ปริตตาภา (บาลีวันละคำ 3,517)
ปริตตาภา
รูปพรหมชั้นที่สี่
อ่านว่า ปะ-ริด-ตา-พา เขียนแบบบาลีเป็น “ปริตฺตาภา” (มีจุดใต้ ต เต่า ตัวหน้า) แยกศัพท์เป็น ปริตฺต + อาภา
(๑) “ปริตฺต”
อ่านว่า ปะ-ริด-ตะ มี 2 ความหมาย คือ –
(ก) “ปริตฺต” นัยหนึ่ง รากศัพท์มาจาก –
(1) ปริ (คำอุปสรรค = รอบด้าน) + อตฺต (สิ่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ)
: ปริ + อตฺต = ปริตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่แตกไปโดยรอบ”
(2) ปริ (คำอุปสรรค = รอบด้าน) + ทา (ธาตุ = ขาดตอน) + อ ปัจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ (ทา > ท), แปลง ท เป็น ต, ซ้อน ตฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (ปริ + ตฺ + ทา)
: ปริ + ตฺ + ทา = ปริตฺทา > ปริตฺตา > ปริตฺต + อ = ปริตฺต แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนที่ขาดไปโดยรอบ”
“ปริตฺต” (นปุงสกลิงค์) ตามรากศัพท์นี้หมายถึง เล็ก, เล็กน้อย, ด้อยกว่า, ไม่ว่าสำคัญ, จำกัด, นิดหน่อย, นิดเดียว (small, little, inferior, insignificant, limited, of no account, trifling)
(ข) “ปริตฺต” อีกนัยหนึ่ง รากศัพท์มาจาก ปริ (คำอุปสรรค = รอบด้าน) + ตา (ธาตุ = ป้องกัน) + อ ปัจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ (ตา > ต), ซ้อน ตฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (ปริ + ตฺ + ตา)
: ปริ + ตฺ + ตา = ปริตฺตา > ปริตฺต + อ = ปริตฺต แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่ป้องกันภัยเป็นต้นให้แก่สัตว์รอบด้าน”
“ปริตฺต” ตามรากศัพท์นี้หมายถึง การป้องกัน, การรักษาให้ปลอดภัย; ของขลังสำหรับป้องกันตัว, ของที่ช่วยบรรเทา, เครื่องราง (protection, safeguard; protective charm, palliative, amulet)
ในที่นี้ “ปริตฺต” ใช้ในความหมายตามนัยแรก คือ เล็กน้อย, ด้อยกว่า
“ปริตฺต” ในความหมายนี้ภาษาไทยใช้เป็น “ปริต” “ปริต-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) และ “ปริตตะ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ปริต, ปริต-, ปริตตะ : (คำวิเศษณ์) น้อย. (ป. ปริตฺต; ส. ปรีตฺต).”
ในที่นี้มีคำว่า “อาภา” มาสมาสข้างท้าย แต่สะกดเป็น “ปริตต-” (ต เต่า 2 ตัว)
(๒) “อาภา”
อ่านว่า อา-พา รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + ภา (ธาตุ = รุ่งเรือง) + กฺวิ ปัจจัย, ลบ กฺวิ
: อา + ภา = อาภา + กฺวิ = อาภากฺวิ > อาภา แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่รุ่งเรืองอย่างยิ่ง” หมายถึง การส่องแสง, ความงดงาม, ความรุ่งโรจน์, แสงสว่าง (shine, splendour, lustre, light)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“อาภา : (คำนาม) แสง, รัศมี, ความสว่าง. (ป., ส.).”
ปริตฺต + อาภา = ปริตฺตาภา แปลว่า “ผู้มีความรุ่งโรจน์เพียงเล็กน้อย”
ในภาษาบาลี “ปริตฺตาภา” รูปคำเดิมเป็น “ปริตฺตาภ” ใช้เป็นคุณศัพท์ขยายคำว่า “เทวา” (เทวดาทั้งหลาย) เปลี่ยนรูปเป็น “ปริตฺตาภา”
“ปริตฺตาภา” ในที่นี้ใช้ในภาษาไทยเป็น “ปริตตาภา” (ไม่มีจุดใต้ ต เต่า ตัวหน้า) คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
อภิปรายขยายความ :
“ปริตตาภา” เป็นชื่อของพรหมชั้นที่ 4 ในรูปาวจรภูมิซึ่งมีทั้งหมด 16 ชั้น พรหม “ปริตตาภา” เป็นพรหมระดับทุติยฌาน กล่าวคือผู้บำเพ็ญฌานถึงระดับทุติยฌานดับขันธ์แล้วไปเกิดเป็นพรหมระดับนี้ ซึ่งมีอยู่ 3 จำพวก คือ พรหมปริตตาภา พรหมอัปปมาณาภา และ พรหมอาภัสระ หรือจะเรียกว่า ปริตตาภาพรหม อัปปมาณาภาพรหม และ อาภัสรพรหม ก็ได้
…………..
คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อรรถกถาทีฆนิกาย ตอนอธิบายมหานิทานสูตร อธิบายเรื่องพรหม 3 จำพวกที่เกิดด้วยอำนาจทุติยฌานเหมือนกัน คือ พรหมปริตตาภา พรหมอัปปมาณาภา และ พรหมอาภัสระ เปรียบเทียบกันดังนี้ –
…………..
เตสุ จตุกฺกปญฺจกนเยสุ ทุติยตติยชฺฌานทฺวยํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา ปริตฺตาภา นาม โหนฺติ ฯ
บรรดาพรหมเหล่านั้น ผู้เจริญฌานนิดหน่อย คือทุติยฌานและตติยฌานในจตุกนัยและปัญจกนัยมาเกิด ชื่อว่าพรหมปริตตาภา
เตสํ เทฺว กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมปริตตาภานั้นมีกำหนดอายุ 2 กัป
มชฺฌิมํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อปฺปมาณาภา นาม โหนฺติ ฯ
ผู้เจริญทุติยฌานระดับปานกลางมาเกิด ชื่อว่าพรหมอัปปมาณาภา
เตสํ จตฺตาโร กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมอัปปมาณาภานั้นมีกำหนดอายุ 4 กัป
ปณีตํว ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อาภสฺสรา นาม โหนฺติ ฯ
ผู้เจริญทุติยฌานระดับประณีตแท้มาเกิด ชื่อพรหมอาภัสระ
เตสํ อฏฺฐ กปฺปา อายุปฺปมาณํ ฯ
พรหมอาภัสระนั้นมีกำหนดอายุ 8 กัป
สพฺเพสํปิ เตสํ กาโย เอกวิปฺผาโรว โหติ ฯ
รูปร่างของพรหมทั้ง 3 ชั้นเหล่านั้นมีความผึ่งผายเป็นอย่างเดียวกันแท้
สญฺญา ปน อวิตกฺกวิจารมตฺตา วา อวิตกฺกาวิจารา วาติ นานา ฯ
แต่ที่ต่างกันคือวิตกและวิจารอันเป็นองค์ฌานที่บำเพ็ญมา คือบางพวกไม่มีวิตก แต่มีวิจาร บางพวกไม่มีทั้งวิตกทั้งวิจาร
ที่มา: สุมังคลวิลาสินี ภาค 2 หน้า 178-179
…………..
ดูก่อนภราดา!
: คนส่วนมากมัวแต่น้อยใจว่าทำบุญมาน้อย
: มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เร่งทำบุญให้มากขึ้น
#บาลีวันละคำ (3,517)
28-1-65
…………………………….
…………………………….