อัปปมาณสุภา (บาลีวันละคำ 3,521)
อัปปมาณสุภา
รูปพรหมชั้นที่แปด
อ่านว่า อับ-ปะ-มา-นะ-สุ-พา เขียนแบบบาลีเป็น “อปฺปมาณสุภา” แยกศัพท์เป็น อปฺปมาณ + สุภา
(๑) “อปฺปมาณ”
อ่านว่า อับ-ปะ-มา-นะ ประกอบด้วย อ + ปมาณ
(ก) “อ” บาลีอ่านว่า อะ (ไม่ใช่ ออ) คำเดิมคือ “น” (นะ) เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ
นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “น ไม่ โน ไม่ มา อย่า ว เทียว” (น [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, ว [วะ] = เทียว)
“น” เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)
(ข) “ปมาณ” บาลีอ่านว่า ปะ-มา-นะ รากศัพท์มาจาก ป (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + มา (ธาตุ = นับ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ) แล้วแปลง น เป็น ณ
: ป + มา = ปมา + ยุ > อน = ปมาน > ปมาณ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “การนับ” “วิธีอันเขานับ”
“ปมาณ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) เครื่องวัด, ขนาด, จำนวน (measure, size, amount)
(2) เครื่องวัดเวลา, เข็มทิศ, ความยาว, ระยะเวลา (measure of time, compass, length, duration)
(3) อายุ = “โลกิยลักษณะ” (age = “worldly characteristic”)
(4) ขอบเขต (limit)
(5) มาตรฐาน, บทนิยาม, คำบรรยายลักษณะ, มิติ (standard, definition, description, dimension)
บาลี “ปมาณ” สันสกฤตเป็น “ปฺรมาณ”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ปฺรมาณ : (คำนาม) ‘ประมาณ,’ มูล, เหตุ; เขตต์; พิสูจน์, หลักฐาน, อธิการหรือศักติ์; ปริมาณ, กำหนดมากน้อย; เวทหรือธรรมศาสตร์; ผู้กล่าวความจริง; นามพระวิษณุ; cause, motive; limit; proof, testimony, authority; measure, quantity; a scripture or work of sacred authority; speaker of the truth; a title of Vishṇu; – ค. นิตย์, นิรันดร; มุขย์, มหัตหรือมหันต์; eternal; principal, capital.”
บาลี “ปมาณ” ในภาษาไทยใช้เป็น “ประมาณ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ประมาณ : (คำกริยา) กะหรือคะเนให้ใกล้เคียงจำนวนจริงหรือให้พอเหมาะพอควร เช่น เขาประมาณราคาค่าก่อสร้างบ้านไว้ ๓ ล้านบาท. (คำวิเศษณ์) ราว ๆ เช่น ประมาณ ๓-๔ เดือน. (ส. ปฺรมาณ; ป. ปมาณ).”
พจนานุกรมฯ ไม่ได้เก็บคำว่า “ปมาณ” ไว้ เป็นอันว่าคำนี้ภาษาไทยใช้อิงสันสกฤตเป็น “ประมาณ”
ในที่นี้ใช้ตามรูปบาลีเป็น “ปมาณ”
การประสมคำ :
น + ปมาณ
ตามกฎไวยากรณ์บาลี :
(1) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อ” (อะ)
(2) ถ้าพยางค์แรกของคำที่ “น” ไปประสมด้วย ขึ้นต้นด้วยสระ คือ อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ท่านให้แปลง “น” เป็น “อน” (อะ-นะ)
ในที่นี้ “ปมาณ” ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ดังนั้นจึงต้องแปลง “น” เป็น “อ”
: น + ปมาณ = อปมาณ ซ้อน ปฺ ระหว่างนิบาตกับคำนาม
: น > อ + ปฺ + ปมาณ = อปฺปมาณ (อับ-ปะ-มา-นะ) แปลว่า “สิ่งที่นับไม่ได้”
“อปฺปมาณ” ในบาลี ใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) “ประมาณไม่ได้”, วัดไม่ได้, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีวงจำกัด, แผ่ไปทั่ว (“without measure”, immeasurable, endless, boundless, unlimited, unrestricted all-permeating)
(2) “ไม่มีความแตกต่างกัน”, ไม่อยู่ในประเด็น, โดยทั่ว ๆ ไป (“without difference”, irrelevant, in general)
(๒) “สุภา”
รูปคำเดิมเป็น “สุภ” อ่านว่า สุ-พะ รากศัพท์มาจาก –
(1) สุ (คำอุปสรรค = ดี,งาม) + ภา (ธาตุ = รุ่งเรือง) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ, ลบสระที่สุดธาตุ (ภา > ภ)
: สุ + ภา = สุภา + กฺวิ = สุภากฺวิ > สุภา > สุภ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่รุ่งเรืองด้วยดี”
(2) สุภฺ (ธาตุ = รุ่งเรือง) + อ (อะ) ปัจจัย
: สุภฺ + อ = สุภ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่งดงาม”
(3) สุ (คำอุปสรรค = ดี,งาม) + ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ, ลบสระที่สุดธาตุ (ภู > ภ)
: สุ + ภู = สุภู + กฺวิ = สุภูกฺวิ > สุภู > สุภ (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่เป็นโดยสภาวะที่งดงาม”
“สุภ” ใช้เป็นคุณศัพท์หมายถึง –
(1) เจิดจ้า, สว่าง, งดงาม (shining, bright, beautiful)
(2) ได้ฤกษ์, โชคดี, น่าพึงใจ (auspicious, lucky, pleasant)
“สุภ” ใช้เป็นคำนามหมายถึง สวัสดิภาพ, ความดี, ความพึงใจ, ความสะอาด, ความสวยงาม, สุขารมณ์ (welfare, good, pleasantness, cleanliness, beauty, pleasure)
บาลี “สุภ” สันสกฤตเป็น “ศุภ” (ศุ– ศ ศาลา)
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
(1) ศุภ : (คำวิเศษณ์) เปนสุขหรือมีสุข, มีโชคหรือเคราะห์ดี, มีหรือเป็นมงคล; งาม; วิศิษฏ์; คงแก่เรียน; happy, fortunate, auspicious; handsome, beautiful; splendid; learned.
(2) ศุภ : (คำนาม) มงคล; ศุภโยค, โชคหรือเคราะห์ดี; สุข; นักษัตรโยคอันหนึ่ง; คณะเทพดา; ข้าวหลาม; อาภา; โสภาหรือความงาม; auspiciousness; good junction or consequence, good fortune; happiness; one of the astronomical Yogas; an assemblage of the gods; bamboo-manna; light; beauty.
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้ทั้ง “ศุภ” (ศ ศาลา) ของสันสกฤต และ “สุภ” (ส เสือ) ของบาลี บอกความหมายไว้เหมือนกันว่า “ความงาม, ความดีงาม, ความเจริญ”
ในที่นี้สะกดตามรูปบาลีเป็น “สุภ”
อปฺปมาณ + สุภ = อปฺปมาณสุภ (อับ-ปะ-มา-นะ-สุ-พะ) แปลว่า “ผู้มีความงดงามนับไม่ได้”
คัมภีร์สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาวิภังคปกรณ์ อภิธรรมฺปิฎก ตอนธัมมหทยวิภังคนิทเทส หน้า 835 กระจายศัพท์ให้เห็นที่มาของชื่อนี้ว่า
…………..
อปฺปมาณา สุภา เอเตสนฺติ อปฺปมาณสุภา ฯ
แปลว่า ความงามของพรหมเหล่านี้นับไม่ได้ ดังนั้น จึงชื่อว่า อปฺปมาณสุภา = ผู้มีความงดงามนับไม่ได้
…………..
ในภาษาบาลี “อปฺปมาณสุภ” ใช้เป็นคุณศัพท์ขยายคำว่า “เทวา” (เทวดาทั้งหลาย) จึงเปลี่ยนรูปเป็น “อปฺปมาณสุภา”
“อปฺปมาณสุภา” ในที่นี้ใช้ในภาษาไทยเป็น “อัปปมาณสุภา” คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
อภิปรายขยายความ :
“อัปปมาณสุภา” เป็นชื่อของพรหมชั้นที่ 8 ในรูปาวจรภูมิซึ่งมีทั้งหมด 16 ชั้น พรหม “อัปปมาณสุภา” เป็นพรหมระดับตติยฌาน (ในการเจริญฌานแบบจตุกนัย) หรือระดับจตุตถฌาน (ในการเจริญฌานแบบปัญจกนัย) ซึ่งมี 3 จำพวก คือ ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา และสุภกิณหา
…………..
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายมหานิทานสูตร อธิบายเรื่องพรหม 3 จำพวกที่เกิดด้วยอำนาจตติยฌานหรือจตุตถฌานเหมือนกัน คือ พรหมปริตตสุภา พรหมอัปปมาณสุภา และ พรหมสุภกิณหา เปรียบเทียบกันดังนี้ –
…………..
ปญฺจกนเย ปน ปริตฺตมชฺฌิมปณีตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน โสฬสทฺวตฺตึสจตุสฏฺฐิกปฺปายุกา ปริตฺตสุภา อปฺปมาณสุภา สุภกิณฺหา นาม หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ ฯ
แต่ในการเจริญฌานแบบปัญจกนัย ผู้เจริญจตุตถฌานระดับเล็กน้อยมาเกิด ชื่อว่าพรหมปริตตสุภา มีอายุ 16 กัป
ผู้เจริญจตุตถฌานระดับปานกลางมาเกิด ชื่อว่าพรหมอัปปมาณสุภา มีอายุ 32 กัป
ผู้เจริญจตุตถฌานระดับประณีตมาเกิด ชื่อว่าพรหมสุภกิณหา มีอายุ 64 กัป
อิติ สพฺเพปิ เต เอกตฺตกายา เจว จตุตฺถชฺฌานสญฺญาย เอกตฺตสญฺญิโน จาติ เวทิตพฺพา ฯ
พึงทราบว่า พรหมเหล่านั้นทั้งหมดมีรูปกายเหมือนกัน และเมื่อว่าตามสัญญาในจตุตถฌานก็มีสัญญา (คือความรู้สึกนึกคิดจำได้หมายรู้สิ่งต่างๆ) เหมือนกัน ด้วยประการฉะนี้
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 179
…………..
สรุปว่า พรหมอัปปมาณสุภาคือผู้เจริญจตุตถฌานระดับปานกลางมาเกิด เป็นพรหมชั้นที่ 8 ในรูปาวจรภูมิ มีอายุยืนยาว 32 กัป
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ความงามไม่ใช่ความดีเสมอไป
: แต่ความดีเป็นความงามเสมอ
#บาลีวันละคำ (3,521)
1-2-65
…………………………….
…………………………….