บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

มองพุทธมณฑลปัตตานี‬

มองพุทธมณฑลปัตตานี‬

————————-

ไม่เห็นอนาคตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

กรณีพี่น้องมุสลิมคัดค้านการสร้างพุทธมณฑลปัตตานีจนทางราชการยอมถอย ต้องถือว่าเป็นการสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมของประเทศไทย 

ผมเชื่อว่านี่จะเป็นก้าวแรกๆ ของการตั้งรัฐอิสระปัตตานี 

เพราะเมื่อพี่น้องมุสลิมห้ามอย่างหนึ่งได้ ต่อไปก็จะออกมาห้ามอย่างอื่นอีก 

เป็นต้นว่า :

– ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ต่อไปจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็จะมีคนออกมาคัดค้านโดยอ้างว่าคนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เอาชาวพุทธมาเป็นผู้ว่าฯ มุสลิมยอมรับไม่ได้ (แต่มุสลิมเป็นผู้ว่าฯ ได้ทุกจังหวัด!)

– ใครจะสร้างวัดในปัตตานี ต่อไปจะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน 

– ส่วนวัดที่มีอยู่แล้ว ต่อไปก็จะมีคนออกมาคัดค้านว่า วัดพุทธมาอยู่ในจังหวัดที่มีมุสลิมเป็นส่วนมาก มุสลิมยอมรับไม่ได้ ต้องย้ายออกไป

ฯลฯ

ในอนาคต จะมิใช่เฉพาะจังหวัดปัตตานี แต่จะเป็นเช่นนี้ทั่วประเทศ 

ต่อไปชาวพุทธจะสร้างอะไร จะจัดกิจกรรมอะไรในแผ่นดินไทย จะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน 

ถ้ามุสลิมบอกว่า “ขัดต่อหลักคำสอนของอิสลาม” ก็สร้างไม่ได้ จัดไม่ได้ (แต่มุสลิมสร้างได้จัดได้ทั่วประเทศ!)

———-

ใครฝ่ายไหนก็ตามที่ต้องการจะแยกดินแดน และกำลังทำสงครามแยกดินดินอยู่ทางภาคใต้ในขณะนี้ จะกรุณาใจเย็นๆ ลองทบทวนยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีกันใหม่

แทนที่จะใช้การฆ่าพระฆ่าชาวพุทธเป็นหนทาง

เปลี่ยนมาใช้การรุกคืบทางศาสนาแทน น่าจะได้ผลดีกว่า

ยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีทางศาสนานี้ ผลสำเร็จจะมิใช่ได้เฉพาะรัฐอิสระปัตตานี หรือสาธารณรัฐปัตตานีเท่านั้น

แต่จะได้เมืองไทยทั้งประเทศ

ทำแผ่นดินไทยให้เป็นแผ่นดินอิสลามได้เมื่อใด

ก็เท่ากับได้แผ่นดินไทยทั้งประเทศเมื่อนั้น

ไม่ต้องใช้กระสุนแม้แต่นัดเดียว!

———-

ผมไม่ได้พูดประชด แต่อนาคตจะต้องเป็นเช่นนี้ 

ท่านที่เห็นด้วยกับการคัดค้านไม่ให้สร้างพุทธมณฑลปัตตานี อย่ารีบตายนะครับ กรุณาอยู่ให้ถึงวันที่อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติไทยก่อน 

ถ้าอยู่จนถึงวันนั้นไม่ได้ สั่งลูกหลานไว้ให้รอดูก็ได้ครับ

ขอสวัสดีล่วงหน้าให้แก่ประเทศไทย

ป.ล. 

ราชบุรีบ้านผมอิสลามกำลังแตกดอกออกช่อบานสะพรั่ง 

อีกไม่นานคงเต็มจังหวัด 

จังหวัดราชบุรีเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ ที่เรียกกันว่า พระสี่มุมเมือง 

เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ที่นี่เป็นแผ่นดินพระพุทธศาสนา

ในประเทศไทยมี ๔ องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไปประดิษฐานประจำภาคทั้ง ๔ 

ภาคเหนือประดิษฐานที่จังหวัดลำปาง

ภาคตะวันออกประดิษฐานที่จังหวัดสระบุรี

ภาคตะวันตกประดิษฐานที่จังหวัดราชบุรี

ภาคใต้ประดิษฐานที่จังหวัดพัทลุง

จังหวัดเหล่านี้ ต่อไปเมื่อประชากรมุสลิมมีมากขึ้น พระประจำเมืองก็คงจะต้องย้ายออกไปไว้ที่ประเทศอื่น เพราะอยู่ตรงนี้ “มุสลิมยอมรับไม่ได้”

ผมยังหนักใจว่า-จังหวัดนครปฐม ถ้าต่อไปประชากรมุสลิมมากขึ้น จะย้ายพระปฐมเจดีย์ไปไว้ที่ไหนกัน

จะโดนระเบิดทิ้งแบบพระพุทธรูปที่บามิยัน (Bamiyan) ในอัฟกานิสถาน

หรือจะเก็บไว้เป็นซากโบราณสถานแบบบุโรพุทโธ (Borobudor) ในเกาะชวา

เตรียมคิดกันไว้ให้ดีนะครับ

———-

ไม่ได้พูดประชด แต่อนาคตจะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน

และไม่ได้พูดเพื่อให้เกิดความแตกแยก

เพราะคนไทยไม่เคยก่อความแตกแยกกับศาสนาไหนๆ ที่มาเผยแพร่และที่มีอยู่ในประเทศไทย

มีแต่ศาสนาไหนๆ เท่านั้นที่มาก่อเหตุแตกแยกกับเรา

เช่น 

ในพิธีประดับยศ ทหารไทยเคยตั้งพระพุทธรูป ก็สั่งไม่ให้ตั้ง

พระพุทธรูปประจำหน่วยราชการเคยอยู่ตรงนั้น ก็สั่งให้เอาไปไว้ที่อื่น

เวลานี้บอกไม่ให้สร้างพระพุทธรูปที่ตรงนั้น

มุสลิมดีๆ ทั้งนั้นแหละครับที่ออกมาทำเรื่องแบบนี้

ที่ต้องพูดดักเอาไว้ก่อนก็เพราะว่า เวลาใครเอาเรื่องมุสลิมทำอย่างนั้นอย่างนี้กับพระพุทธศาสนาขึ้นมาพูด ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่งลุกขึ้นมาบอกว่า-

เป็นแผนให้เราแตกความสามัคคี 

มุสลิมที่เขาดีๆ ก็มีเยอะ 

ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี

เพราะฉะนั้น ใครเอาเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูดก็จะถูกตั้งข้อหาว่า-สร้างความแตกแยก

ผมเคยวาดภาพให้เห็น-เหมือนคนถูกเหยียบเท้า

ถ้าร้องขึ้น จะถูกตวาดทันทีว่าเอะอะโวยวายไม่เข้าเรื่อง

แต่ไอ้คนที่มันกำลังเหยียบเท้าเขาอยู่นั่น ไม่มีใครแตะเลย

เพราะถูกสะกดด้วยคาถา-มุสลิมดีๆ ก็มีเยอะ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี อย่าตกเป็นเหยื่อของการสร้างความแตกแยก

แปลเป็นไทยว่า-คุณต้องยอมให้ผมเหยียบเท้าซะดีๆ และโดยสงบ อย่าโวย เพราการโวยเป็นการสร้างความแตกแยก

ลองสังเกตดูเถอะ เป็นอย่างนี้ทุกที

สวัสดีประเทศไทยอีกที!

และ ป.ล. อีกที

ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อจะให้ใครเกลียดชังพี่น้องมุสลิมนะครับ

ขอให้เราปรองดองสมานฉันท์กันไว้ให้มั่นคง – เพราะพี่น้องมุสลิมเป็นคนดี ไม่เคยทำอะไรให้ชาวพุทธเราต้องเจ็บช้ำน้ำใจ และไม่เคยคิดที่จะเบียนเบียนรุกรานพระพุทธศาสนา

อย่าโกรธและอย่าเกลียดกัน ไม่ว่าใครจะทำอะไรเรา 

หรือใครที่มีหน้าที่ควรทำอะไร แต่กลับไม่ทำอะไร-ก็ตาม

และผมก็ไม่ได้ขอให้ใครไปทำอะไรใครด้วย

ขออย่างเดียวเท่านั้น คือขอให้ช่วยกันรู้ทันเอาไว้ให้มากๆ

เหมือนเจ้าของบ้านรู้ทันขโมยที่มักจะเข้าบ้านเมื่อเจ้าบ้านเผลอ

โดยหวังว่า เมื่อขโมยรู้ว่าเจ้าของบ้านรู้ทัน ก็จะไม่เข้ามาขโมยของ

เรียกว่า-ให้เกียรติขโมย-ว่างั้นเถอะ

แต่ถ้าขโมยยังหน้าด้านเข้ามาขโมยทั้งๆ ที่รู้ว่าเจ้าของบ้านเขารู้ตัวแล้ว

ถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านก็ควรจะรู้ตัวว่าควรจะต้องลุกขึ้นมาทำอะไรและทำอย่างไร

แต่ถ้าถึงตอนนั้นเจ้าของบ้านยังไม่คิดจะทำอะไร-แบบที่ไม่ได้มีความคิดจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้

ทีนี้ก็จะเห็นอนาคตของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยชัดแจ๋วแหววละขอรับ

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๒๘ มกราคม ๒๕๕๙

๑๓:๓๕

——–

พระอาจารย์พระมหา ดร.ไพฑูรย์ วรรณบุตร ปนฺตนนฺโท

22 มกราคม 2559 เวลา 2:14 น. · เทศบาลนครปากเกร็ด ·

‪#‎ขอให้ความคิดเห็นเชิงวิชาการจากข่าวร้อนแรงกรณีคัดค้านการสร้างพุทธมณฑลปัตตานี‬ ที่เป็นโครงการเดิมคิดมานาน 14 ปี ด้วยการอ้างเหตุผลว่าคนในพื้นที่มีชาวพุทธจำนวนน้อย จึงไม่ควรสร้าง… ซึ่งการอ้างเหตุผลนี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงใจที่คับแคบยิ่งนัก..‪#‎แถมยังมีคำทิ้งท้ายในลักษณะข่มขู่ว่าจะเป็นปมความขัดเเย้ง‬ …ซึ่งถ้าบางคนที่ไม่รู้ข้อมูลอาจจะมึนงงและคล้อยตาม จึงควรพิจารณาข้อมูลประกอบดังต่อไปนี้

+

‪#‎ขอยกตัวอย่างมัสยิสกลางจะเป็นมัสยิสที่มีขนาดและอาณาบริเวณที่ใหญ่กว่ามัสยิสทั่วไป‬ เทียบได้กับพุทธมณฑลนั่นเอง มีระบบในการบริหารจัดการตามพระราชบัญญัติอิสลาม โดยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นดินแดนศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในภาคใต้ มีประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา 93.50% รองลงมาคือประชากรที่นับถือศาสนาอิสลาม 5.83% และประชากรที่นับถือศาสนาคริสต์ 0.89% นอกจากนั้นเป็นประชากรศาสนาอื่น ๆ

+

ซึ่งจะพบว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชมีวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ เกี่ยวข้องกับคติความเชื่อในพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น มีพระบรมธาตุยอดทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในภาคใต้อยู่ที่นั่นอีกด้วย ‪#‎แต่ปรากฏว่ารัฐอนุมัติเงินภาษีร้อยกว่าล้าน‬ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธเพื่อการสร้างมัสยิดกลางในพื้นที่ขนาดใหญ่ 7 กว่าไร ณ จังหวัดนครศรีธรรมราชทั้ง 100 % นั้น ‪#‎ทำไมจึงเกิดขึ้นได้‬ ?

+

เมื่อนำเอาการคัดค้านการสร้างพุทธมณฑลในจังหวัดปัตตานีมาเปรียบเทียบ จึงนับว่าการสร้างมัสยิดกลางในจังหวัดที่มีประชากรเกือบ 100 % ที่นับถือพระพุทธศาสนานั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งรัฐควรระมัดระวังเรื่องการสนับสนุนงบประมาณ เพราะจะสังเกตเห็นว่าเมื่อชาวพุทธจะสร้างศาสนสถานโดยมากจะได้รับบริจาคตามมีตามเกิดจนกว่าจะสร้างเสร็จ

+

‪#‎ด้วยเหตุนี้เมื่อนำเอาเรื่องการสร้างมัสยิดกลางในจังหวัดนครศรีธรรมราช‬ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในภาคใต้มาเปรียบเทียบกับการสร้างพุทธมณฑลในจังหวัดปัตตานี และตั้งคำถามว่ารัฐเคยถามความคิดเห็นของประชากรในพื้นที่ หรือทำประชาพิจารณ์กับชาวพุทธมซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่หรือไม่ ? ในประเด็นที่ว่าชาวพุทธในจังหวัดนครศรีธรรมราชต้องการให้มีมัสยิดกลางในจังหวัดของเขาหรือไม่อย่างไร ? ‪#‎เหมือนที่มีการตั้งประเด็นว่าจะสร้างพุทธมณฑลในปัตตานีต้องถามคนในพื้นที่ก่อนนั่นเอง‬

+

เมื่อกล่าวถึงเรื่องการสร้างมัสยิดกลางจังหวัดโดยไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ของประชากรในพื้นที่นั้น ไม่จำเพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น แม้แต่ในจังหวัดอื่นๆในประเทศไทยที่มีการสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัด ‪#‎ถามว่ารัฐเคยสอบถามชาวพุทธในพื้นที่นั้นๆ‬ หรือไม่ ? โดยมากพบว่าการมัสยิดกลางในจังหวัดต่างๆ รัฐไม่เคยสอบถามความคิดเห็นของชาวไทยพุทธซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในพื้นที่

+

เช่นเดียวกันการมัสยิดกลางให้กับจังหวัดต่างๆ ทำให้คนในพื้นที่ไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อมีกรณีการคัดค้านการสร้างพุทธมณฑลที่ปัตตานีนั้น ดังนั้นถ้าในจังหวัดปัตตานีสร้างพุทธมณฑลไม่ได้โดยมีการออกมาประท้วงคัดค้านในครั้งนี้ ย่อมสะท้อนให้เห็นจิตใจเบื้องลึกที่เต็มไปด้วยความคับแคบและเห็นแก่ตัว

+

ป.ล. อนุญาตในการแชร์กระทู้นี้ ด้วยการก็อปปี้ทั้งรูปภาพและบทความนี้ไปโพสต์ต่อในเฟซบุ๊คของท่านเพราะกระทู้นี้มีประโยชน์ที่จะได้ข้อมูลที่ควรรู้

+

พระอาจารย์พระมหา ดร. ไพฑูรย์ วรรณบุตร ปันตะนันโท ท่าใหม่ จันทบุรี น.ธ.เอก, ป.ธ.7, Ph.D. สัทธิวิหาริกพระพรหมมังคลาจารย์ (ปั่น ปัญญานันโท) หลวงปู่ปัญญานันทะ ปฐมเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์

+

อ่านเพิ่มเติมได้จากวิทยานิพนธ์ของพระมหาไพฑูรย์ วรรณบุตร เรื่อง ประวัติการบริหารคณะสงฆ์ไทย “History of Thai Sangha Administration” รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม 2550

https://www.facebook.com/pantanantho.wannabud?fref=photo

———————-

ทองย้อย แสงสินชัย 

22 มกราคม 2559 เวลา 19:54 น.

ต้องถือว่าเป็นการสูญเสียเอกราชทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ผมเชื่อว่านี่จะเป็นก้าวแรกๆ ของการตั้งรัฐอิสระปัตตานี เพราะเมื่อห้ามอย่างหนึ่งได้ ต่อไปก็จะออกมาห้ามอย่างอื่นอีก เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีต่อไปจะต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็จะมีคนออกมาคัดค้านโดยอ้างว่า คนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เอาชาวพุทธมาเป็นผู้ว่าฯ มุสลิมยอมรับไม่ได้ ใครจะสร้างวัดในปัตตานีต่อไปจะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน ส่วนวัดที่มีอยู่แล้วต่อไปก็จะมีคนออกมาคัดค้านว่าวัดพุทธมาอยู่ในจังหวัดที่มีมุสลิมมากมุสลิมยอมรับไม่ได้ ต้องย้ายออกไป

.

ในอนาคตจะมิใช่เฉพาะจังหวัดปัตตานี แต่จะเป็นเช่นนี้ทั่วประเทศ ต่อไปชาวพุทธจะสร้างอะไร จะจัดกิจกรรมอะไรในแผ่นดินไทย จะต้องขออนุญาตมุสลิมก่อน ถ้ามุสลิมบอกว่า “ขัดต่อหลักคำสอนของอิสลาม” ก็สร้างไม่ได้จัดไม่ได้

.

ไม่ได้พูดประชด แต่อนาคตจะต้องเป็นเช่นนี้ ท่านที่เห็นด้วยกับการคัดค้านไม่ให้สร้างพุทธมณฑลปัตตานี อย่ารีบตายนะครับ กรุณาอยู่ให้ถึงวันที่อิสลามเป็นศาสนาประจำชาติไทยก่อน (สั่งลูกหลานไว้ให้รอดูก็ได้ครับ)

.

สวัสดีประเทศไทย

.

ป.ล. ราชบุรีบ้านผมอิสลามกำลังแตกดอกออกช่อบานสะพรั่ง อีกไม่นานคงเต็มจังหวัด พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศที่ได้รับพระราชทานมาประดิษฐานด้านทิศตะวันตกของประเทศก็คงจะต้องย้ายออกไปไว้ที่ประเทศอื่นเพราะอยู่ตรงนี้ “มุสลิมยอมรับไม่ได้”

.

สวัสดีประเทศไทยอีกที!

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *