สตรีกับดอกไม้
สตรีกับดอกไม้ (๑๑)
สตรีกับดอกไม้ (๑๑)
—————————–
และคิดต่อไปถึงศีลกับธรรม
…………………….
ธรรมของคนคู่
…………………….
คราวนี้ก็มาถึงประเด็นสำคัญที่สุดในเรื่องสตรีกับดอกไม้ นั่นคือ – คิดต่อไปถึงศีลกับธรรม
รอยต่อระหว่างสตรีคือดอกไม้กับศีลและธรรมก็อยู่ตรงที่ว่า –
(๑) ในเมื่อสตรีมีหน้าที่เหมือนกับดอกไม้ คือทําให้เกิดผลและเมล็ดเพื่อสืบพันธุ์
(๒) ปัญหาก็มีอยู่ว่า ในการทำหน้าที่เช่นว่านั้น ควรจะมีกรอบขอบเขตเป็นประการไร
ในการตอบปัญหานี้ นักคิดท่านชี้ให้สังเกตธรรมชาติของสัตว์และพืช
ท่านบอกว่า สัตว์และพืชทุกชนิดเมื่อทำกิจในการสืบพันธุ์เสร็จแล้ว คือมีพืชมีพันธุ์ที่จะสืบต่อไปได้แล้วก็หยุดทำหน้าที่
สัตว์บางชนิดพอทำหน้าที่เสร็จ ตัวผู้จะตายทันที
เหลือแต่ตัวเมียที่จะออกไข่หรือออกลูกสืบเผ่าพันธุ์ต่อไป
สัตว์และพืชแทบทุกชนิดทำหน้าที่เป็นฤดูกาล
ดังคำในพจนานุกรมที่อ้างแล้วข้างต้นว่า “ฤดูสัตว์ผสมพันธุ์”
แล้วแต่ว่าช่วงเวลาที่พืชพันธุ์ของมันฟักตัวและเจริญเติบโตนั้นจะนานแค่ไหน หรือแม่พันธุ์จะพักฟื้นเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อการผสมพันธุ์ครั้งต่อไปได้เร็วแค่ไหน
พืชบางชนิดผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียวในชั่วชีวิตของมัน คือมีดอกมีลูกคราวเดียวแล้วก็ตาย ที่เราเรียกกันว่า พืชล้มลุก
ส่วนชนิดที่เรียกว่า พืชยืนต้น หลายชนิดผสมพันธุ์-คือที่เราพูดกันว่ามีดอกออกผล-ปีละครั้ง
บางชนิดก็เป็นรุ่นๆ คราวๆ
มิได้ออกทุกเดือนหรือทุกวัน
สรุปว่า สัตว์และพืชนั้นทำกิจหรือทำหน้าที่ในการผสมพันธุ์ก็เพื่อให้เกิดพืชพันธุ์เท่านั้น
ตรงนี้แหละครับที่นักคิดท่านวกกลับมาคิดถึงมนุษย์
คือท่านบอกว่า – ว่ากันตามกฎธรรมชาติแล้ว มนุษย์ก็ควรที่จะทำกิจหรือทำหน้าที่ในการผสมพันธุ์เพียงเพื่อให้เกิดพืชพันธุ์เท่านั้น
โดยใช้หลักการเดียวกับธรรมชาติของสัตว์และพืช
ท่านว่าการทำกิจกรรมสืบพันธุ์ด้วยวัตถุประสงค์เช่นว่านี้เท่านั้นจึงจะเป็นการถูกต้องตามธรรมะ ในความหมายที่ว่า ธรรมะคือกฎธรรมชาติ
นักคิดท่านหนึ่งที่เสนอทฤษฎีดังว่านี้ และเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในเมืองไทยก็คือ ท่านพุทธทาสภิกขุ
ท่านบอกว่า มนุษย์ที่เจริญด้วยธรรมะแล้ว ควรจะร่วมประเวณีกันด้วยวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น คือเพื่อให้มีลูกสืบตระกูลเผ่าพันธุ์
การร่วมประเวณีโดยมีวัตถุประสงค์อื่น ที่มิใช่เพื่อจะให้มีลูก เช่นเพื่อสนองตัณหาราคะ หรือเพื่อความเอร็ดอร่อยทางเนื้อหนังสัมผัสนั้น ท่านว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดธรรมะ
ผมเคยคุยกับผู้รู้เรื่องศาสนาคริสต์ ท่านบอกว่า นักสอนศาสนาคริสต์รุ่นเก่าๆ หรือในยุคแรกๆ ก็สอนทำนองเดียวกันนี้
คือบอกว่า การร่วมประเวณีโดยมิได้ต้องการจะมีลูกนั้นเป็นบาป และสอนหนักไปถึงขั้นที่ว่า แม้การร่วมประเวณีด้วยท่าทางที่พลิกแพลงหรือใช้อุปกรณ์เสริมบางอย่างเพื่อให้เกิดอารมณ์ที่ร้อนแรงยิ่งขึ้นก็ยิ่งเป็นบาปหนัก
ฟังแล้วเหมือนกับจะเป็นแนวคิดทฤษฎีที่ฝืนธรรมชาติ ใช่ไหมครับ
แต่ท่านยืนยันว่า นี่แหละเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎธรรมชาติอย่างที่สุด
(มีต่อ)
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓
๑๐:๐๕
…………………………
สตรีกับดอกไม้ (๑๒)
…………………………
สตรีกับดอกไม้ (๑๐)
………………………….