ระบบทาสพึ่งพา
ระบบทาสพึ่งพา
—————–
ระบบที่ทำลายอิสรภาพ
สังเกตไหมครับว่าทุกวันนี้วิถีชีวิตของคนไทยกำลังเข้าสู่ระบบทาสพึ่งพา
คำว่า “ระบบทาสพึ่งพา” นี้ผมเรียกของผมเอง ไม่ได้ไปลอกมาจากตำราวิชาการใดๆ ทั้งสิ้น
“ระบบทาสพึ่งพา” แปลว่า “ระบบที่คนเป็นทาสของการพึ่งพา” หมายความว่า ไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง แต่จะมีคนอื่นทำให้ ทั้งในแบบ-ออกไปใช้บริการข้างนอก และเข้ามาให้บริการถึงในบ้าน
ตัวอย่างที่เห็นได้ทุกวันก็อย่างเช่น อาหารการกิน
สมัยก่อนทุกบ้านจะมีครัวสำหรับหุงหากินกันเอง
ในเมือง ก็แค่ไปซื้อข้าวสาร ซื้อผักปลา เครื่องแกง หรือที่เรียกกันว่าไปจ่ายตลาดหรือจ่ายของสดมาต้มแกงทำกับกับข้าวกินเอง
ยิ่งถ้าเป็นบ้านนอกชนบท ก็สามารถผลิตเองแทบทุกอย่าง
ข้าว-ก็ทำนาเอง
ปลา-ก็หาเอาตามห้วยหนองคลองบึง
ผักและเครื่องแกงประเภทขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด-ก็ปลูกเอง
แม้แต่น้ำปลาปรุงรสก็ทำเองได้
จะมีต้องซื้อก็ประเภทที่ผลิตเองในพื้นบ้านไม่ได้ เช่น หอม กระเทียม กะปิ น้ำมัน น้ำตาล เกลือ
แต่ก็ไม่ต้องซื้อทุกวัน ซื้อทีหนึ่งก็ใช้ไปเป็นเดือน บางอย่างก็เป็นปี
เรียกว่าวันๆ แทบไม่ต้องใช้เงิน
ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสิ่งที่มีอยู่ในพื้นที่
แต่ทุกวันนี้ สภาพเช่นนั้นกำลังหมดไป
อาหารทุกมื้อมีร้านค้าบริการอยู่นอกบ้าน
ไม่จำเป็นต้องหุงหากินเอง
ใช้ระบบ “ทุกมื้อซื้อกิน”
คนไทยสมัยนี้จึงเริ่มมีอาการ-ทำกับข้าวกินเองไม่เป็น
แม้แต่หุงข้าวก็ทำได้แต่วิธีเสียบปลั๊ก
วิธีติดเตาตั้งหม้อ ทำไม่เป็นแล้ว
แม้แต่คำว่า “ติดเตาตั้งหม้อ” ผมก็เชื่อว่าไม่มีใครเข้าใจแล้วว่าคืออะไร
หุงข้าวเช็ดน้ำทำอย่างไร
“ดง” คือทำอะไร ไม่รู้จักแล้ว
(ดง : เอาหม้อข้าวที่เช็ดนํ้าข้าวแล้วขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ระอุ-พจนานุกรมฯ)
จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่หายไปแต่ระบบวิถีชีวิต
แม้แต่ภาษาก็หายตามไปด้วย
การซักเสื้อผ้า สมัยก่อนซักด้วยมือ
แช่ผ้า ขยี้ผ้า บิดผ้า ทุกคนทำเป็น
พอมีเครื่องซักผ้า คนก็ซักผ้าเองไม่เป็นแล้ว
เวลานี้ทุกบ้านไม่มีใครซักเสื้อผ้าเอง
ถ้าไม่มีเครื่องซักผ้าเป็นของตัวเอง ก็ใช้ระบบซักผ้าหยอดเหรียญ หรือพึ่งบริการระบบซักรีด หรือรับจ้างซักเสื้อผ้า
อย่าว่าแต่ซักเสื้อผ้า แม้แต่ล้างจาน ล้างถ้วยชาม คนสมัยนี้ก็ทำเองไม่เป็นแล้ว เพราะระบบทุกมื้อซื้อกินทำให้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
แค่มีสตางค์ก็นั่งรอกินได้แล้ว
กินอิ่มก็สะบัดตูดไปได้เลย
เด็กสมัยนี้จึงไม่มีทางที่จะได้รับรู้ว่า ทำครัวกินเองเป็นอย่างไร
กินแล้วต้องล้างถ้วยล้างชามเป็นอย่างไร
คุณสมบัติของกุลสตรีประเภท-แม่ศรีเรือน กำลังถูกทำลายหมดสิ้น
ผู้หญิงสมัยนี้ หุงข้าวทำกับข้าวไม่เป็น ไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องเสียหายอีกแล้ว
……………..
กวาดบ้านถูบ้าน
ตลอดจนวิธีทำความสะอาดที่อยู่อาศัย
ทำความสะอาดสำนักงาน
ทำความสะอาดโรงเรียน
ก็เปลี่ยนไป
เดี๋ยวนี้เจ้าของบ้านไม่ต้องกวาดบ้านถูบ้านเอง เพราะมีบริการรับจ้างทำความสะอาดบ้านทั่วไป
โรงเรียนสมัยก่อน นักเรียนจะตั้งเวรทำความสะอาดห้องเรียน
เด็กๆ จะถูกปลูกฝังโดยปริยายให้รักโรงเรียน และเกิดความรู้สึกว่าโรงเรียนเป็นสมบัติของตน
ภารโรงซึ่งเป็นผู้ดูแลรักษาสถานที่ก็เป็นคนของโรงเรียนเอง
ทุกคนเป็นเจ้าของโรงเรียนร่วมกัน
เดี่ยวนี้มีบริษัทรับจ้างทำความสะอาด
ทั้งครูทั้งนักเรียนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
ทั้งครูทั้งนักเรียนไม่ได้มีความรู้สึกว่าโรงเรียนเป็นสมบัติของตน
โรงเรียนเป็นแค่สถานที่สำหรับมาสอนหนังสือและมานั่งเรียนหนังสือเท่านั้น
ออกจากห้องเรียนไปแล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
คนที่มาทำความสะอาดก็ไม่ได้รู้สึกว่าโรงเรียนเป็นสมบัติของตน
ตนเป็นแค่คนรับจ้างทำความสะอาดเท่านั้น
ไม่ใช่เจ้าของโรงเรียน
ตกลงว่าโรงเรียนเป็นของใคร?
……………..
พ่อแม่สมัยนี้เริ่มจะไม่ต้องเลี้ยงลูกเองกันแล้ว
เพราะมีระบบรับจ้างเลี้ยงเด็ก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกไม่นานพ่อแม่จะเลี้ยงลูกไม่เป็น
อาบน้ำลูกทำอย่างไร
ป้อนข้าวลูกทำอย่างไร
แม้แต่อาหารที่ให้ลูกกินทำอย่างไร ก็ไม่ต้องรู้
มีคนรับจ้างทำให้เสร็จทุกอย่าง
ทำลูกเป็น
มีลูกเป็น
แต่เลี้ยงลูกไม่เป็น
สภาพเช่นนี้ก็จะมีผลกระทบไปถึงการอบรมสั่งสอนปลูกฝังนิสัยใจคอและอารมณ์ของลูกไปด้วย
……………..
ภาพที่เห็นเจนตาในชีวิตประจำวันก็คือ เข้าไปนั่งในร้านอาหาร สั่งอาหารแล้วก็นั่งรอกิน
คนขายทำงานมือเป็นระวิงอยู่คนเดียว
อีก ๕ คน ๑๐ คน ซึ่งก็มีมือเหมือนกัน แต่ไม่ทำอะไร นอกจากนั่งรอกิน – เป็นภาพที่น่าคิดมากๆ
เราสร้างระบบที่สอนให้คนไม่รู้จักทำอะไรด้วยตัวเอง
แต่ให้พึ่งพาคนอื่น
ด้วยข้ออ้างที่ยิ่งใหญ่-ก็กูมีเงิน
แน่นอน เหตุผลของเราก็คือ ฉันมีเงินจ่ายให้คุณ
คุณเสนอตัว เสนอบริการ
ฉันจ่ายค่าบริการ
เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องบริการฉัน
ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะต้องทำอะไรเอง
เราเคยเฉลียวใจ คิดถามตัวเองกันบ้างหรือเปล่า
การที่เราไม่ทำอะไรเอง
แต่ให้คนอื่นทำให้
ให้เครื่องจักรทำให้
หรือให้ “ระบบ” ทำให้
แล้วก็ภูมิใจว่า เราช่างแสนสบาย
คนอื่นเป็นทาสรับใช้เรา
ที่แท้จริงแล้ว เราเองต่างหากที่เป็นทาสตัวใหญ่ที่สุด
คือเป็นทาสของระบบพึ่งพา
ระบบที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง
แล้วก็เราก็เป็นทาสของระบบนั้นเอง-โดยไม่รู้ตัว
นี่ยังไม่ได้พูดถึง-การเป็นทาสของเงิน
งานหนักของคนสมัยนี้มีอย่างเดียว คือการหาเงิน
เพราะถ้าไม่มีเงิน อยู่ไม่รอด
ลองคิดเล่นๆ
สัตว์ป่า-ที่เรามองว่ามันแสนจะเถื่อน
ปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังกับธรรมชาติ
มันอยู่รอด
แต่มนุษย์ที่ว่าเจริญแล้ว
แต่ตกเป็นทาสของระบบพึ่งพา
ถ้าจำเป็นจะต้องอยู่ตามลำพังกับธรรมชาติ
จะรอดไหม?
หรือว่า-ครั้งหนึ่งเมื่อเป็นทาสของระบบพึ่งพา
ก็จะต้องเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาลนานเทอญ
ถ้าเช่นนั้น
ระหว่างเรากับสัตว์
ใครเป็นอิสระมากกว่ากัน?
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๘ ธันวาคม ๒๕๖๒
๑๑:๑๕
…………………………….
…………………………….