บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

ผมเดินอยู่ดีๆ บุญนี้ก็วิ่งมาชน

ผมเดินอยู่ดีๆ บุญนี้ก็วิ่งมาชน

—————————-

เมื่อวาน ผมเดินออกกำลังตอนเช้าตามเคย 

อย่างที่เคยเล่าว่าเส้นทางเดินของผมแต่ละวันจะไม่ซ้ำทางกัน 

(คิดต่อไปตามประสานักเลงโบราณว่า คู่อริดักตีหัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าวันไหนมันจะไปทางไหน ฮ่าๆๆๆ)

ผมผ่านหน้าโรงพยาบาลเมืองราช เลี้ยวขวามุ่งไปทางสะพานสิริลักขณ์ ก็มองเห็นหนุ่มมอเตอร์ไซค์นายหนึ่งยืนพูดโทรศัพท์อยู่ข้างรถ

พอผมเดินไปถึงตรงนั้นเขาก็รี่เข้ามาหา

เขาแต่งตัวครบเครื่องตามแบบฉบับของสิงห์มอเตอร์ไซค์ ผมเดาว่าเขาคงเป็นส่วนล่วงหน้าของขบวนที่จะตามมา

“ลุงครับ เจดีย์หักไปทางไหนครับ” 

“อะฮ้า มาถูกทางแล้วครับ” 

ผมชอบเริ่มด้วยประโยคนี้ เป็นการทำความโล่งใจให้ผู้ถามทาง 

แล้วผมก็เริ่มอธิบาย

“เดี๋ยวขี่ตรงไปนะครับ ถึงสี่แยกตรงที่เห็นข้างหน้านี่ก็ตรงไปอีก ไปสักหน่อยก็จะเห็นกำลังทำทางอยู่ข้างหน้า เขากำลังสร้างสะพานข้ามแยกเจดีย์หัก ปกติไปเจดีย์หักต้องเลี้ยวขวาตรงนั้น แต่ตอนนี้เลี้ยวไม่ได้ ขี่เลาะแนวสะพานที่กำลังสร้างตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นห้างแม็คโครอยู่ทางขวาคนละฟากถนน เอาละ มาถูกทางแล้ว ผ่านหน้าห้างไปแล้วหาช่องยูเทิร์นตามอัธยาศัย ระวังรถทางตรงด้วยนะครับ ยูเทิร์นได้แล้วกลับมาผ่านหน้าห้างอีกครั้งหนึ่ง เลยหน้าห้างไปนิดเดียวจะเป็นถนนแยกซ้าย มีแยกเดียวตรงนั้น เลี้ยวไปสักอึดใจหนึ่งก็จะเห็นเจดีย์หักอยู่ข้างหน้า…”

หนุ่มมอเตอร์ไซค์พยักหน้าเป็นระยะๆ แสดงว่าผมไม่ต้องอธิบายซ้ำ

“ขอบคุณมากครับลุง”

ผมผงกศีรษะรับคำขอบคุณ แล้วชี้ไปที่รถ

“ระวังรถหาย!”

เขามองหน้าผม ยิ้มๆ ก่อนจะกระซิบบอก

“ไม่ต้องห่วงครับลุง รถคันนี้หายมาแล้ว เพราะผมขโมยมา” 

ชายสองคน สองวัย ไม่รู้จักกันเลย หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างครึกครื้น

ผมเดินต่อไป รู้สึกเบิกบานเป็นพิเศษ

————

การบอกทางให้คนถามทาง เป็นเวยยาวัจมัยบุญกิริยา-บุญอันสำเร็จด้วยการช่วยทำกิจอันเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์-เป็นบุญที่ผมมีโอกาสได้ทำอยู่เสมอเวลาเดินออกกำลัง

ผมเดินของผมอยู่ดีๆ บุญนี้ก็วิ่งมาชนเอง

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *