บาลีวันละคำ

มหาเปรียญ (บาลีวันละคำ 447)

มหาเปรียญ

มหา” ศัพท์เดิมในบาลีเป็น “มหนฺต” (มะ-หัน-ตะ) มีความหมายว่า ยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, โต, มาก, สำคัญ, เป็นที่นับถือ

เมื่อผ่านกรรมวิธีทางไวยากรณ์ได้รูปเป็น “มหา-” มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส

มหา” ในคำว่า “มหาเปรียญ” หมายถึง สมณศักดิ์ที่ใช้นําหน้าชื่อภิกษุผู้ที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป (พจน.42)

เปรียญ” (ปะ-เรียน) ผู้รู้บอกว่า น่าจะมาจากคำเก่าว่า “บาเรียน

พจน.42 บอกว่า “บาเรียน : ผู้เล่าเรียน, ผู้รู้ธรรม, ผู้คงแก่เรียน, เปรียญ”

รูปคำ “เปรียญ” ท่านก็ว่ามาจากคำว่า “ปริญญา” หมายถึงความเข้าใจ, ความรอบรู้, ความรู้ที่ถูกต้องถ่องแท้

คำว่า “เปรียญ” ที่ใช้ในภาษาไทยอีกคำหนึ่งคือ “การเปรียญ” พจน.42บอกว่า “เรียกศาลาวัดสําหรับพระสงฆ์แสดงธรรมว่า ศาลาการเปรียญ

เปรียญ” ในคำว่า “มหาเปรียญ” หมายถึง ผู้สอบความรู้พระปริยัติธรรมสายบาลีได้ตามหลักสูตรตั้งแต่ 3 ประโยคขึ้นไป (พจน.42)

จะเห็นได้ว่า “มหา” กับ “เปรียญ” ในคำว่า “มหาเปรียญ” มีความหมายเท่ากัน

ข้อควรทราบคือ

1. “มหา” ใช้เป็นคำนําหน้าชื่อภิกษุผู้ที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป เรียกเต็มว่า “พระมหา” เช่น “พระมหาทองย้อย

2. สามเณรที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป ไม่ใช้คำว่า “มหา” นำหน้าชื่อ แต่ให้ใช้คำว่า “เปรียญ” ต่อท้ายชื่อ นามสกุล เช่น “สามเณรทองย้อย แสงสินชัย เปรียญ” ต่อเมื่อได้อุปสมบทแล้วจึงใช้คำว่า “พระมหา-” และไม่ต้องมีคำว่า “เปรียญ” ต่อท้ายอีก

3. ถ้าเรียกเฉพาะภิกษุ ใช้คำว่า “พระมหา” ไม่ใช่ “พระมหาเปรียญ” เพราะแยกกันแล้วว่า “มหา” หมายถึงภิกษุ “เปรียญ” หมายถึงสามเณร ดังนั้นจึงไม่มี “พระมหาเปรียญ

4. “มหาเปรียญ” (ไม่มีคำว่า “พระ”) เป็นคำรวมเรียกภิกษุสามเณรที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไป รวมถึงที่ลาเพศไปแล้วด้วย เช่นที่พูดว่า พวกดอกเตอร์ พวกหมอ พวกครูบาอาจารย์ พวกมหาเปรียญ

ชอบกล :

จบเปรียญธรรม 9 ประโยคแล้วไปเรียนจนจบ ‘ดอกเตอร์’ มีมาก

จบ ‘ดอกเตอร์’ แล้วไปเรียนจนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ยังไม่มี

บาลีวันละคำ (447)

5-8-56

ปริญฺญา (บาลี-อังกฤษ)

ความรู้ที่ถูกต้องถ่องแท้, ความเข้าใจ, ความรอบรู้

มหนฺต

ยิ่งใหญ่, กว้างขวาง, โต, สำคัญ, เป็นที่นับถือ

– (ก.วิ.) อย่างมากมาย, อย่างใหญ่หลวง

– ในคัมภีร์นิทเทส ไขความ “มหา” เป็น อคฺค เสฏฺฐ วิสิฏฺฐ ปาโมกฺข อุตฺตม ปวร

– ใช้นำหน้าคำ ทำให้มีความหมายว่าเป็นเรื่องสำคัญ, เป็นเรื่องพิเศษ, สูงกว่าอีกระดับหนึ่ง, มีจำนวนมาก

ตัวอย่างคำที่มีความหมายตามคำจำกัดความข้างต้น

มหาชน มหานิกาย มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย มหาอำนาจ

มหา ๑

  ว. ใหญ่, ยิ่งใหญ่, มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส บางทีก็ลดรูปเป็น มห เช่น มหรรณพ มหัทธนะ มหัศจรรย์.

มหา ๒

  น. สมณศักดิ์ที่ใช้นําหน้าชื่อภิกษุผู้ที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไป.

มหาชาติ

  น. เรียกเวสสันดรชาดกว่า มหาชาติ มี ๑๓ กัณฑ์, การมีเทศน์เรื่องมหาเวสสันดรชาดก เรียกว่า มีเทศน์มหาชาติ. (ป.).

บาเรียน

  น. ผู้เล่าเรียน, ผู้รู้ธรรม, ผู้คงแก่เรียน, เปรียญ.

เปรียญ

  [ปะเรียน] น. ผู้สอบความรู้พระปริยัติธรรมสายบาลีได้ตามหลักสูตรตั้งแต่ ๓ ประโยคขึ้นไป.

การเปรียญ

  [-ปะเรียน] น. เรียกศาลาวัดสําหรับพระสงฆ์แสดงธรรมว่า ศาลาการเปรียญ.

ปริญญา

  [ปะรินยา] น. ความกําหนดรู้, ความหยั่งรู้, ความรู้รอบ; ชั้นความรู้ขั้นมหาวิทยาลัยซึ่งประสาทให้แก่ผู้ที่สอบไล่ได้ตามที่กําหนดไว้, ถ้าประสาทแก่ผู้ทรงวิทยาคุณหรือผู้มีเกียรติตามที่เห็นสมควร เรียกว่า ปริญญากิตติมศักดิ์. (ป.; ส. ปริชฺญา).

มหา (สอ เสถบุตร)

[n.] a graduate in Buddhist theology, who passes at least the thirdgrade out of nine grades in all. He must be a member of the clergy,though he retains the title after he leaves the priesthood

พระมหา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระมหา เป็นคำสมณศักดิ์ใช้นำหน้าชื่อพระภิกษุที่สอบไล่ได้ตั้งแต่เปรียญธรรม 3 ประโยค ขึ้นไป [1] โดยคำ “มหา” มาจากศัพท์ในภาษาบาลี (มหนฺต ลดรูปเป็น มหา) ใช้นำหน้าพระเถระผู้มีร่างกายสูงใหญ่ในสมัยพุทธกาลเช่น พระมหากัสสปะเถระ พระมหาโมคคัลลานะ และใช้เรียกนำหน้ายกย่องพระเถระผู้เป็นที่น่าเคารพนับถือว่า พระมหาเถระ แปลว่า พระเถระผู้ใหญ่

ในปัจจุบันบางครั้งชาวบ้านใช้คำว่า “มหา” เรียกอุบาสกบางท่าน ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาและมีความรู้เรื่องพระศาสนาดี หรือดำรงตนเป็นพุทธมามกะที่เคร่งครัด เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติ [2]

พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณถวายพัดยศสมณศักดิ์สายเปรียญธรรม (พัดยศมหาเปรียญ) แก่พระสงฆ์โดยยกย่องถวายคำว่า “มหา” เพื่อใช้นำหน้าพระภิกษุผู้สอบไล่ได้ ประโยคบาลี เพื่อเป็นการถวายกำลังใจแก่พระสงฆ์ผู้สนใจเล่าเรียนศึกษาและมีความรู้สอบไล่ได้สายเปรียญธรรมบาลีตั้งแต่ชั้นเปรียญตรีขึ้นไปจนถึงปัจจุบันนี้[3] (โดยในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์เคยมีการถวายนิตยภัตรแก่พระสงฆ์และสามเณรที่เป็นมหาเปรียญทุกชั้น แต่ปัจจุบันคงมีการถวายนิตยภัตรายเดือนเฉพาะผู้สอบได้ระดับเปรียญธรรม ๙ ประโยค เท่านั้น)

ในปัจจุบัน พัดยศมหาเปรียญ นั้นจะแบ่งเป็นสีและระบุเลขลำดับชั้นเปรียญ ซึ่งเปรียบได้กับครุยวิทยฐานะของบัณฑิตผู้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โดยพัดยศเปรียญมีฐานะเสมือนหนึ่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ทำความชอบในราชการ[4] พระสงฆ์สามเณรผู้ได้รับพระราชทานจะนำพัดยศมหาเปรียญออกใช้ประกอบสมณศักดิ์ได้แต่ในงานพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น จะใช้ทั่วไปมิได้

ในอดีตก่อนมีการเลิกทาส หากพระภิกษุหรือสามเณรรูปใดที่สอบไล่ได้เปรียญธรรม มีบิดามารดาเป็นทาสเขาอยู่ ก็จะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์ไถ่ให้พ้นตัวจากความเป็นทาสมีอิสรภาพแก่ตนในทันทีที่บุตรชายของตนได้เป็นพระมหาเปรียญหรือสามเณรเปรียญ

ปัจจุบันเรียกพระภิกษุที่สอบได้พระปริยัติธรรมตั้งแต่ เปรียญธรรม ๓ ประโยคขึ้นไปว่า “พระมหาเปรียญ”

ดูเพิ่ม[แก้]

การสอบไล่เปรียญธรรมบาลี

ประโยค (บาลี)

อ้างอิง[แก้]

1.↑ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน

2.↑ เทวประภาส มากคล้าย เปรียญ.. เอกสาร : เอกสารแนะนำวัดคุ้งตะเภา . อุตรดิตถ์ : วัดคุ้งตะเภา , ๒๕๔๙.

3.↑ การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี สมัยปัจจุบัน จากหอมรดกไทย

4.↑ วิเชียร อากาศฤกษ์,สุนทร สุภูตะโยธิน. ประวัติสมณศักดิ์และพัดยศ (๒๕๒๘). กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์ศรีอนันต์. หน้า ๑๘๑ – ๑๙๘

เปรียญ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 เปรียญ (อ่านว่า ปะเรียน) บาเรียน ก็เรียก เป็นคำใช้เรียกภิกษุสามเณรผู้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีและสอบไล่ได้ตามหลักสูตรตั้งแต่ 3 ประโยคขึ้นไปจนถึง 9 ประโยค เรียกว่า พระเปรียญ หรือ พระเปรียญธรรม สามเณรเปรียญ หรือ สามเณรเปรียญธรรม มีอักษรย่อว่า ป. หรือ ป.ธ. สันนิษฐานว่ามาจากการผสมคำว่า บาลี + เรียน = บาเรียน[1] หมายถึง “พระที่ได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมบาลี” หรือ “พระนักเรียนบาลี” นั่นเอง ต่อมา สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเปลี่ยนคำว่า บาเรียน เป็น เปรียญ[2] ปัจจุบันจึงใช้เรียกหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทยว่า “หลักสูตรเปรียญ” [3]

การเป็นเปรียญนั้นพระเจ้าแผ่นดินมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดแต่งตั้ง จึงเรียกพระเปรียญอีกอย่างหนึ่งว่า พระมหา โบราณเรียกว่า พระมหาเปรียญ คำว่า มหา ใช้เรียกเฉพาะภิกษุเท่านั้น มิได้ใช้เรียกสามเณรเปรียญด้วย

ปัจจุบันเรียกพระภิกษุสามเณรที่สอบได้พระปริยัติธรรมตั้งแต่ เปรียญธรรม 3 ประโยคขึ้นไปว่า “พระมหาเปรียญ” หรือ “สามเณรเปรียญ” [4] ภิกษุสามเณรเปรียญมีสิทธิใส่วุฒิการศึกษาต่อท้ายชื่อได้ เช่น พระมหาวุฒิ ป.6 หรือ ป.ธ.6 (อ่านเต็มว่า เปรียญ 6 ประโยคหรือเปรียญธรรม 6 ประโยค)

ศาลาที่ใช้สำหรับทำการเรียนการสอนว่า ศาลาการเปรียญ คือศาลาหรืออาคารที่พระภิกษุใช้เป็นที่เล่าเรียน

อ้างอิง[แก้]

พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548

1.↑ เทวประภาส มากคล้าย เปรียญ.. เอกสาร : เอกสารแนะนำวัดคุ้งตะเภา . อุตรดิตถ์ : วัดคุ้งตะเภา , 2549.

2.↑ ประวัติการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีในประเทศไทย

3.↑ หลักสูตรการศึกษา”บาลีสนามหลวง”

4.↑ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บาเรียน หมายถึง ผู้เล่าเรียน,ผู้รู้ธรรม,ผู้คงแก่เรียน,เปรียญ, เปรียญ หมายถึง ผู้สอบความรู้พระปริยัติธรรมสายบาลีได้ตามหลักสูตรตั้งแต่3ประโยคขึ้นไป

ดูเพิ่ม[แก้]

เปรียญธรรม

พัดยศ

การสอบสนามหลวง

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย