บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ขอให้ตายเป็นปกติ

ขอให้ตายเป็นปกติ

——————-

“เพื่อน” ผมคนหนึ่ง รู้ใจรู้อัธยาศัยกันดี เขาเป็นคนแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย ตั้งแต่โควิดระบาดก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาบอกทางสื่อออนไลน์ว่าเขาติดโควิด 

มีญาติมิตร “แห่” กันแสดงความห่วงใยเป็นจำนวนมาก

ผมก็เข้าไปแสดงความปรารถนาดีด้วย ผมเขียนลงไปในช่องแสดงความคิดเห็นว่า –

“ขอให้ตายเป็นปกติ”

ทั้งๆ ที่รู้ใจรู้อัธยาศัยกันดี เขาก็ยังแสดงความข้องใจว่า ทำไมผมเขียนอย่างนั้น

“ท่านมหาคงจะพิมพ์ผิด ที่จริงคงตั้งใจจะบอกว่า – ขอให้หายเป็นปกติ” เขาพยายามสรุป

ผมบอกว่า ผมตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้พิมพ์ผิด

ผมอธิบายว่า บนแป้นพิมพ์ ต เต่า กับ ห หีบ อยู่ห่างกันคนละเขต ต เต่า อยู่แถบขวาบนสุด ห หีบ อยู่แถบซ้ายล่างเกือบล่างสุด เวลาพิมพ์ใช้มือคนละข้าง

ถ้าตั้งใจจะพิมพ์คำว่า “หาย” ต้องใช้มือซ้ายกดที่แป้น ห หีบ แต่เมื่อผมใช้มือขวาพิมพ์อักษรตัวแรกของคำนี้ ก็แปลว่าตั้งใจพิมพ์คำว่า “ตาย” เพราะ ต เต่า อยู่ขวาบนสุด

……………….

จำได้ไหม ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ สังคมโซเชียลพูดคำว่า “จุงเบย” กันคึกคักอยู่พักใหญ่ ไม่มีใครบอกได้ว่า “จุงเบย” เป็นภาษาอะไร มีคนเดาว่าเป็นภาษาเกาหลี แต่เข้าใจความหมายเป็นนัยๆ ว่าหมายถึง มากมาย เยอะแยะ เช่น “คิดถึงจุงเบย” แปลว่า คิดถึงมากๆ

เมื่อเอาแป้นพิมพ์มานั่งพิจารณา ก็พอจะเข้าใจได้ คือคนเขียนตั้งใจจะเขียนว่า “จังเลย” เช่น “คิดถึงจังเลย” 

บนแป้นพิมพ์นั้นไม้หันอากาศอยู่เฉียงๆ กับสระอุ 

ตั้งใจจะกดแป้นไม้หันอากาศ แต่พลาดไปกดสระอุ 

“จัง” กลายเป็น “จุง”

ล ลิง กับ บ ใบไม้ อยู่แถวเดียวกัน แป้นติดกัน

ตั้งใจจะกดแป้น ล ลิง แต่พลาดไปกด บ ใบไม้ 

“เลย” กลายเป็น “เบย”

“คิดถึงจังเลย” กลายเป็น “คิดถึงจุงเบย”

เสร็จแล้วคนพิมพ์ก็ไม่ได้ทันตรวจ หรือตรวจไม่รอบคอบ โพสต์ออกไปทั้งๆ ที่พิมพ์ผิด

ฝ่ายคนอ่านก็ไม่ได้คิดเป็นอื่นๆ เห็นคำว่า “จุงเบย” ก็เข้าใจว่าเป็นคำใหม่เป็นภาษาใหม่ ดูหน้าตาสุ้มเสียงเข้าท่าดี ก็จับเอาไปพูดไปเขียนต่อไปอีก แล้วก็พูดและเขียนต่อกันไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นกระแส “เห่อจุงเบย” กันอยู่พักหนึ่ง

ตอนนี้ผู้คนจับได้แล้วว่า “จุงเบย” เป็นมาอย่างไร กระแสเห่อจุงเบยก็ซาไป พูดขึ้นมาก็ไม่มีใครสนุกด้วย เพราะรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร

……………….

“ขอให้ตายเป็นปกติ” ไม่ได้เกิดจากการกดแป้นผิด ทั้งมีความหมายลึกซึ้งกว่า “ขอให้หายเป็นปกติ” ชนิดที่เทียบกันไม่ได้ แต่เป็นคำที่ต้องถอดรหัสหลายชั้นจึงจะเข้าใจ

“ขอให้หายเป็นปกติ” มีความหมายเพียงแค่ว่า-ที่ป่วยอยู่นั้นขอให้หายป่วย ผลสูงสุดอยู่ที่หายป่วย-แค่นั้น หายป่วยคราวนี้อาจจะป่วยคราวหน้าอีกก็ได้ ป่วยคราวหน้าอาจจะตายไปเลยก็ได้ แม้แต่จะไม่ป่วยก็ตาม อาจไปเจอเหตุอะไรสักอย่างทำให้ต้องตายไปเลย ก็เป็นได้ทั้งนั้น

แต่ “ขอให้ตายเป็นปกติ” ไม่ใช่เช่นนั้น

คนที่ตายทุกวันนี้ตายกันได้ทุกช่วงวัย ถ้าคิดชั้นเดียวก็จะเข้าใจไปว่า-นั่นคือ “ตายเป็นปกติ” ต้องคิดลึกลงไปอีกจึงจะเห็นว่า-แบบนั้นไม่ควรเรียกว่าตายเป็นปกติ

“ปกติ” ที่ควรถือเป็นมาตรฐานก็คือ มนุษย์ในยุคสมัยปัจจุบันเป็นมนุษย์ที่มีอายุขัย ๑๐๐ ปี ดังที่มีหลักฐานแสดงไว้ว่า พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะมาตรัสรู้ในยุคสมัยที่มนุษย์มีอายุขัยแตกต่างกันออกไป 

บางพระองค์มาตรัสรู้ในยุคที่มนุษย์มีอายุขัยนับแสนปี 

บางพระองค์นับหมื่นปี 

บางพระองค์นับพันปี

พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันมาตรัสรู้ในยุคสมัยที่มนุษย์มีอายุขัย ๑๐๐ ปี นั่นคืออายุขัยของมนุษย์สมัยปัจจุบัน

“อายุขัย” แปลว่า สิ้นอายุ 

ในเมื่ออายุขัยปัจจุบันคือ ๑๐๐ ปี ใครตายตามอายุขัยคือตายเมื่ออายุ ๑๐๐ ปี นั่นจึงควรจะเรียกว่า “ตายเป็นปกติ”

ตายเมื่ออายุยังไม่ถึง ๑๐๐ ปี ควรเรียกว่า “ตายไม่เป็นปกติ”

ที่เราเห็นว่าตายๆ กันทุกวันนี้ แทบทั้งหมดเป็นการตายไม่เป็นปกติ เพราะแทบทั้งหมดอายุยังไม่ถึง ๑๐๐ ปี

ที่อายุ ๑๐๐ ปีจึงตายมีน้อยอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุผลดังแสดงมานี้ คำว่า “ขอให้ตายเป็นปกติ” จึงมีความหมายว่า ขอให้อยู่ไปถึงอายุ ๑๐๐ จึงค่อยตายเถิด เป็นคำแสดงความปรารถนาดีอย่างยิ่งต่อ “เพื่อน” ที่รักเพื่อนและรู้ใจรู้อัธยาศัยเพื่อนอย่างดียิ่ง

การที่ผมบอก “เพื่อน” ว่า “ขอให้ตายเป็นปกติ” แล้วเพื่อนผมแสดงความข้องใจ จึงทำให้ฉุกคิดได้ว่า ที่เราเข้าใจว่าเพื่อนรู้ใจรู้อัธยาศัยเพื่อนนั้น อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่องไป เรื่องบางเรื่องเพื่อนก็ยังไม่รู้ใจเพื่อน

แล้วก็ได้ข้อคิดต่อไปว่า จะแสดงความปรารถนาดีต่อใคร หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นอะไรอย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งหวังเต็มที่ว่าจะมีคนเข้าใจเจตนาของเราไปเสียทั้งหมด

และได้ข้อคิดในทางกลับกันว่า เมื่อได้ฟังได้รู้ได้เห็นใครแสดงความคิดเห็นในเรื่องอะไรอย่างไร ถ้าไม่ตรงกับใจเรา ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าความคิดเห็นนั้นๆ ใช้ไม่ได้ ไร้สาระ ไม่เข้าท่า

เพราะบางที บางกรณี ทัศนะ หรือวิธีคิด หรือมุมมองของเรานั่นเองที่อาจจะใช้ไม่ได้ ไร้สาระ ไม่เข้าท่าเสียเองก็เป็นได้

พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย

๑๔ เมษายน ๒๕๖๕

๑๕:๔๙

…………………………………….

ขอให้ตายเป็นปกติ

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *