ความจริงของโลก
ความจริงของโลก
………………………………..
หากินกับความโง่ของมนุษย์
เป็นยอดกลยุทธ์มาทุกยุคสมัย
………………………………..
พระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะท่านเคยเป็นศิษย์สำนักอาจารย์สัญชัยมาก่อน
อาจารย์สัญชัยสมัยพุทธกาลนะครับ ไม่ใช่อาจารย์สัญชัยไหนๆ ในเมืองไทย
อาจารย์สัญชัยสมัยพุทธกาลเป็นเจ้าสำนักใหญ่ ติดอันดับ ๑ ใน ๖ ของยอดเจ้าสำนักในสมัยนั้น
ทั้งสองท่านศึกษวิทยายุทธในสำนักอาจารย์สัญชัยจบแล้ว รู้สึกว่ายังไม่เก้ต ก็เลยคิดจะเบนเข็มไปทางอื่น ได้ทำสัญญาสุภาพบุรุษกันไว้ว่าใครพบอาจารย์เจ๋งๆ ที่ไหน ก็ให้บอกกันด้วย
ต่อมาพระสารีบุตรได้พบพระอัสสชิซึ่งเป็นพระอรหันต์รุ่นแรกหรือ “รุ่นหนึ่ง” ได้ฟังธรรมที่พระอัสสชิแสดงก็ได้บรรลุโสดาฯ เอาธรรมนั้นไปแสดงให้สหายโมคคัลลานะฟังก็บรรลุโสดาฯ ไปอีกคนหนึ่ง ก็เลยตกลงใจย้ายสำนัก
ก่อนจากก็ยังคิดถึงอาจารย์เก่า จึงเข้าไปลาแล้วถือโอกาสชวนอาจารย์ให้ไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเสียด้วย
เรื่องที่ศิษย์เอกอยากจะไปศึกษาที่สำนักอื่นนั้นอาจารย์สัญชัยก็รู้ดี พอเห็นทั้งคู่เข้ามาหาก็เปิดฉากสนทนากันขึ้น
เป็นบทสนทนาที่มีชื่อเสียงอันแสดงความจริงของโลก
ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาที่คัดมาจากคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ขออนุญาตยกคำบาลีมากำกับไว้ด้วย
ท่านที่ไม่ถนัดบาลีก็อ่านเฉพาะคำแปล
แต่ถ้าสนใจก็ถือโอกาสเรียนภาษาบาลีไปในตัวได้เลยนะครับ
————
สญฺชโย เต ทิสฺวา กึ ตาตา โกจิ โว อมตมคฺคเทสโก ลทฺโธติ ปุจฺฉิ.
อาจารย์สัญชัยพอเห็นศิษย์ทั้งสองก็ถามว่า พ่อทั้งสองได้พบใครที่แสดงทางอมตะแล้วหรือ?
อาม อาจริย ลทฺโธ
ได้แล้วขอรับ ท่านอาจารย์
พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน
พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก
ธมฺโม อุปฺปนฺโน
พระธรรมก็อุบัติขึ้นแล้ว
สงฺโฆ อุปฺปนฺโน
พระสงฆ์ก็อุบัติขึ้นแล้ว
ตุมฺเห ตุจฺเฉ อสาเร วิจรถ
ท่านอาจารย์ประพฤติสิ่งที่ว่างเปล่าไร้สาระ
เอถ สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามาติ.
เราไปยังสำนักพระศาสดากันเถิด
อาจารย์สัญชัยตอบว่า
คจฺฉถ ตุมฺเห อหํ น สกฺขิสฺสามีติ.
เธอทั้งสองไปเถิด เราไม่สามารถจะไปได้
กึการณาติ.
เพราะเหตุไร?
อหํ มหาชนสฺส อาจริโย หุตฺวา วิจรึ
เราเป็นอาจารย์ของมหาชนมาแล้ว
ตสฺส เม อนฺเตวาสิกวาโส จาฏิยา อุทกจลนภาวุปฺปตฺติสทิโส
การที่จะไปเป็นศิษย์ของใครนั้นก็จะเหมือนน้ำกระฉอกในตุ่ม
น สกฺขิสฺสามหํ อนฺเตวาสิกวาสํ วสิตุนฺติ.
เราไม่สามารถอยู่เป็นศิษย์ของใครได้
สองสหายกล่าวว่า
มา เอวํ กริตฺถ อาจริยาติ.
