อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๑)
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๑)
———————–
นำร่อง
…………………….
หมายเหตุ:
เรื่องที่ญาติมิตรจะได้อ่านต่อไปนี้ ผมตั้งเค้าโครงที่จะเขียนมาตั้งแต่ราวๆ เดือนกันยายน-ตุลาคม ๒๕๖๓ คือตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นข้อความตามภาพประกอบที่มีผู้นำมาเผยแพร่ แต่ยังไม่ได้เขียนเพราะสาเหตุที่ผมเรียกว่า “กำลังน้ำเชี่ยวลมแรง” อย่างหนึ่ง และมีภารกิจจำเป็นอื่นๆ มาแทรกแซงอยู่เนืองๆ อย่างหนึ่ง แต่ก็ได้ลงมือเขียนตอนแรกที่เป็น “นำร่อง” หรือบทนำไปบ้างแล้ว และตั้งใจไว้ว่าจะพยายามเขียนให้หมดทุกประเด็นที่ตั้งไว้
เหตุผลที่เขียนมีเป็นประการใด ปรากฏอยู่แล้วในบทนำร่องต่อไปนี้
…………………….
ตอนที่มี “เด็ก” ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อเร็วๆ นี้ เราคงได้ยินคำพูดคำหนึ่งที่ว่า “อย่าดูถูกความคิดเด็ก”
แล้วก็มีคนเสริมอีกด้วยว่า “ผู้ใหญ่ตามเด็กไม่ทัน”
หมายความว่า เด็กคิดถูก คิดดี คิดเร็ว คิดไกล จนผู้ใหญ่ (โง่ๆ) ตามไม่ทัน เพราะฉะนั้น จึงมีคำปรามว่า-อย่าดูถูกความคิดเด็ก
คำว่า “อย่าดูถูก” นั้น มีนัยไปถึงว่า-ควรยอมรับนับถือด้วย-ว่าความคิดของเด็กนั้นถูกต้อง
ถ้าตัดความเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ออก ผมว่าเนื้อตัวแท้ๆ ที่น่าสนใจคือ “ความคิด”
แต่เราไม่ค่อยจะได้จับเอาตัวความคิดมาพินิจพิจารณากันสักเท่าไร
ส่วนใหญ่ก็ตื่นเต้นไปกับการที่เด็กออกมาแสดงความคิดเห็น
แทบไม่ได้สนใจด้วยซ้ำไปว่า-เด็กคิดเองหรือใครช่วยคิด-หรือใครบอกให้คิด
ถ้าจะว่ากันตรงๆ ก็คือ เราสะใจที่มีเด็กออกมาด่าคนที่เราเกลียด
จนแทบจะลืมฟังว่า-ด่าว่าอย่างไร
น้ำหนักจึงไปอยู่ที่ –
ใครด่า
ด่าใคร
ถ้าเปลี่ยนคำว่า “ความคิด” เป็น “ด่า”
ถ้าคำด่านั้นถูกต้อง ด่าคนที่เราเกลียด ถูก
ด่าคนที่เรารัก ก็ต้องถูกด้วย
ถ้าสมมุติว่าเด็กคนเดียวกันนี้หรือกลุ่มเดียวกันนี้ไปด่าคนที่เรารักเข้า
คราวนี้เรายังจะยืนยันอยู่หรือไม่ว่า – “อย่าดูถูกความคิดเด็ก”?
เพราะฉะนั้น เรามาสนใจตัว “ความคิด” นั้นกันสักหน่อยดีกว่า
ตัดปัญหา-ใครคิด ออกไป
ดูกันเฉพาะ-คิดอะไร
ถ้าความคิดนั้นถูกต้อง ใครคิดก็ถูกทั้งนั้น
ถ้าความคิดนั้นผิด ใครคิดก็ผิดทั้งนั้น
จับหลักนี้ไว้นะครับ
………………..
ภาพที่นำมาประกอบเรื่อง (อันที่จริงเป็นตัวหลักของเรื่อง ไม่ใช่ตัวประกอบ) เป็นภาพที่เราได้เห็นโดยทั่วกันมาแล้ว
จนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครออกมาปฏิเสธว่า นี่ไม่ใช่ความคิดของเด็กที่ออกมาแสดงความคิดกันเมื่อวันนั้น หรือบอกว่าเป็นภาพตัดต่อ หรือเป็นภาพปลอม
เพราะฉะนั้น ก็ต้องถือว่านี่คือ “ความคิดของเด็ก” ที่คิดขึ้นในครั้งนี้จริงๆ
ขอคัดข้อความในภาพมาไว้ตรงนี้เพื่อสะดวกในการอ่านและอ้างอิง
(วรรคตอนตามต้นฉบับ)
……………………………..
กตัญญูแปลว่าอะไรคะ ทำไม
เราต้องเอาความกตัญญูมา
เป็นพื้นฐานด้วยคะ กับ
ครอบครัวเราเกิดมาเพราะเรา
อยากเกิดหรอคะ พ่อแม่รึป่าว
ที่อยากมีเรา เพราะความ
อยากมีเราของเขา ทำให้เรา
ลำบากแบบตอนนี้ไม่ใช่หรอ
กับครูเราจ่ายค่าเทอมแลก
การศึกษาค่ะ เพราะงั้นมาทวง
บุนคุนไม่ได้ และถ้ากับแผ่น
ดินคิดว่าไม่มีค่ะ
……………………………..
แบ่งวรรคตอนใหม่ให้เป็นประโยคตรงตามประเด็น
……………………………..
๑ กตัญญูแปลว่าอะไรคะ
๒ ทำไมเราต้องเอาความกตัญญูมาเป็นพื้นฐานด้วยคะ
๓ กับครอบครัว เราเกิดมาเพราะเราอยากเกิดหรอคะ
๔ พ่อแม่รึป่าวที่อยากมีเรา
๕ เพราะความอยากมีเราของเขา ทำให้เราลำบากแบบตอนนี้ไม่ใช่หรอ
๖ กับครู เราจ่ายค่าเทอมแลกการศึกษาค่ะ
๗ เพราะงั้นมาทวงบุนคุนไม่ได้
๘ และถ้ากับแผ่นดิน คิดว่าไม่มีค่ะ
……………………………..
ขอทำความเข้าใจไว้แต่เบื้องต้นก่อนเลยว่า ความคิดที่ผมแบ่งออกได้ทั้ง ๘ ประเด็นนี้ เด็กมีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จะคิด
และเด็กมีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จะยึดถือยืนยันมั่นใจว่าทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่ถูกต้อง
ไม่มีใครหน้าไหนมีอำนาจที่จะมาห้ามคิด หรือมาดูถูก หรือแม้แต่จะมาบอกว่าเป็นความคิดที่ผิด
ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเพียงความคิดของผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งก็เคยเป็นเด็กมาก่อน
ใครที่บอกว่า “อย่าดูถูกความคิดเด็ก” และถ้าใครคนนั้นมีใจเป็นธรรมก็ควรกล้าที่บอกด้วยว่า “อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่”
และโปรดระลึกว่า เราจะพูดกันเฉพาะ “ตัวความคิด” เท่านั้น ไม่ลากเอา “ตัวคนคิด” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หมายความว่า เราพูดได้ว่า “มีคนที่คิดแบบนี้” แต่ไม่มีนาย ก นาย ข เด็กชาย เอ เด็กหญิง บี ที่จะต้องออกมารับผิดหรือรับชอบเป็นรายบุคคลหรือที่จะถูกลากเอามาเกี่ยวข้องด้วย
วิธีนี้เราจะปลอดจากการกระทบกระทั่งตัวบุคคล
ในฐานะเป็นตัวบุคคล เรายังคงเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เมื่อยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏก็เปลี่ยนไม่ได้ ใครเป็นพ่อแม่ลูกเป็นครูเป็นศิษย์กัน หรือเป็นคนไทยเป็นคนที่เกิดในแผ่นดินไทยในชาตินี้ ก็เป็นไปเรียบร้อยแล้ว แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่ความคิดหรือความเห็น เปลี่ยนได้
เมื่อเข้าใจกรอบขอบเขตตรงกันแล้ว ต่อไปนี้ก็จะเป็นความคิดเห็นของผมที่มีต่อประเด็นทั้ง ๘ นั้น
เบื้องต้น ขอพูดเป็นภาพรวมไว้ก่อนว่า “ความคิดเด็ก” ทั้ง ๘ ประเด็นนั้นกระทบโดยตรงกับคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งศัพท์วิชาการเรียกว่า “ปรัปวาท”
“ปรัปวาท” อ่านว่า ปะ-รับ-ปะ-วาด พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต บอกความหมายไว้ว่า –
(๑) คำกล่าวของคนพวกอื่นหรือลัทธิอื่น
(๒) คำกล่าวโทษคัดค้านโต้แย้งของคนพวกอื่น
(๓) หลักการของฝ่ายอื่น
(๔) ลัทธิภายนอก
(๕) คำสอนที่คลาดเคลื่อนหรือวิปริตผิดเพี้ยนไปเป็นอย่างอื่น
พจนานุกรมบาลี – อังกฤษ ของ ริส เดวิดส์ (The Pali text society’s Pali-English dictionary edited by T. W. RHYS DAVIDS) แปล “ปรปฺปวาท” ว่า disputation with another, challenge, opposition in teaching (การโต้เถียงกับผู้อื่น, การท้าทาย, การขัดกันในการสอน)
พูดง่ายๆ ถ้าเอาคำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นตัวตั้ง –
พระพุทธศาสนาสอนว่าอย่างนี้ๆ
มีคนบอกว่า ไม่ใช่ ไม่จริง ไม่เป็นจริงตามที่สอน
นั่นแหละคือ “ปรัปวาท”
ดังนั้น ถ้ามองว่าประเด็นทั้ง ๘ นั้นเป็นปรัปวาท ชาวพุทธก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันอธิบายชี้แจง
จนถึงวันนี้ – เท่าที่ผมสดับตรับฟัง – ยังไม่มีใครออกมาอธิบายชี้แจงประเด็นความคิดทั้ง ๘ ข้อนั้นว่าถูกผิดประการใด
เป็นเรื่องน่าคิด ปรัปวาทเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ไม่มีใครกล้าอธิบาย
จะว่าไม่รู้ไม่เห็น ก็ไม่ใช่ เพราะความข้อนั้นเผยแพร่ปรากฏอยู่ทั่วไป
จะว่า-อ่านไม่ออก บอกไม่ถูก ฟังไม่เป็น คิดไม่เห็น จึงไม่รู้สึกว่านี่เป็น “ปรัปวาท” ก็อาจเป็นได้
จะว่า-ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเก็บเอามาคิดเอามาพูด ก็อาจใช่อีก
หรือจะว่า-กลัว ก็อาจเป็นได้
แล้วผมไม่กลัวทัวร์ลงหรือแร้งลงอีกหรือ
ตอบได้เลยครับว่า ผมไม่กลัว
ที่ไม่กลัวเพราะผมไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กคนไหนทั้งนั้น
แต่ผมพร้อมจะเป็นศัตรูกับ “ความคิดที่เป็นปรัปวาท”
และแน่นอน ขอย้ำ-ที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ไม่ใช่เป็นการชี้หน้าด่าว่าความคิดแบบนั้นผิด
แต่เป็นการอธิบายว่า เรื่องนั้นๆ มีความหมายว่าอย่างไร
ตัดออกไปว่าใครเป็นผู้ใหญ่ใครเป็นเด็ก
ตัดออกไปว่าใครแข็งแรงใครอ่อนแอ
ตัดออกไปว่าใครสามารถรุมกระทืบใครได้เก่งกว่ากัน
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผล เพราะฉะนั้น เอาความคิด เอาเหตุผลที่คิดแบบนั้น มาสู้กันล้วนๆ
เอาชนะกันด้วยเหตุผล
ไม่ใช่ใครด่าเก่งกว่า เสียงดังกว่า หรือพวกมากกว่า
เมื่อเข้าใจตรงกันและพร้อมแล้ว เชิญสดับ
………….
ตอนต่อไป
………………………….
๑ กตัญญูแปลว่าอะไรคะ
………………………….
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๓ ธันวาคม ๒๕๖๓
๑๑:๑๑
……………………………….
อย่าดูถูกความคิดผู้ใหญ่ (๒)
……………………………….