สังฆกรรม [1] (บาลีวันละคำ 409)
สังฆกรรม [1]
อ่านว่า สัง-คะ-กำ
บาลีเป็น “สงฺฆกมฺม” อ่านว่า สัง-คะ-กำ-มะ
ประกอบด้วย สงฺฆ + กมฺม
“สงฺฆ” ภาษาไทยเขียน “สังฆ” (ถ้าอยู่ท้ายคำ มักเขียน “สงฆ์” อ่านว่า สง) มีความหมายว่า ฝูงชน, ชุมนุมชน, หมู่, ฝูง, คณะสงฆ์, พระ, นักบวช, พุทธจักร, กลุ่มใหญ่, ประชาคม; ในทางพระวินัย หมายถึงภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป
ในคำว่า “สังฆกรรม” นี้ “สงฆ์” หมายถึงภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป และโดยความมุ่งหมายก็คือสังคม หรือ “ส่วนรวม” ของภิกษุ ไม่ใช่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
“กมฺม” เราเขียนอิงสันสกฤตเป็น “กรรม” พูดทับศัพท์ว่า “กรรม” และใช้ในความหมายหลายอย่าง (ดูรายละเอียดที่คำว่า “กรรม”) คำนี้แปลตามศัพท์ว่า การกระทำ, สิ่งที่พึงทำ, การงาน
“สังฆกรรม” มีความหมายดังนี้ –
1. ความหมายตามรูปแบบ คือ กิจที่ภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปร่วมกันทําในสีมา (เขตที่กำหนดให้เป็นที่ประชุมสงฆ์ ที่รู้กันทั่วไปคือโบสถ์)
ภิกษุ 4 รูป เป็นองค์ประชุมต่ำสุดที่จะนับว่าเป็น “สังฆกรรม” บางเรื่องกำหนดองค์ประชุมไว้สูงกว่านี้ เช่น รับกฐิน อย่างน้อยต้อง 5 รูป บวชพระ อย่างน้อยต้อง 10 รูป
2. ความหมายตามเนื้อหา คือ กิจของส่วนรวมที่จะต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ ถ้าดูดายถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ
ในภาษาไทยเคยใช้คำว่า “ร่วมสังฆกรรม” เป็นสำนวน หมายถึง คบหากัน ไปไหนมาไหน ทำอะไรด้วยกัน เช่นเคยทำงานร่วมคณะรัฐบาล แล้วต่อมาแตกคอกัน หรือถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ก็พูดว่า “ทำแบบนี้ผมไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยอีกแล้ว”
คำเตือน :
ถ้าไม่คิดจะทำเพื่อส่วนรวม ก็อย่าเอามาร่วมสังฆกรรม
————————–
(ตามคำถามของ Yalorda Suksuwan)
บาลีวันละคำ (409)
28-6-56
สงฺฆ ป.(บาลี-อังกฤษ)
หมู่, สงฆ์, ภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป.
สงฆ์ (บาลี-อังกฤษ)
๑. ฝูงชน, ชุมนุมชน, หมู่, ฝูง
๒. คณะสงฆ์, พระ, นักบวช, พุทธจักร the order, the priesthood, the clergy, Buddhist church
๓ กลุ่มใหญ่, ประชาคม
กมฺม (บาลี-อังกฤษ)
กรรม, การกระทำ, การงาน
สงฺฆ ป.(พจนานุกรมศัพท์บาลี)
หมู่, สงฆ์, ภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป.
กมฺม นป.
กรรม, ๑ การกระทำ หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา คือ ทำด้วยความจงใจหรือจงใจทำ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เช่น ขุดหลุมพรางดักคนหรือสัตว์ให้ตกลงไปตาย เป็นกรรม แต่ขุดบ่อน้ำไว้กินใช้ สัตว์ตกลงไปตายเอง ไม่เป็นกรรม (แต่ถ้ารู้อยู่ว่า บ่อน้ำที่ตนขุดไว้อยู่ในที่ซึ่งคนจะพลัดตกได้ง่าย แล้วปล่อยปละละเลย มีคนตกลงไปตายก็ไม่พ้นเป็นกรรม) การกระทำที่ดีเรียกว่า “กรรมดี” ที่ชั่ว เรียกว่า “กรรมชั่ว”; กรรม ๒ กรรมจำแนกตามคุณภาพหรือตามธรรมที่เป็นมูลเหตุมี ๒ คือ ๑. อกุศลกรรม กรรมที่เป็นอกุศล กรรม ชั่ว คือ เกิดจากอกุศลมูล ๒. กุศลกรรม กรรมที่เป็นกุศล กรรมดี คือเกิดจากกุศลมูล; กรรม ๓ กรรมจำแนกตามทวารคือทางที่ทำกรรมมี ๓ คือ ๑. กายกรรม การกระทำทางกาย ๒. วจีกรรม การกระทำทางวาจา ๓. มโนกรรม การกระทำทางใจ
สงฺฆกมฺม นป.
การกระทำของสงฆ์ ได้แก่กิจที่พระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปร่วมกันทำในสีมา.
สังฆกรรม (ประมวลศัพท์)
งานของสงฆ์, กรรมที่สงฆ์พึงทำ, กิจที่พึงทำโดยที่ประชุมสงฆ์ มี ๔ คือ
๑. อปโลกนกรรม กรรมที่ทำเพียงด้วยบอกกันในที่ประชุมสงฆ์ ไม่ต้องตั้งญัตติและไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น แจ้งการลงพรหมทัณฑ์แก่ภิกษุ
๒. ญัตติกรรม กรรมที่ทำเพียงตั้งญัตติไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น อุโบสถและปวารณา
๓. ญัตติทุติยกรรม กรรมที่ทำด้วยตั้งญัตติแล้วสวดอนุสาวนาหนหนึ่ง เช่น สมมติสีมา ให้ผ้ากฐิน
๔. ญัตติจตุตถกรรม กรรมที่ทำด้วยการตั้งญัตติแล้วสวดอนุสาวนา ๓ หน เช่น อุปสมบท ให้ปริวาส ให้มานัต
สังฆ-
[สังคะ-] น. สงฆ์, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส.
สังฆกรรม
[สังคะกำ] น. กิจที่พระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปรวมกันทําภายในสีมา เช่น การทำอุโบสถ การสวดพระปาติโมกข์. (ส. สํฆ + กรฺมนฺ; ป. สงฺฆกมฺม).
กรรม์
[กัน] (กลอน) น. กรรม.
กรรม ๑, กรรม- ๑
[กำ, กำมะ-] น. (๑) การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม.(๒) การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ.(๓) บาป, เคราะห์, เช่น คนมีกรรม กรรมของฉันแท้ ๆ.(๔) ความตาย ในคำว่า ถึงแก่กรรม.
สงฺฆกมฺม ในมหาวิภังค์ ภาค ๑
นตฺถิ ตยา สทฺธึ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา
ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย อุโปสโถ น ติฏฺฐติ ปวารณา น ติฏฺฐติ สงฺฆกมฺมานิ นปฺปวตฺตนติ สามคฺคี น โหติ
สมันตปาสาทิกา ภาค ๑ หน้า ๓๑๖
อุโบสถ ปวารณา สังฆกรรม บรรพชา อุปสมบท
แยกเป็นคนละอย่างกัน
จริงอยู่ อุโบสถ ๙ เหล่านี้ คือ จาตุทสีอุโบสถ ปัณณรสีอุโบสถ สามัคคีอุโบสถ สังฆอุโบสถ คณอุโบสถ ปุคคลอุโบสถ สุตตุทเทสอุโบสถ ปาริสุทธิอุโบสถ อธิษฐานอุโบสถ ทั้งหมดนั้นเนื่องด้วยพระวินัยธร
และถึงแม้ปวารณา ๙ เหล่านี้ คือ จาตุทสีปวารณา ปัณณรสีปวารณา สามัคคีปวารณา สังฆปวารณา คณปวารณา ปุคคลปวารณา เตวาจิกาปวารณา เทววาจิกาปวารณา สมานวัสสิกาปวารณา ก็เนื่องด้วยพระวินัยธร เธอเป็นใหญ่แห่งปวารณา ๙ นั้น เพราะเป็นหน้าที่ของเธอ ด้วยประการฉะนี้
ถึงสังฆกรรมทั้ง ๔ นี้ คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรมก็ดี ทั้งบรรพชาและอุปสมบทแห่งกุลบุตรทั้งหลาย อันเธอเป็นอุปัชฌาย์ทำนี้ก็ดี ก็เนื่องด้วยพระวินัยธรทั้งนั้น ผู้อื่นถึงทรงปิฏก ๒ ก็ไม่ได้เพื่อทำกรรมนี้เลย เธอเท่านั้นให้นิสัย ให้สามเณรอุปัฏฐาก ผู้อื่นย่อมไม่ได้เพื่อให้นิสัย ไม่ได้เพื่อให้สามเณรอุปัฏฐากเลย แต่เมื่อหวังเฉพาะการอุปัฎฐากของสามเณร ย่อมได้เพื่อจะให้ถืออุปัชฌาย์ในสำนักของพระวินัยธรก่อนแล้วจงยินดีข้อวัตรปฏิบัติ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๒ – หน้าที่ 754