สัมผัส : อลังการแห่งภาษา
สัมผัส : อลังการแห่งภาษา
—————————–
เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ มีพระเถรานุเถระจำนวนหนึ่งได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ เลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ ดังเป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้ว
หนึ่งในจำนวนพระเถระเหล่านั้นที่มีผู้กล่าวถึงมากที่สุดก็คือ พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็น “สมเด็จพระราชาคณะ” ที่ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์”
คุณสมบัติของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์รูปนี้ ซึ่งมีนามที่ใช้ในหนังสือวิชาการของท่านและมีคนรู้จักกันทั่วไปแล้วว่า “ป.อ.ปยุตฺโต” [ป. = ประยุทธ์ (ชื่อ) อ. = อารยางกูร (นามสกุล) ปยุตฺโต (นามฉายา] มีเป็นประการใด ได้มีผู้บรรยายไว้มากแล้ว จึงขอผ่าน
แต่แง่มุมหนึ่งที่ยังไม่เห็นใครยกขึ้นมาพูดก็คือ ราชทินนามเต็มๆ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์รูปนี้
ขอยกข้อความตอนหนึ่งตามที่ปรากฏในหนังสือราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๔๒ ข ลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ มาเสนอในที่นี้เป็นหลักฐาน
ข้อความว่าดังนี้ –
…………..
จึงทรงพระกรุณาโปรดสถาปนา
๑. พระพรหมคุณาภรณ์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชาคณะ มีราชทินนามตามที่จารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ปาพจนดิลก วรานุศาสน์ อารยางกูร พิลาสนามานุกรม คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี สถิต ณ วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม …
—————
ข้อสังเกต :
ราชทินนามที่ปรากฏในหนังสือราชกิจจานุเบกษาตามที่ยกมานี้ (โปรดดูภาพประกอบ) แบ่งวรรคตอนคลาดเคลื่อนในที่บางแห่ง กล่าวคือ วรรคที่ว่า –
ปาพจนดิลก / วรานุศาสน์
(ในที่นี้ใส่เครื่องหมาย / เพื่อแสดงให้เห็นว่าหนังสือราชกิจจานุเบกษาพิมพ์เว้นวรรค)
คำ ๒ กลุ่มนี้เป็นวรรคเดียวกัน ต้องพิมพ์ติดกันเป็น –
ปาพจนดิลกวรานุศาสน์
อีกแห่งหนึ่งคือ –
อารยางกูรพิลาสนามานุกรม
วรรคนี้ พอดีคำว่า “อารยางกูร” อยู่สุดบรรทัด ขึ้นบรรทัดใหม่ด้วยคำว่า “พิลาสนามานุกรม” จึงอาจจะทำให้ไม่แน่ใจว่าเป็นวรรคเดียวกันหรือแบ่งเป็น ๒ วรรค
กรณีอย่างนี้ วิธีการที่สามารถแสดงให้เห็นชัดเจนได้ก็คือ ถ้าข้อความติดกัน ก็ใช้เครื่องหมายยัติภังค์ หรือขีดท้ายบรรทัด ผู้อ่านก็จะรู้ว่าข้อความที่ขึ้นบรรทัดใหม่ข้างล่างนั้นเป็นข้อความวรรคเดียวกันกับข้อความสุดท้ายของบรรทัดบน แต่ถ้าข้อความเป็นคนละวรรค ก็ไม่ต้องใช้เครื่องหมายใดๆ
หนังสือราชกิจจานุเบกษาไม่ได้มีเครื่องหมายเช่นว่านั้นท้ายบรรทัด ก็แสดงว่า “อารยางกูร” เป็นวรรคหนึ่ง “พิลาสนามานุกรม” เป็นอีกวรรคหนึ่ง ซึ่งคลาดเคลื่อน
ที่ถูกคือเป็นข้อความวรรคเดียวกัน
ราชทินนามเต็มๆ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์รูปนี้ เขียนวรรคละบรรทัดชัดๆ ดังนี้ –
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ญาณอดุลสุนทรนายก
ปาพจนดิลกวรานุศาสน์
