เกรงใจคนผิด
เกรงใจคนผิด
——————–
หรือเกรงใจกันผิดๆ
เคยดูหนังฝรั่งแสดงเหตุการณ์ที่ผู้ร้ายลงมือทำโจรกรรม เช่นปล้น หรือฆ่า หรือข่มขืน
ผู้ร้ายทำได้โดยสะดวก ไม่มีใครมาทักท้วงว่า อย่าทำ ผิดกฎหมายข้อนั่นนี่โน่น
แต่พอถึงบทตำรวจเข้ามาแก้ไขเหตุการณ์ จะทำอะไรสักขั้นตอนหนึ่ง ก็มีข้อกฎหมายนั่นนี่โน่นมาคอยขวางเยอะแยะไปหมด –
ทำอย่างนี้ไม่ได้ ผิดระเบียบข้อนั้น
ทำอย่างนั้นไม่ได้ ผิดระเบียบข้อโน้น
ทำอย่างโน้นไม่ได้ ผิดระเบียบข้อนี้
กลายเป็นว่า ผู้ก่อปัญหา-ทำได้สะดวก
ผู้แก้ปัญหา-ติดขัดไปหมด
…………………
ในบางวงการ เช่นวงการวัดๆ เวลามีผู้ทำผิดทำชั่ว-ทำได้สะดวก ไม่มีใครทักท้วงว่าอย่าทำ เดี๋ยวมันจะเสียหาย
แต่เวลาใครหยิบยกเรื่องราวที่ทำนั้นขึ้นมาพูด ก็มักจะมีคนคอยทักท้วงว่า-อย่าพูดไป เดี๋ยวมันจะเสียหาย
กลายเป็นว่า เรากลัวความเสียหายอันเกิดจากการเอาเรื่องราวมาพูดมาบอกว่ามีคนทำผิด
แต่ตอนที่มีคนลงมือทำผิด เราไม่ทักท้วง เหมือนกับไม่กลัวความเสียหายอันเกิดจากการที่มีคนทำความผิด
ทำผิดแล้ว คนทำความผิดก็ยังอยู่สุขสบายดี
ถ้ามีตำแหน่ง ก็ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปตามปกติ
เคยได้รับสิทธิประโยชน์อะไร ก็ยังได้รับอยู่เป็นปกติ
ไม่มีใครไปบอกว่า ท่านทำผิดนะ ท่านไปเสียเถอะ อย่าอยู่เลย เดี๋ยวมันจะเสียหาย
จะเรียกว่าค่านิยม หรือจะเรียกว่าสัจธรรม อะไรก็ไม่รู้ ที่เราพากันเกรงใจคนทำผิด ไม่กล้าแตะต้อง
ซ้ำมีคนคอยปกป้องด้วยคำปรามว่า-อย่าพูดไป เดี๋ยวมันจะเสียหาย
เคยได้ยินคำเปรียบเป็นทำนองว่า-เหมือนอุจจาระกองหนึ่ง อย่าเอาอะไรไปแหย่ไปเขี่ยเข้า เดี๋ยวมันจะเหม็นกระจาย
แต่ไม่มีใครบอกว่า-แล้วควรจะทำอย่างไรกับอุจจาระกองนั้น
ไม่มีใครบอกว่าควรจะสืบหาว่าใครมาถ่ายอุจจาระไว้ตรงนั้น แล้วให้เจ้าตัวการนั้นจัดการแก้ไขเสีย พร้อมกับอบรมสั่งสอนว่า ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีก
ไม่มีใครบอกว่าควรจะทำอย่างนั้นอย่างนี้อย่างโน้น ฯลฯ เพื่อแก้ปัญหา
นอกจากปล่อยไว้เฉยๆ-ปล่อยให้อุจจาระแห้งจนหายเหม็นไปเอง
…………………
นอกจากนี้ยังมีคติธรรมอื่นๆ ที่คอยปรามเอาไว้ เช่น
-อย่าพูดทุกเรื่องที่รู้ แต่ต้องรู้ทุกเรื่องที่พูด
-นักพูดที่ดีต้องรู้ว่าไม่ควรจะพูดเรื่องอะไร
ก็คงสรุปลงในคำว่า เวลามีคนทำผิด เราไม่ห้าม
แต่เวลาจะเอาการทำผิดขึ้นมาพูด เราพากันห้าม
อันที่จริงวิธีที่ท่านปฏิบัติกันมาแต่ปางก่อนก็คือ ไม่เอาเรื่องเสียหายมาพูด นั่นแหละถูกแล้ว
แต่ท่านไม่ได้ห้ามพูดเฉยๆ ท่านรีบลงมือแก้ไขอย่างเงียบเชียบเรียบร้อย แต่เด็ดขาดด้วย
ไม่ใช่ห้ามไม่ให้เอามาพูด แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเลย ปล่อยไว้เฉยๆ-อย่างที่กำลังเป็นอยู่ทุกวันนี้
การห้ามไม่ให้เอาเรื่องการทำผิดมาพูด เลยกลายเป็นเกรงใจคนผิด หรือปกป้องคนผิดไปโดยปริยาย
…………………
เขียนมาทั้งหมดนี้เพื่อชวนให้คิด
เราควรมีท่าทีแบบนี้กันต่อไป
หรือว่าควรเปลี่ยนท่าทีแบบนี้กันได้แล้ว
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕
๑๖:๓๐
……………………………………….
เกรงใจคนผิด หรือเกรงใจกันผิดๆ
…………………………….
ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย…………………………….