ความไม่เป็นธรรม (ตอนที่ ๑)
ความไม่เป็นธรรม (ตอนที่ ๔)
—————-
เบื้องลึก และความในใจ
——————
หมายเหตุ : เรื่องนี้มีทั้งหมด ๔ ตอน
ที่ท่านอ่านอยู่นี้เป็นตอนที่ ๔
——————
(๑) เบื้องลึกที่รู้มา
กรณีท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีถูกสั่งพักหน้าที่ด้วยข้อหาที่รู้กันว่า “ไม่สนองงานโครงการหมู่บ้านศีล ๕” มีเบื้องลึกที่ผมรู้มาดังนี้ :
๑ ท่านเจ้าคณะภาค ๑๕ ได้ขอให้ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีทำหนังสือชี้แจง ซึ่งท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีก็ได้ทำหนังสือชี้แจงไปแล้ว (ดูรายละเอียดจากภาพประกอบ)
๒ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ท่านเจ้าคณะภาค ๑๕ ได้เรียกประชุมเจ้าคณะอำเภอทั้งหมดในจังหวัดราชบุรีในลักษณะเป็นการสืบสวนหาความจริงในเรื่องนี้
ได้ความจากเจ้าคณะอำเภอทั้งหมดว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา
๓ อันที่จริง ทั้ง ๒ กรณีนี้ถือได้ว่าเป็นการ “สอบสวน” แล้ว และได้ความจริงแล้ว ท่านเจ้าคณะภาค ๑๕ มีทั้งอำนาจ มีทั้งหน้าที่จะต้องปฏิบัติกฏมหาเถรสมาคมที่ท่านเป็นผู้อ้างเอาอำนาจมาใช้ไว้เอง คือ (๑) ถ้ามีความผิด ต้องลงโทษ (๒) ถ้าไม่มีความผิด ต้องสั่งให้กลับดำรงตำแหน่งเดิม (๓) ถ้าเห็นว่ามีมลทินมัวหมอง ต้องเสนอให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งพิจารณา
แต่ท่านก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ได้ยินมาว่าท่านอ้างอยู่อย่างเดียวว่า “รอให้ผู้ใหญ่สั่ง”
๔ ขณะนี้เป็นที่ปรากฏและรู้สึกกันแล้ว-แม้ในหมู่ผู้มีอำนาจและใช้อำนาจนั้น-ว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรม
แต่เมื่อคำสั่งอันไม่เป็นธรรมนั้นมาจากผู้มีอำนาจเหนือตนขึ้นไปอีก และผู้มีอำนาจเหนือตนนั้นเชื่อคำกล่าวหาโดยไม่ยอมให้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจง ทุกฝ่ายก็จึงตกอยู่ในอาการชะงักงัน รักตัวกลัวตายมากกว่ารักความเป็นธรรม
(ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของวัดนำหนังสือชี้แจงในฐานะอาจารย์กับศิษย์ [ดูภาพประกอบ] ไปถวายที่วัดปากน้ำ แต่ท่านไม่รับ ได้แต่สั่งมาว่า “ให้อยู่นิ่งๆ”)
๕ ลึกลงไปกว่านี้ก็คือ มีความพยายามจากฝ่ายที่ต้องการยึดครองพื้นที่เพื่อสถาปนาลัทธิของตนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีอย่างน้อย ๒ ลัทธิ คือลัทธิธรรมกายกับลัทธิเจ้าแม่กวนอิม ทั้ง ๒ ลัทธินี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามีคำสอนหลักที่ไม่ใช่เถรวาท แต่ดำเนินงานโดยผู้อยู่ในคราบเถรวาท
เฉพาะลัทธิธรรมกายนั้นพยายามเจาะเข้าไปที่วัดมหาธาตุหลายครั้ง แต่เจาะไม่ทะลุ เพราะท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีท่านเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงแห่งนี้อยู่ด้วยท่านรู้ทัน
ฝ่ายนั้นจึงมีความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะต้องงัดท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีให้หลุดจากตำแหน่งให้จงได้ และคาดว่าเป้าหมายในอนาคตคือตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ที่ฝ่ายนั้นจะต้องส่งคนของตนเข้ามายึดครองเป็นลำดับต่อไป
ถ้ายึดวัดมหาธาตุได้ ก็เท่ากับได้ฐานกำลังที่จะขยายอำนาจต่อไปได้สะดวกขึ้น
๖ ถ้าทำที่จังหวัดราชบุรีได้สำเร็จ เชื่อว่าต่อไปสถานการณ์แบบเดียวกันนี้จะต้องเกิดขึ้นกับจังหวัดอื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน แล้วใช้ยุทธวิธีส่งคนของตนเข้าไปครองตำแหน่งพระสังฆาธิการในพื้นที่ต่างๆ
ถ้าเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด เจ้าคณะภาคทุกภาคเป็นคนของลัทธินั้นทั้งหมด ก็เท่ากับสถาปนาลัทธิของตนลงในสังฆมณฑลไทยได้สำเร็จ
๗ ผู้เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ยังมีเบื้องลึกที่ลึกกว่านี้อีก แต่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องพูด บอกได้แต่เพียงว่าแม้ถ้าพ่อแม่ของเราจะทำชั่วจริง เราก็ไม่จำเป็นจะต้องเอาความชั่วนั้นไปยืนประกาศอยู่ตามสี่แยกห้าแยก
(๒) ความในใจ
ผมขอยืนยันว่า แม้สังฆมณฑลในประเทศไทยจะมีแต่อลัชชีครองเมืองไปทั้งแผ่นดิน ผมก็จะยังคงนับถือพระพุทธศาสนาอยู่อย่างมั่นคง พบท่านผู้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ที่ไหน จะเป็นผู้ทรงศีลหรือเป็นอลัชชี ผมก็จะยังคงน้อมนมัสการธงชัยของพระอรหันต์ตามที่บรรพบุรุษของเราท่านประพฤติเป็นเนติกันสืบมา และจะยังคงแสวงบุญในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลังต่อไป
คนชั่วก็แยกฐานะไว้ส่วนหนึ่ง การทำความดีของเราก็อยู่อีกส่วนหนึ่ง ไม่ต้องเอาไปปนกัน
ด้วยวิธีเช่นนี้เราจะมีโอกาสเก็บบุญใส่ย่ามในฐานะพุทธศาสนิกชนได้ตลอดไป
ผมเขียนเรื่องนี้มาทั้งหมด มิได้มีเจตนาจะกล่าวโทษ ใส่ร้ายใคร หรือตั้งใจจะระราน รุกเร้า ก่าวก่ายท่านผู้ใด เพียงแต่ได้รู้ได้เห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมกับพระสังฆาธิการรูปหนึ่งเกิดขึ้นตรงหน้า
ในฐานะศิษย์สำนักเดียวกันและในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ผมควรมีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้โปรดใช้อำนาจให้ถูกวิธี ทำหน้าที่ให้ถูกธรรม
ผมไม่หวังว่าที่เขียนมายืดยาวหลายตอนนี้จะมีพลังอำนาจไปจัดระเบียบให้ผิดเป็นผิด ให้ถูกเป็นถูกตามที่ควรจะเป็นได้ทันที มันอาจไม่มีความหมายอะไรเลยด้วยซ้ำสำหรับผู้มีอำนาจ
แต่ในเมื่อเรากำลังเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจที่ใช้อำนาจเป็นธรรม มิได้ใช้ธรรมเป็นอำนาจ สิ่งที่ทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้ก็คือ บอกความจริงให้สังคมรับรู้ และขอร้องให้สังคมช่วยกันรู้ทัน
โดยหวังว่า คงจะมีสักวันใดเวลาหนึ่งที่ท่านผู้มีอำนาจจะมีโอกาสอยู่คนเดียวเงียบๆ และหวนระลึกถึงสิ่งที่ท่านได้ทำลงไป แล้วเกิดความละอายแก่ใจ
แน่ละ ผู้มีอำนาจทำพลาดแล้วจะให้ยอมรับผิดย่อมรู้สึกกันว่าเป็นเรื่อง “เสียหน้า”
อันที่จริง ความรู้สึกเสียหน้านั้นจะเกิดมีขึ้นก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง
แต่หลังจากนั้นท่านจะ “ได้หน้า” ไปชั่วกาลนาน
คนทั้งหลายจะสรรเสริญความกล้าหาญที่ท่านยอมรับความผิดพลาด
คนที่พลาดแล้วยอมรับผิดนั้น โลกไม่เคยตำหนิ ไม่ว่าในกาลไหนๆ
มีแต่จะชื่นชม ก้มศีรษะให้ด้วยความนับถือทุกหนทุกแห่งไป-และตลอดไป
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘
(หมายเหตุ : ภาพประกอบที่อ้างถึง ยังไม่สามารถโพสต์ลงมาได้)
…………………………….
…………………………….