เอสาหัง (บาลีวันละคำ 3,540)
เอสาหัง
ระวังจะเหลือแค่เป็นธรรมเนียม
อ่านว่า เอ-สา-หัง
เขียนแบบบาลีเป็น “เอสาหํ” แยกศัพท์เป็น เอส + อหํ
(๑) “เอส”
อ่านว่า เอ-สะ เป็นศัพท์จำพวกที่เรียกว่า “วิเสสนสัพพนาม” (วิ-เส-สะ-นะ-สับ-พะ-นาม) รูปคำเดิมเป็น “เอต” (เอ-ตะ) นักเรียนบาลีเรียกติดปากว่า “เอต ศัพท์” (เอ-ตะ-สับ) แปลกันว่า “นั่น” แต่โดยทั่วไปถือเอาความว่า “นี่” หรือ “นี้” (this)
“เอต” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) ปุงลิงค์ เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “เอโส” (เอ-โส) และนิยมลบสระเป็น “เอส” ก็มี
หรือจะสรุปเป็นสูตรง่ายๆ ว่า เอต + สิ วิภัตติ ปุงลิงค์ เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “เอโส” และ “เอส” ดังนี้ก็ได้
(๒) “อหํ”
อ่านว่า อะ-หัง เป็นศัพท์จำพวกที่เรียกว่า “ปุริสสรรพนาม” (ปุ-ริ-สะ-สับ-พะ-นาม) แทนตัวผู้พูด บาลีไวยากรณ์เรียกว่า “อุตตมบุรุษ” รูปคำเดิมคือ “อมฺห” อ่านว่า อำ-หะ หรือจะออกเสียงเป็น อำ-หฺมะ ก็ได้ นักเรียนบาลีเรียกติดปากว่า “อมฺห ศัพท์” เทียบคำอังกฤษคือ I (ไอ)
“อมฺห” แจกด้วยวิภัตตินามที่หนึ่ง (ปฐมาวิภัตติ) เอกพจน์ เปลี่ยนรูปเป็น “อหํ” (อะ-หัง) แปลว่า “ข้าพเจ้า” ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
“อหํ” เป็นเอกพจน์ ถ้าเป็นพหูพจน์เปลี่ยนรูปเป็น “มยํ” (มะ-ยัง)
“มยํ” ที่เราคุ้นกันดีก็เช่นในคำอาราธนาศีล มยํ ภนฺเต … และคำถวายทาน อิมานิ มยํ ภนฺเต …
เทียบคำอังกฤษ :
“มยํ” พหูพจน์ = We
“อหํ” เอกพจน์ = I
“อหํ” เขียนแบบคำอ่านเป็น “อะหัง”
“เอส” สนธิกับ “อหํ”
: เอส + อหํ = เอสาหํ
หรือจะว่า “เอโส” สนธิกับ “อหํ” ใช้สูตร “ลบสระหน้า” คือ โอ ที่ “เอโส” (เอโส > เอส) ก็ได้
: เอโส > เอส + อหํ = เอสาหํ
“เอสาหํ” แปลตามศัพท์ว่า “ข้าพเจ้านั่น” ในภาษาไทยมีความหมายเท่ากับ “ข้าพเจ้านี้” หรือ “ข้าพเจ้านั้น” นั่นเอง
คำว่า “เอสาหํ” แม้ที่ตาเห็นจะเขียนติดกันเป็นคำเดียว แต่พึงระลึกว่า คำนี้ยังคงเป็น 2 คำ คือ “เอส” หรือ “เอโส” คำหนึ่ง และ “อหํ” อีกคำหนึ่ง เวลาแปลแบบยกศัพท์ก็ต้องแยกเป็น 2 คำ นี่คือลักษณะที่แตกต่างกันระหว่าง “สนธิ” กับ “สมาส”
“สนธิ” คำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมา “เชื่อมเสียง” เข้าด้วยกัน แต่ยังคงเป็นคนละคำ
“สมาส” คำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปมา “เชื่อมศัพท์” เข้าด้วยกัน แล้วกลายเป็นคำเดียวกัน
ขยายความ :
“เอสาหํ” เขียนแบบคำอ่านเป็น “เอสาหัง” ที่รู้จักกันแพร่หลายก็คือ “เอสาหัง” ในคำกล่าวขอบรรพชาอุปสมบท
ขอยกข้อความเต็มๆ มาเสนอไว้ในที่นี้และแปลเป็นไทยเพื่อการศึกษา ดังนี้ –
…………..
เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ฯ
ทุติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ฯ
ตะติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ฯ
…………..
แปล:
เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ,
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้านี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้ปรินิพพานมานานนักแล้ว ทั้งพระธรรม ทั้งพระภิกษุสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ฯ
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าพึงได้บรรพชาอุปสมบทในพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
แม้ครั้งที่สอง …
แม้ครั้งที่สาม …
…………..
รายละเอียดและขั้นตอนการปฏิบัติในพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นอย่างไร ขอผู้สนใจใฝ่ศึกษาพึงแสวงหากันต่อไปเทอญ
…………..
ดูก่อนภราดา!
: การบวชเป็นธรรมเนียมของชายไทย
: แต่อย่าทำให้การบวชมีค่าเพียงแค่เป็นธรรมเนียม
#บาลีวันละคำ (3,540)
20-2-65
…………………………….