อย่าทำอย่างนั้นเลย ท่านอาจารย์
อาจารย์สัญชัยยืนยันว่า
โหตุ ตาตา คจฺฉถ ตุมฺเห นาหํ สกฺขิสฺสามีติ.
ช่างเถอะพ่อ พ่อพากันไปเถอะ, เราไม่สามารถจะไปได้
สองสหายกล่าวว่า
อาจริย โลเก พุทฺธสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺฐาย
ท่านอาจารย์ นับตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
มหาชโน คนฺธมาลาทิหตฺโถ คนฺตฺวา ตเมว ปูเชสฺสติ
มหาชนก็มีแต่จะพากันถือของหอมระเบียบดอกไม้ไปบูชาพระองค์
มยํปิ ตตฺเถว คมิสฺสาม
แม้กระผมทั้งสองก็จักไปที่นั่นเหมือนกัน
ตุมฺเห กึ กริสฺสถาติ.
ท่านอาจารย์จะทำอย่างไร?
อาจารย์สัญชัยถามว่า
ตาตา กินฺนุ โข อิมสฺมึ โลเก ทนฺธา พหู อุทาหุ ปณฺฑิตาติ.
พ่อทั้งสอง โลกนี้มีคนโง่มากหรือมีคนฉลาดมาก?
ทนฺธา อาจริย พหู
คนโง่มากขอรับท่านอาจารย์
ปณฺฑิตา นาม กติปยาเอว โหนฺตีติ.
คนฉลาดมีเพียงเล็กน้อย
อาจารย์สัญชัยได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า
เตนหิ ตาตา
พ่อทั้งสอง ถ้ากระนั้น …
ปณฺฑิตา ปณฺฑิตา สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คมิสฺสนฺติ
พวกคนฉลาดๆ จักไปสู่สำนักพระสมณโคดม
ทนฺธา ทนฺธา มม สนฺติกํ อาคมิสฺสนฺติ
พวกคนโง่ๆ จักมาสำนักเรา
(เพราะฉะนั้น ใครจะไปหาใครมากกว่ากันก็ลองคำนวณดูเถิด!)
คจฺฉถ ตุมฺเห นาหํ คมิสฺสามีติ.
พ่อไปกันเถิด เราไม่ไปหรอก
เต ปญฺญายิสฺสถ ตุมฺเห อาจริยาติ ปกฺกมึสุ.
ท่านอาจารย์ แล้วท่านก็จะรู้เอง
สองสหายกล่าวดังนี้แล้วก็ลาไป.
ที่มา: สญฺชยวตฺถุ ธมฺมปทฏฐกถา (ปฐโม ภาโค) หน้า ๘๕-๘๖
————–
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามไปศึกษาเรียนรู้กันดูนะครับ ปักป้ายบอกทางไว้ให้แล้ว
คำพูดตอนหนึ่งของอาจารย์สัญชัยน่าสนใจมาก คือ
………………………………………..
ตสฺส เม อนฺเตวาสิกวาโส จาฏิยา อุทกจลนภาวุปฺปตฺติสทิโส
การที่จะไปเป็นศิษย์ของใครนั้นก็จะเหมือนน้ำกระฉอกในตุ่ม
………………………………………..
คำว่า “จาฏิยา อุทกจลนภาวุปฺปตฺติสทิโส” แปลตามสำนวนทองย้อยว่า “เหมือนน้ำกระฉอกในตุ่ม”
สมัยผมเรียนชั้น ป.ธ.๓ แปลเรื่องนี้ก็มุ่งแต่จะแปลศัพท์ออกมาให้ได้ ไม่ได้คำนึงถึง “อรรถรส” ของภาษา
ขอเชิญนักเรียนบาลีช่วยกันขบนะครับ “จาฏิยา อุทกจลนภาวุปฺปตฺติสทิโส – เหมือนน้ำกระฉอกในตุ่ม” มีความหมายว่าอย่างไร
เรียนบาลีนั้นความอร่อยอยู่ตรงที่อรรถรสของภาษา
เจอสำนวนแปลกๆ ถ้าขบแตก ก็อร่อย
ถ้าขบไม่แตก หรือไม่รู้จักขบ
ถึงจะเรียนจบ ก็จบแบบกร่อยๆ
พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕
๑๐:๕๙
…………………………….
…………………………….