้านเมืองบีบบังคับภิกษุหรือคณะสงฆ์มิได้
แต่ก็ใช่ว่าภิกษุหรือคณะสงฆ์จะต้องปฏิบัติตามที่ทางราชการบ้านเมืองกำหนดไว้หมดทุกเรื่องก็หาไม่
ท่านให้ปฏิบัติตามเฉพาะเรื่องที่เป็น “ธัมมิกะ” คือถูกต้องตามพระธรรมวินัยเท่านั้น
เรื่องที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยท่านไม่ยอมให้ปฏิบัติเลย
เช่น ถ้าทางบ้านเมืองออกกฎหมายห้ามภิกษุออกบิณฑบาตก่อนเที่ยงวัน หลังเที่ยงวันแล้วจึงให้ออกบิณฑบาตได้ ภิกษุจะออกบิณฑบาตและฉันอาหารหลังเที่ยงวันโดยอ้างว่าเป็นการอนุวัตตามกฎหมายของบ้านเมือง ดังนี้หาชอบไม่
ดังนี้ จะเห็นได้ว่า ถิ่นใดผู้บริหารบ้านเมืองไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาหรือไม่เป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาย่อมอยู่ในถิ่นนั้นได้ยาก เพราะอาจถูกกลั่นแกล้งจนไม่สามารถปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้สะดวกด้วยประการต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ การอยู่ในปฏิรูปเทส-แดนดินถิ่นที่สมควร ท่านจึงจัดเป็นอุดมมงคลข้อหนึ่ง
ทุกวันนี้ พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่ในประเทศไทยได้ เพราะผู้บริหารบ้านเมืองนับถือพระพุทธศาสนาเป็นสัมมาทิฐิ
แต่ในอนาคต ไม่แน่
เราจะปล่อยให้อนาคตเกิดขึ้นและเป็นไปตามบุญตามกรรม หรือเราควรจะกำหนดอนาคตของเราเอง
ถ้าผู้บริหารการพระศาสนาของเราไม่เริ่มคิดตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อนาคตของพระพุทธศาสนาก็จะเป็นไปตามบุญตามกรรม
หรือถ้าเราแต่ละคนต่างก็คิดว่า-ไม่ใช่หน้าที่ของเรา อนาคตของพระพุทธศาสนาก็จะเป็นไปตามบุญตามกรรมเช่นเดียวกัน
ตรงนี้ก็ไปเข้าทางพอดิบพอดี-ทางของท่านที่ยึดถือคติว่า ทุกอย่างเป็นอนิจจัง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปล่อยวาง
ก็คือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามบุญตามกรรม
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๒๐ มีนาคม ๒๕๖๕
๑๗:๑๔
…………………………..
ภาพประกอบ: จาก google
…………………………..
ตามบุญตามกรรม
…………………………..