อารยางกูรพิลาสนามานุกรม
คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์
ตรีปิฎกบัณฑิต
มหาคณิสสร
บวรสังฆาราม
คามวาสี อรัญวาสี
…………
โปรดเปรียบเทียบข้อความในราชกิจจานุเบกษากับข้อความในเอกสารตามภาพอีกภาพหนึ่ง จะเห็นได้ชัดเจน
————–
โปรดทราบว่า หลักนิยมของพระปรมาภิไธยหรือพระนามของเจ้านาย ตลอดจนราชทินนามยาวๆ ก็คือ การแบ่งคำเป็นวรรคๆ และแต่ละวรรคมีสัมผัสรับ-ส่งกันไปจนจบนาม
…………
ขอแทรกเรื่อง “สัมผัส” ไว้ตรงนี้ก่อน
“สัมผัส” หมายถึงเสียงของคำที่รับกัน มี ๒ อย่าง คือ “สัมผัสสระ” และ “สัมผัสอักษร”
๑ “สัมผัสสระ” หมายถึงคำที่เป็นสระเสียงเดียวกัน เช่น –
“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว”
“ปลา” กับ “นา” เป็นเสียงสระ อา เหมือนกัน รับสัมผัสกัน
ถ้าสมมติว่าข้อความนั้นเปลี่ยนใหม่ เป็น –
“ในน้ำมีปลา ในยุ้งมีข้าว”
ก็จะไม่มีคำใดๆ ที่รับสัมผัสกัน เพราะวรรคแรก (ในน้ำมีปลา) ลงท้ายด้วยเสียงสระ อา
แต่วรรคที่สอง (ในยุ้งมีข้าว) ไม่มีคำที่เป็นเสียงสระ อา อยู่เลย
๒ “สัมผัสอักษร” หมายถึง คำที่ใช้อักษรเดียวกันหรืออักษรที่ออกเสียงเทียบคู่กัน
อักษรเดียวกัน เช่น “คำ-คน” ใช้อักษร ค เหมือนกัน
อักษรที่ออกเสียงเทียบคู่กัน เช่น “คำ-ของ” อักษร ค กับ ข เทียบคู่กัน
อักษรที่ออกเสียงเทียบคู่กันคู่อื่นๆ ก็เช่น
ฉ กับ ช
ถ กับ ท
ผ กับ พ
ส กับ ซ
ห กับ ฮ
รวมทั้งอักษรที่ควบกันแล้วออกเสียงเป็น ซ เช่น “ทรง” เทียบคู่กับ ส หรือ ซ ได้ด้วย (คือมุ่งเอาเสียง ไม่ใช่เอารูปอักษร ถ้ามุ่งเอารูปอักษร ทร เทียบคู่กับ ส หรือ ซ ไม่ได้)
โปรดอ่านกลอนบทนี้ แล้วดูคำที่สัมผัสกัน จะช่วยให้เข้าใจชัดขึ้น
อันความคิด / วิทยา / เหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุด / ซ่อนใส่ / เสียในฝัก
สงวนคม / สมนึก /ใครฮึกฮัก
จึงค่อยชัก / เชือดฟัน / ให้บรรลัย
(เพลงยาวถวายโอวาท ของ สุนทรภู่ ในที่นี้เขียนแยกกลุ่มคำ ใช้เครื่องหมาย / เป็นที่สังเกตในแต่ละบรรทัดเพื่อให้เห็นสัมผัสชัดเจน ตามหลักของเดิมแต่ละบรรทัด (ซึ่งเรียกว่า “วรรค”) ท่านเขียนติดกัน ไม่ได้แยกเป็น ๓ กลุ่มแบบนี้)
ตรงไหนคือสัมผัส :
“คิด” กับ “วิท” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อิด)
“ยา” กับ “อา” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อา)
“วุธ” กับ “สุด” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อุด)
“สุด” กับ “ซ่อน” คือสัมผัสอักษร (ส กับ ซ)
“ใส่” กับ “เสีย” คือสัมผัสอักษร (ส กับ ส)
“ฝัก” กับ “ฮัก” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อัก)
“คม” กับ “สม” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อม)
“ชัก” กับ “เชือด” คือสัมผัสอักษร (ช กับ ช)
“ฟัน” กับ “บรร” คือสัมผัสสระ (เสียงสระ-อัน)
ในที่นี้ คำว่าเสียงสระ-อิด สระ-อุด สระ-อม สระ-อัน ผมเรียกเอาเองเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ เท่านั้น ไม่ใช่คำเรียกตามหลักวิชา
นี่ว่าเฉพาะสัมผัสสระ-สัมผัสอักษร พอให้รู้จักเท่านั้น
ในการแต่งกาพย์กลอนโคลงฉันท์จริงๆ ยังมีกฎเกณฑ์ปลีกย่อยอีกมาก
————–
ทีนี้มาดูกันว่าในราชทินนามเต็มๆ ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ มีสัมผัสตรงไหนบ้าง
เพื่อให้เห็นง่าย ขอใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (เครื่องหมายคำพูด) กำกับคำที่รับ-ส่งสัมผัสกัน เนื่องจากในเฟซบุ๊กนี้ (ผม) ไม่สามารถทำอักษรตัวหนาตัวเอนเพื่อให้เป็นที่สังเกตได้
(โปรดอ่านทบทวนราชทินนามเต็มที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ ข้างต้นนั้นอีกทีก่อน)
สมเด็จพระพุทธโฆษา “จารย์”
“ญาณ” อดุลสุนทร “นายก”
ปาพจน “ดิลก” วรานุ “ศาสน์”
อารยางกูร “พิลาส” นามา “นุกรม”
คัมภีรญาณ “อุดม” “วิศิษฏ์”
ตรีปิฎก “บัณฑิต”
มหาคณิส “สร”
“บวร” สังฆา “ราม”
“คาม” วาสี อรัญวาสี
คำที่สัมผัสกัน :
“จารย์” สัมผัสกับ “ญาณ”
“นายก” สัมผัสกับ “ดิลก”
“ศาสน์” สัมผัสกับ “พิลาส”
“นุกรม” สัมผัสกับ “อุดม”
“วิศิษฏ์” สัมผัสกับ “บัณฑิต”
“สร” สัมผัสกับ “บวร”
“ราม” สัมผัสกับ “คาม”
โปรดสังเกตด้วยว่า ทุกคำเป็นสัมผัสสระ
————–
ราชทินนามที่มีตั้งแต่ ๒ วรรคขึ้นไป นิยมให้มีสัมผัสสระแบบนี้ทั้งนั้น
ทั้งนี้รวมทั้งพระนามของเจ้านายด้วย
ตัวอย่าง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อประสูติได้รับการถวายพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์
ตัดมาดูเฉพาะพระนาม –
สิรินธรเทพรัตนสุดา
กิติวัฒนาดุลโสภาคย์
“สุดา” กับ “วัฒนา” รับสัมผัสกัน
เมื่อทรงได้รับสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็น “สยามบรมราชกุมารี” มีพระนามาภิไธยเต็มๆ ว่า
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร
รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ
สยามบรมราชกุมารี
จะเห็นได้ว่า –
“มหา” รับสัมผัส “สุดา
“คุณากร” รับสัมผัส “สิรินธร”
“บรมราช” รับสัมผัส “ปิยชาติ”
และจะเห็นได้ด้วยว่า สัมผัสที่ประสงค์คือสัมผัสระหว่างวรรค ไม่เน้นสัมผัสในวรรคเดียวกัน
————–
ราชทินนามของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ.๙) มีอยู่วรรคหนึ่งที่น่าสังเกต คือวรรคที่ว่า –
“อารยางกูรพิลาสนามานุกรม”
คำว่า “อารยางกูร” เป็นนามสกุลของท่านเจ้าพระคุณท่าน ผมเพิ่งเคยเห็นนามสมณศักดิ์ที่เอานามสกุลมาเป็นสร้อยราชทินนามเป็นครั้งแรก แล้วก็มีความหมายที่สอดคล้องกลมกลืนอย่างยิ่ง
“อารยางกูร” แปลตามศัพท์ มีนัยทางโลกว่า “เชื้อสายแห่งอารยชน” และมีนัยทางธรรมว่า “หน่อเนื้อแห่งพระอริยบุคคล”
และมีอยู่วรรคหนึ่งที่อยากชวนให้สงสัยว่าอ่านอย่างไร คือวรรคที่ว่า –
“ญาณอดุลสุนทรนายก”
เฉพาะตรงคำว่า “สุนทรนายก” อ่านอย่างไร?
ถ้าอ่านตรงเทิ่ง ก็อ่านว่า สุน-ทอน-นา-ยก
แต่ถ้าอ่านอย่างมีอลังการ ก็อ่านว่า สุน-ทฺระ-นา-ยก
ทั้งวรรค ถ้าอ่านอย่างมีอลังการก็อ่านว่า
ยาน-นะ-อะ-ดุน-สุน-ทฺระ-นา-ยก
………….
เมื่อได้พบเห็นพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย หรือราชทินนาม ขอได้โปรดตั้งใจอ่านดูเถอะครับ จะเห็นได้ชัดว่า สัมผัสคืออลังการแห่งภาษาจริงๆ
น่าเสียดายที่คนไทยรุ่นหลังๆ ซาบซึ้งกับอลังการแห่งภาษาของตัวเองน้อยลงไปทุกวัน
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
๑๑:๐๒
…………………………….
…………………………….