บทความเกี่ยวกับศาสนา-ภาษา-สังคม

หยุดเอาสตางค์ใส่บาตรกันเสียที 

หยุดเอาสตางค์ใส่บาตรกันเสียที 

————

หาวิธีช่วยพระไม่ให้ต้องอาบัติ

……………….

หยุดเอาสตางค์ใส่บาตรกันได้แล้ว 

เวลาพระออกบิณฑบาตตอนเช้าๆ

เลิกเอาสตางค์ใส่บาตรกันเสียที 

พระก็ผิดวินัย

ตัวผู้ใส่ก็ได้บุญไม่บริสุทธิ์

ถ้าอยากจะเอาสตางค์ทำบุญแบบสะอาดๆ

อย่าเอาใส่บาตรพระตรงๆ 

ผมมีวิธี 

ฟังทางนี้

ถ้าอยากจะเอาสตางค์ทำบุญแบบสะอาดๆ

ทำกล่องหรือทำซองเข้าไว้สักซองหนึ่ง

ถ้าขี้เกียจถึงขนาดไม่อยากทำอะไร ก็เอาถุงอะไรก็ได้ที่ซื้อของมาจากตลาดนั่นแหละ 

วันไหนเกิดศรัทธาอยากเอาสตางค์ใส่บาตร

ควักสตางค์ออกมา จบ ตั้งจิตอธิษฐาน ตัดใจบริจาค

แล้วเอาใส่กล่อง หรือซอง หรือถุงนั่นเลย 

เท่ากับได้ใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว

เลิกงมงายกันเสียทีว่า ต้องเอาของหย่อนลงไปในบาตรที่พระถืออยู่เท่านั้นจึงจะเป็นการทำบุญ 

เอาของหย่อนลงในบาตร-เป็นเพียงวิธีหนึ่งในจำนวนล้านๆ วิธี

หมายความว่ายังมีวิธีอีกเป็นล้านๆ วิธีที่ไม่ต้องเอาของหย่อนลงไปในบาตร-ก็สำเร็จเป็นการทำบุญได้เท่ากันเป๊ะๆ

แต่ที่ประเสริฐเลิศล้ำกว่าเอาเงินใส่บาตรตรงๆ ก็คือพระก็ไม่เกิดโทษ 

ตัวผู้ทำก็ได้บุญบริสุทธิ์

แต่ระวังให้ดี เงินที่ตัดใจบริจาคแล้วนั้น อย่าได้เอามาใช้อะไรเป็นอันขาด อย่าชะล่าใจว่า-เงินเหมือนเงิน ยืมใช้ก่อน เดี๋ยวเอามาใช้คืน

อย่าคิดและอย่างทำอย่างนั้น

เหมือนของใส่บาตรถวายพระไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครเขาตามไปคว้าเอากลับคืนมาอีก – ให้ตั้งอารมณ์แบบนั้น

เพราะฉะนั้น เอาเงินใส่กล่อง ใส่ซอง ใส่ถุงแล้ว ตัดขาดกันไปเลย อย่าไปแตะต้อง 

วันไหนเกิดศรัทธาอยากเอาสตางค์ใส่บาตร

ทำอย่างที่ว่านี้ทุกวันไป-หรือทุกครั้งที่เกิดศรัทธา

ครั้นพอถึงวันที่ท่านสะดวกที่จะไปวัด ก็เอากล่องหรือซองหรือถุงนั่นไปที่วัด-วัดที่ท่านสะดวก หรือวัดที่ท่านศรัทธา 

ถึงวัดแล้วถามหาไวยาวัจกรก่อนเลย

ไวยาวัจกรวัดนี้อยู่ไหน ขอพบหน่อย 

จำคำนี้ไว้ให้ดี – ไว-ยา-วัด-จะ-กอน – คือชาวบ้านที่ทำหน้าที่รับเงิน-จ่ายเงินแทนพระ 

ไวยาวัจกรนี้ ตามหลักแล้วจะต้องมีทุกวัด เพราะกฎหมายกำหนดไว้ 

ถ้าวัดไหนไม่มีไวยาวัจกร ก็จะได้รู้ไว้ว่าวัดนั้นบกพร่อง

ถือโอกาสเตือนพระเสียด้วยเลย-ว่า รีบตั้งไวยาวัจกรเสีย อย่าเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญ ชาวบ้านเขามีศรัทธาจะถวายเงินให้พระหรือให้วัด เขาจะได้ถวายได้โดยไม่ทำให้พระผิดศีล 

บอกพระไปเลย-พระที่เป็นเจ้าอาวาสหรือพระที่เจ้าอาวาสมอบหมายนั่นแหละ-บอกไปว่าจะเอาเงินมาถวาย ช่วยเรียกไวยาวัจกรมาที

แต่อย่าส่งเงินให้พระ-เพราะผิดศีล

มอบเงินไว้ให้แก่ไวยาวัจกร

บอกให้ออกอนุโมทนาบัตรให้ด้วย ยิ่งดี เอาไปลดภาษีได้

ง่ายๆ แค่นี้ 

อย่าอ้างว่าทำแบบที่แนะนำนี่ไม่สะดวก 

เอาเงินใส่บาตรสะดวกกว่า อย่าอ้าง!

อ้างแบบนั้นก็เท่ากับบอกว่า-ไปนรกสะดวกกว่านั่นเอง 

เพราะ-พระก็ผิดวินัย

ตัวผู้ใส่ก็ได้บุญไม่บริสุทธิ์ เพราะร่วมกันทำให้พระผิดวินัย

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้ถวายเงินให้พระนะครับ 

กรุณาอ่านภาษาไทยให้ดีๆ

และที่ว่ามาทั้งหมดนี้ผมก็ไม่ได้ตำหนิว่าพระรับเงินไม่ได้-เหมือนกับที่ชอบยกขึ้นมาตำหนิพระกันทั่วไป

ใครมีศรัทธาจะถวายเงินให้พระ ก็ถวายได้ ไม่ห้าม

แต่ต้องถวายให้ถูกวิธี

ถวายให้ถูกวิธีทำยังไง – ย้อนไปอ่านข้างต้น

การเอาเงินใส่บาตร เป็นการถวายเงินที่ผิดวิธี

เป็นการทำให้พระต้องอาบัติ-คือเป็นโทษ

ใครเคยทำ เลิกทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

———————

ทีนี้ มองข้างพระบ้าง 

พระก็รับเงินได้ ใช้เงินได้นะครับ ฟังกันให้ดีๆ

พระก็รับเงินได้ ใช้เงินได้

แต่ก็ต้องรับและต้องใช้ให้ถูกวิธีเช่นกัน 

พระพุทธเจ้าท่านเปิดประตูไว้ให้แล้ว-ด้วยการให้มีไวยาวัจกร

ท่านเปิดประตูให้ออกได้

ทำไมยังจะต้องปีนรั้วปีนกำแพงกันอยู่เล่า

………………..

เรื่องพระกับเงินนี่ เวลานี้เราเข้าใจพลาดประเด็นกันไปมาก 

เข้าใจว่าพระรับเงินไม่ได้

เข้าใจว่าพระใช้เงินไม่ได้

เข้าใจพลาดไปแล้วพี่น้องทั้งหลาย

พระรับเงินได้

พระใช้เงินได้

แต่ต้องรับและต้องใช้ให้ถูกวิธี 

ฝ่ายพระเองก็โอดครวญผิดประเด็น 

ที่ได้ยินมากที่สุดก็เช่น-ถ้าไม่ให้พระรับเงิน แล้วค่าน้ำ ค่าไฟวัด จะเอาที่ไหนจ่าย 

เวลาไปโน่นมานี่ ค่ารถ ค่าแท็กซี่ จะเอาที่ไหนจ่าย

ฯลฯ

แถมเหน็บกลับมาให้ด้วยว่า-โยมที่ว่าพระรับเงินไม่ได้นั่นแหละมาช่วยจ่ายแทนพระทีสิ

………………..

ขอยืนยันว่าพระรับเงินได้-ใช้เงินได้ครับ

แต่ต้องทำให้ถูกวิธี 

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่-ห้ามพระรับเงิน ห้ามพระใช้เงิน

แต่ปัญหาอยู่ที่-พระรับเงินไม่ถูกวิธี และใช้เงินไม่ถูกวิธี 

ต้องแก้ปัญหากันที่-ทำไม่ถูกวิธี

ไม่ใช่มัวแต่พูดว่า-ห้ามรับ ห้ามใช้

เวลานี้ถึงกับมีพระออกบิณฑบาตเงิน 

แล้วก็มีชาวบ้านนิยมเอาเงินใส่บาตรกันทั่วไปหมด 

นี่ไงคือการถวายเงินผิดวิธี และรับเงินผิดวิธีอย่างโจ่งแจ้ง 

เพราะฉะนั้น ต้องพูดกันใหม่ ต้องเข้าใจกันใหม่ 

ต้องรื้อปัญหาออกมาทำความเข้าใจกันใหม่ 

คือ ฝ่ายชาวบ้าน จะถวายเงินอย่างไรจึงจะถูกวิธี

และฝ่ายพระ จะรับเงินอย่างไร แล้วจะใช้เงินอย่างไรจึงจะถูกวิธี 

ต้องพูดกันตรงประเด็นนี้ 

ที่คัน-อยู่ตรงนี้

เกาให้ถูกที่คัน 

ที่ผ่านมา แทบไม่มีใครพูดถึงประเด็นนี้เลย 

ได้แต่ด่าพระว่ารับเงิน ผิดวินัย

พระก็ได้แต่โอดครวญว่า ไม่ให้รับเงินแล้วจะให้ทำยังไง

คำตอบสรุปรวบยอดคือ การถวายเงินแก่พระ การรับเงินและการใช้เงินของพระ ต้องผ่านไวยาวัจกร จึงจะถูกวิธี 

ผ่านไวยาวัจกร สะดวกอย่างไร ไม่สะดวกอย่างไร ต้องพูดกันตรงจุดนี้

ไม่ใช่ไปกู่ก้องร้องตะโกนว่า ห้ามถวายเงิน ห้ามรับเงิน ห้ามใช้เงิน 

ต้องเกาให้ถูกที่คัน หันมาพูดกันใหม่ว่า จะถวายเงินอย่างไร จะรับเงินอย่างไร และจะใช้เงินอย่างไร จึงจะถูกวิธี 

———————

ผมขออนุญาตเปิดประเด็นให้พิจารณาดังต่อไปนี้ – 

พระอ้างว่าไม่มีไวยาวัจกร 

จะรับ จะเก็บ จะจ่าย ไม่มีไวยาวัจกรทั้งนั้น

ไม่มีใครมาเป็นไวยาวัจกร

โยมที่พูดนั่นแหละช่วยมาเป็นไวยาวัจกรให้ที่สิ

ฯลฯ

ขอได้โปรดอย่าอ้างอย่างนี้ อย่าพูดอย่างนี้

แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร

พระเองนั่นแหละต้องคิดแก้ปัญหานี้ก่อนใคร 

ไม่ใช่ว่าอ้างอย่างนั้นเสร็จแล้วเลยได้สิทธิ์ รับเอง เก็บเอง จ่ายเอง

เวลานี้ทางบ้านเมืองตั้งหน่วยราชการขึ้นมา คือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน้าที่บริหารจัดการปัญหาเกี่ยวกับวัดและพระสงฆ์โดยตรง

ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งมีสาขาอยู่แล้วทุกจังหวัดทำหน้าที่ไวยาวัจกร และ/หรือรับผิดชอบเกี่ยวกับปัญหาไวยาวัจกร 

แบบนี้ทำได้หรือไม่ 

ถ้าทำได้ ทำไมจึงไม่ทำ

ถ้าทำไม่ได้ ติดขัดตรงไหน บอกมา 

คณะสงฆ์นั่นแหละขอรับที่จะต้องลุกขึ้นมาคิดอ่านหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้

วัดไหนอ้างว่าไม่มีไวยาวัจกร ก็ให้สำนักพุทธฯ จัดหาไวยาวัจกรให้ 

ใช้วิธีจ้างคนแบบเดียวกับลูกจ้างชั่วคราวหรือพนักงานราชการ หรือจะมีวิธีแบบไหนก็คิดกันขึ้นมา 

ค่าจ้างจะเอามาจากไหน 

หาแหล่งเงิน 

รับบริจาค

ก็คิดหาวิธีกันขึ้นมา 

แบบนี้ทำได้หรือไม่ 

หรือจะใช้วิธีสรรหาไวยาวัจกรจิตอาสา ไม่รับค่าจ้าง หรือใครมีวิธีไหนอีก ก็ช่วยกันคิดออกมา

อย่าเพิ่งบอกว่าทำไม่ได้ ไม่สะดวก

แล้วเลยไม่คิดจะทำอะไร

ละเลยพระธรรมวินัยสะดวกกว่า

เวลานี้มีเพื่อนมนุษย์ประเภทหนึ่ง ชอบใช้วิธียกปัญหาขึ้นมาขวางทาง

ทำอย่างนั้นจะเกิดปัญหาอย่างนี้

ทำอย่างนี้จะเกิดปัญหาอย่างโน้น

ทำอย่างโน้นจะเกิดปัญหาอย่างนั้น

ฯลฯ

สรุปว่า ไม่ว่าใครจะคิดทำอย่างไร เกิดปัญหาทั้งนั้น

สรุปว่าไม่ต้องคิดทำอะไรดีที่สุด

และสรุปว่า ให้พระรับเงินเอง เก็บเงินเอง จ่ายเงินเอง-เหมือนชาวบ้าน ดีที่สุด

…………………

เมื่อแต่ละวัดมีไวยาวัจกรแล้ว ใครอยากถวายเงินให้พระเป็นส่วนตัว หรือจะถวายให้แก่สงฆ์เป็นส่วนรวม ก็จะทำได้อย่างถูกวิธี 

นักด่าพระก็จะได้ไม่ต้องมาก่นด่ากันว่าพระรับเงิน พระหยิบเงิน พระใช้เงิน 

กรณีพระเดินทางไปโน่นมานี่ มีค่าใช้จ่าย แต่ไม่สามารถเอาไวยาวัจกรติดตามไปทำหน้ารับ-จ่ายแทนได้ 

จะแก้ปัญหาอย่างไร

ผมจำได้ว่าเคยเสนอแนวคิดไปแล้วว่า – ให้ใช้ระบบบัตรเครดิต คือแปะบัตรกดเบอร์อะไรสักอย่าง ระบบก็จะโอนค่าใช้จ่ายเข้าบัญชีของผู้ให้บริการโดยอัตโนมัติ พระไม่ต้องควักเงินออกมาจ่ายเหมือนชาวบ้าน

นั่นหมายถึงจะต้องตั้งกองทุนของวัดหรือของคณะสงฆ์ขึ้นมารองรับ หรือทำข้อตกลงกับผู้ประกอบการ

บัตรที่ว่านี้ใช้ได้เฉพาะชำระค่าบริการตามรายการที่กำหนดไว้เท่านั้น พระผู้ถือบัตรจะเอาไปกดเป็นตัวเงินออกมาใช้ไม่ได้

บัตรที่ว่านี้ เมื่อทำโดยใช้ระบบเช่นว่านี้จะมีผลเท่ากับใบปวารณาที่ใช้กันอยู่แล้วตามพระวินัย 

ด้วยวิธีเช่นนี้ ไปไหนมาไหนพระก็ไม่ต้องพกเงินจ่ายเงินด้วยตัวเอง 

บัตรจะทำหน้าที่เหมือนไวยาวัจกร 

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ผมขอเสนอ 

ใครจะว่าฝันเฟื่อง 

ว่างมากนักหรือไงโยม

ฯลฯ

เชิญว่าได้ตามสะดวกปาก

ขอร้อง เพียงลองคิดดูหน่อย

ทำได้ หรือทำไม่ได้ ก็ช่วยกันคิด 

โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องเป็นเจ้าภาพในการคิดอ่านหาวิธีช่วยพระไม่ให้ต้องทำผิดพระวินัยเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ 

ไม่ใช่คอยแต่จ้องจับพระสึกด้วยข้อหาเงินๆ ทองๆ

พระเองก็ต้องพยายามหาวิธีรักษาพระธรรมวินัยไว้ให้ถึงที่สุด 

ขอความกรุณาอย่าเพียงแต่อ้างว่าสังคมเปลี่ยนไป ยุคสมัยเปลี่ยนไป พระจำเป็นต้องใช้เงิน 

อ้างแต่ความจำเป็นอย่างเดียว

แต่ไม่พยายามช่วยกันคิดหาวิธีการที่จะผ่านความจำเป็นนั้นไปให้ได้-โดยที่ยังสามารถรักษาพระธรรมวินัยไว้ได้ด้วย 

ซึ่งมันจะต้องมีวิธี-ถ้าช่วยกันคิด

มีหลายท่าน-ทั้งชาวบ้านและชาววัด-กลับอ้างเสียอีกว่า รับเงิน-ใช้เงินเป็นอาบัติเล็กน้อย ไม่ต้องไปแคร์ ไอ้ที่ทำผิดกันโครมๆ เรื่องใหญ่กว่านี้ ยังไม่เห็นมีใครสนใจ 

ฟังแล้วเศร้าไปถึงปรโลก

ขออัญเชิญพระบาลีสั้นๆ มาเป็นเครื่องเจริญสติโดยทั่วกัน

………………..

อนุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี 

(อะนุมัตเตสุ วัชเชสุ ภะยะทัสสาวี) 

………………..

ข้อความนี้เป็นคำแสดงลักษณะของภิกษุที่ประพฤติหนักแน่นในพระธรรมวินัย แปลตามศัพท์ว่า “มีปกติเห็นภัยในโทษทั้งหลายอันมีประมาณเล็กน้อย

แปลสกัดความว่า โทษหรือข้อห้ามแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่กล้าล่วงละเมิด

ดูก่อนภราดา! 

อันว่าความผิด แม้จะน้อยนิดเพียงไร 

ผู้เป็นบัณฑิตย่อมรังเกียจ

คูถแม้เพียงนิดเดียวก็เหม็นมิใช่ฤๅ

………………..

ช่วยกันคิดแก้ปัญหาสิครับ

ไม่ใช่ช่วยกันยกปัญหาขึ้นมาขวางทาง

ช่วยกันหาวิธีสงเคราะห์พระไม่ให้ต้องอาบัติสิครับ

ไม่ใช่ช่วยกันสนับสนุนให้พระละเลยพระธรรมวินัย

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

๘ ธันวาคม ๒๕๖๑

๑๑:๑๑

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *