อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๑)
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๔) (2)
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๔) (2)
—————————–
………………………….
๓ กับครอบครัว เราเกิดมาเพราะเราอยากเกิดหรอคะ
๔ พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา
๕ เพราะความอยากมีเราของเขา ทำให้เราลำบากแบบตอนนี้ไม่ใช่หรอ
………………………….
……………………………..
๒ เหตุผลข้อที่สองก็คือ-พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา
……………………………..
หมายความว่า พ่อแม่อยากมีเรา จึงสมสู่กัน เราจึงเกิดมาเพราะความอยากของพ่อแม่ อยากเสพสุขกันด้วย อยากมีเราด้วย
ประเด็นก่อน – “เราเกิดมาเพราะเราอยากเกิดหรอคะ” เป็นการอ้างเหตุผลเพื่อให้ตนพ้นผิดโทษฐานไม่กตัญญู คือในเมื่อเราไม่ได้เกิดมาเพราะอยากเกิด เราก็ไม่มีหน้าที่จะต้องกตัญญู เราจึงไม่มีความผิดที่ไม่กตัญญู
แต่ประเด็นนี้ – “พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา” เป็นการชี้ความผิดกลับไปที่พ่อแม่ ก็เพราะพ่อแม่อยากมีเรามิใช่หรือเราจึงต้องเกิดมา แล้วยังจะมาเกณฑ์ให้เราต้องกตัญญูอีกหรือ เป็นความผิดของพ่อแม่เองแท้ๆ ยังจะมาโทษลูกว่าไม่กตัญญู เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ใช้ได้หรือ เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ยังจะให้เด็กนับถืออีกหรือ ทำตัวเองให้ดีก่อนเถิดจึงค่อยมาเรียกร้องความกตัญญู ฯลฯ
สะใจไหม-ท่านผู้ที่ยกย่องชื่นชมความคิดเด็ก
จะเข้าใจประเด็นนี้ให้ถูกกับความเป็นจริง จะต้องถอยไปตั้งหลักกันที่ “วิสัยโลก”
ผมขอจับหลักที่คำอันท่านผูกเป็นคำบาลีว่า –
……………………………..
อาหารนิทฺทา ภยเมถุญฺจ
สามญฺญเมตปฺปสุภี นรานํ.
กิน นอน กลัว สืบพันธุ์
มีเสมอกันทั้งคนและสัตว์
……………………………..
กิน นอน กลัว สืบพันธุ์ – ๔ ประการนี้ท่านว่าเป็นวิสัยโลก สิ่งมีชีวิตในโลกประพฤติการต่างๆ ตามวิสัยโลกทั้ง ๔ ประการนี้
อย่างการสืบพันธุ์ –
สัตว์มีการสืบพันธุ์
พืชก็มีการสืบพันธุ์
มนุษย์ก็ต้องมีการสืบพันธุ์
ถ้าไปถามสัตว์ว่า ที่เจ้าสมสู่กันนั้นเพราะเจ้า “อยากมีลูก” ใช่ไหม?
ถ้าสัตว์ตอบได้ มันก็จะต้องตอบว่า หามิได้เลย ข้าสมสู่กันก็เพราะข้า “อยากสมสู่” เท่านั้น ไม่ใช่อยากมีลูก
มีลูกเป็นผลมาจากการสมสู่ เมื่อสมสู่กันและปัจจัยพร้อม อยากมีลูกหรือไม่อยากมี มันก็ต้องมี
ไม่ใช่ว่าลูกเกิดมาเพราะความอยากมี
แต่เกิดมาเพราะมีการสมสู่
และที่มีการสมสู่ก็เพราะอยากสมสู่
ถ้าเอาคำถามเดียวกันนี้ไปถามต้นไม้ ก็จะเห็นชัดยิ่งขึ้น ต้นไม้มันผสมพันธุ์กันด้วยวิธีต่างๆ ตามวิสัยของพืชชนิดนั้นๆ ไม่ใช่ว่ามันเอาความอยากมีลูกหรือแม้แต่อยากผสมพันธุ์เป็นเกณฑ์เป็นที่ตั้ง เพราะต้นไม้มันไม่มีความรู้สึกอยากหรือไม่อยากเหมือนที่สัตว์มีหรือที่มนุษย์มี (เว้นแต่นักวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ยืนยันว่าต้นไม้ก็มี “ความรู้สึกอยาก” ก็ค่อยว่ากันอีกที)
นี่คือข้อพิสูจน์ว่า การสืบพันธุ์เป็นวิสัยโลกโดยแท้
แต่เมื่อว่าเฉพาะมนุษย์ ควรพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะมนุษย์มีคุณธรรมเหนือกว่าสัตว์ ดังนั้น แม้ว่ามนุษย์จะสืบพันธุ์ตามวิสัยโลก แต่ก็อาจมีเจตนาบางอย่างนอกเหนือไปจากวิสัยโลกได้ด้วย
ก็คือ มนุษย์อาจสมสู่กันตามวิสัยโลกด้วย
พร้อมกันนั้นก็สมสู่กันเพราะ “อยากมีลูก” ด้วยก็ได้
เพราะฉะนั้น ที่บอกว่า “พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา” ก็อาจเป็นจริงได้
แต่ถึงดังนั้น ก็ต้องแยกพิจารณาเป็นคนๆ ไป –
(๑) จะเหมารวมว่าพ่อแม่ทุกคน (ไม่เว้นเลยแม้แต่คนเดียว) สมสู่กันเพราะอยากมีลูก ไม่ใช่เพราะทำตามวิสัยโลก ดังนี้ ย่อมไม่ถูกต้อง
(๒) จะบอกว่า พ่อแม่ทุกคน (ไม่เว้นเลยแม้แต่คนเดียว) สมสู่กันตามวิสัยโลกล้วนๆ ไม่ใช่เพราะอยากมีลูก ดังนี้ ก็ย่อมไม่ถูกต้องอีก
(๓) หรือแม้แต่จะบอกว่า พ่อแม่ทุกคน (ไม่เว้นเลยแม้แต่คนเดียว) สมสู่กันด้วยเหตุผล ๒ ประการควบคู่กันเสมอไปทุกกรณี คือตามวิสัยโลกด้วย และเพราะอยากมีลูกด้วย ดังนี้ ก็ย่อมไม่ถูกต้องอีกเช่นกัน
ที่ต้องแยกแยะชัดๆ อย่างนี้ก็เพื่อที่ว่า-เมื่อพูดว่า “พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา” จะได้แยกให้เข้าประเด็นได้ถูกต้อง ไม่ใช่พูดคลุมๆ ไป แล้วสรุปเอาเองว่านั่นเป็นคำพูดที่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยากจะยืนยันคำพูดนี้ (พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา -พ่อแม่อยากมีลูก) ว่าจริงตามนี้ ทางเดียวที่พิสูจน์ได้ก็คือ-ต้องไปถามตัวพ่อแม่ของแต่ละคนเป็นรายๆ ไปว่า พ่อแม่ของใครสมสู่กันด้วยเหตุผลตามข้อไหนใน ๓ ข้อที่แยกแยะไว้นั้น
แต่เมื่อตรึกตรองดูแล้วก็อาจบอกได้ว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาจากการสมสู่กันตามวิสัยโลกของพ่อแม่ และมีความเป็นไปได้ว่า –
๑ บางคนเกิดมาเพราะพ่อแม่ตั้งใจให้เกิด
๒ บางคนเกิดมาโดยที่พ่อแม่สมสู่กันตามวิสัยโลก ไม่ได้หวังตั้งใจที่จะให้ลูกมาเกิดเหมือนในข้อแรก แต่ก็ไม่ได้เกียดกันฉันทาที่จะไม่ให้ลูกมาเกิดด้วยประการใดๆ เมื่อลูกมาเกิดก็ตั้งใจเลี้ยงดูไม่ต่างไปจากพ่อแม่ที่ตั้งใจมีลูกไปตั้งแต่แรกนั้นเลย
๓ บางคนพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิด ทั้งพยายามเกียดกันด้วยประการต่างๆ บางทีถึงกับกระทำการที่จะไม่ให้เด็กที่มาปฏิสนธินั้นรอดชีวิต แต่จะด้วยเหตุไรก็ตาม ลูกก็เกิดมาและรอดชีวิตอยู่จนได้
ลูกตามข้อ ๓ นี้ยังอาจแบ่งได้เป็น ๒ พวก คือ –
พวกหนึ่ง พ่อแม่เกียดกันทุกวิธีแล้ว (ไม่ประสงค์จะให้เกิด) แต่เมื่อในที่สุดลูกรอดชีวิต พ่อแม่ก็รักและเลี้ยงดูไม่ต่างไปจากลูกที่พ่อแม่ตั้งใจให้เกิดตั้งแต่แรกนั้นเลย
พ่อแม่ส่วนมากเป็นประเภทนี้
อีกพวกหนึ่ง พ่อแม่เกียดกันทุกวิธีเหมือนกัน แต่เมื่อลูกเกิดก็ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงดู อย่างที่เราได้ยินข่าวว่าคลอดแล้วเอาลูกไปทิ้งไว้ที่นั่นที่นี่ หรือแม้เลี้ยงเองก็ไม่รักไม่เอาใจใส่ อาจถึงกับเกลียดเอาด้วยซ้ำ
พ่อแม่ส่วนน้อยที่เป็นแบบนี้
ดังนั้น ใครที่บอกว่า “พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา” ต้องตอบคำถามนี้ด้วยตัวเองโดยเอาข้อเท็จจริงจากพ่อแม่แต่ละคนแต่ละกรณีมาตอบ จะเหมารวมไม่ได้ว่า เราเกิดมาเพราะพ่อแม่ทุกคน (ไม่เว้นเลยแม้แต่คนเดียว) อยากให้เราเกิด
………..
มีหลักวิชาว่าด้วยองค์ประกอบที่ทำให้มนุษย์มาเกิด เห็นสมควรนำมาเสนอไว้เป็นความรู้เล็กน้อย
ในมหาตัณหาสังขยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พระไตรปิฎกเล่ม ๑๒ ข้อ ๔๕๒ มีพระพุทธพจน์ตรัสถึงกระบวนการกำเนิดมนุษย์ หรือเหตุที่ทำให้สตรีตั้งครรภ์ ว่ามีองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ –
(๑) มาตาปิตโร สนฺนิปติตา โหนฺติ.
แปลตามศัพท์ว่า “มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน” หมายถึงชายหญิงร่วมเสพสังวาสกัน หรือเชื้อกำเนิดของชายหญิงผสมกันด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง
(๒) มาตา อุตุนี โหติ.
แปลว่า “มารดามีระดู” หมายถึงฝ่ายหญิงมีไข่สุกในระยะพร้อมที่จะผสม และหมายรวมถึงเชื้อกำเนิดของชายหญิงมีคุณสมบัติสมบูรณ์ คือไม่เป็นหมัน
(๓) คนฺธพฺโพ ปจฺจุปฏฺฐิโต โหติ.
แปลว่า “มีคันธัพพะเข้ามาปรากฏเฉพาะหน้า” หมายถึงมีวิญญาณที่ได้ทำกรรมอันจะนำไปเกิดมาถือปฏิสนธิร่วมด้วย
มีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า –
๑ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน แต่มารดายังไม่มีระดู และวิญญาณที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ การตั้งครรภ์ก็มีไม่ได้
๒ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู แต่วิญญาณที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ การตั้งครรภ์ก็มีไม่ได้
๓ มารดาบิดาอยู่ร่วมกันด้วย มารดามีระดูด้วย วิญญาณที่จะมาเกิดก็ปรากฏด้วย เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการอย่างนี้ การตั้งครรภ์จึงมี
………..
พระสูตรนี้เป็นอันยืนยันว่า แม้พ่อแม่อยากจะมีเรา แต่ถ้าเรา-คือ “คนฺธพฺโพ” หรือวิญญาณที่จะเกิด ไม่มาปฏิสนธิ ต่อให้อยากมีแค่ไหน ต่อให้สมสู่กันจนตาย ก็ไม่สำเร็จ เราต้องอยากเกิดด้วยจึงจะสำเร็จ
แต่เรื่องนี้ต้องมองให้ครบทุกมุม —
แม้เราจะอยากเกิดสักเพียงไรก็ตาม ถ้าพ่อแม่ไม่สมสู่กัน หรือสมสู่กันแต่แม่ไม่ระดู ต่อให้อยากเกิดแค่ไหน ต่อให้สมสู่กันจนตาย ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกัน แม่ต้องมีระดูด้วย เราก็ต้องอยากเกิดด้วยจึงจะสำเร็จ
เรื่องนี้ ถ้าใช้ภาษาที่นิยมใช้ในการกล่าวหาเป็นคดีความ ก็ต้องพูดว่า-เป็นการสมรู้ร่วมคิดกัน
แล้วจะกล่าวโทษ “พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา” ข้างเดียวได้อย่างไร
ถ้าจะกล่าวโทษกัน ก็ต้องพูดด้วยว่า “เรารึป่าวที่อยากเกิด” อย่างนี้-จึงจะเป็นธรรม
………..
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่ว่าพ่อแม่จะอยากให้เราเกิดหรือไม่อยากให้เราเกิด และไม่ว่าตัวเราเองจะอยากเกิดหรือไม่อยากเกิด เราก็เกิดมาเรียบร้อยแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้
ที่ควรคิดก็คือ ต่อไปนี้เราควรจะทำอะไร และจะทำอย่างไร จึงจะเกิดผลดีที่สุดกับชีวิตเรา
นี่เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าและสำคัญกว่าที่จะมัวกล่าวโทษกันและกัน หรือคิดเรียกร้องให้พ่อแม่รับผิดชอบชดใช้โทษฐานอยากให้เราเกิดดังที่กำลังกล่าวหากันอยู่
ตอนต่อไป
………………………….
๕ เพราะความอยากมีเราของเขา ทำให้เราลำบากแบบตอนนี้ไม่ใช่หรอ
………………………….
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๗ ธันวาคม ๒๕๖๓
๑๗:๑๗
……………………………….
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๔) (1)
……………………………….
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๔) (3)
……………………………….