เตละ (บาลีวันละคำ 3,939)
เตละ
1 ในเภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ
อ่านว่า เต-ละ
“เตละ” เขียนแบบบาลีเป็น “เตล” อ่านว่า เต-ละ รากศัพท์มาจาก ติล + ณ ปัจจัย
(๑) “ติล”
อ่านว่า ติ-ละ รากศัพท์มาจาก ติลฺ (ธาตุ = ยาง, น้ำมัน) + อ (อะ) ปัจจัย
: ติลฺ + อ = ติล (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่มีน้ำมัน” หมายถึง เมล็ดงา
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “ติล” ว่า –
(1) the sesame plant & its seed (ต้นงาและเมล็ดงา)
(2) usually the latter, out of which oil is prepared (โดยปกติหมายถึงเมล็ดงาซึ่งเอาไปทำเป็นน้ำมัน)
(3) Sesamum Indicum (พืชเมล็ดงา)
(๒) ติล + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, แผลง อิ ที่ ติ-(ล) เป็น เอ (ติล > เตล)
: ติล + ณ = ติลณ > ติล > เตล (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “น้ำที่เกิดจากเมล็ดงา” หมายถึง น้ำมัน (สันนิษฐานว่า เดิมเรียกน้ำมันว่า “เตล” เพราะคั้นจากเมล็ดงา ต่อมาแม้จะคั้นจากพืชชนิดอื่นหรือจากเปลวสัตว์ ก็เลยเรียกว่า “เตล” ติดปากมา)
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “เตล” ว่า oil [prepared from tila seeds], oil in general (น้ำมัน [ซึ่งทำจากเมล็ดงา], น้ำมันทั่วๆ ไป)
บาลี “เตล” สันสกฤตกเป็น “ไตล”
สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –
(สะกดตามต้นฉบับ)
“ไตล, ไตลํ : (คำนาม) น้ำมัน; น้ำมันอันคั้นออกจากเมล็ดงา, เมล็ดมะเขือเทศ, ฯลฯ; ก๋ายาน, สรรชรส ( =สรฺชรส) หรือธูป; oil; oil expressed from sesamum, mustard, &c.; storax, gumbenzoin, incense, or olibanum.”
บาลี “เตล” เขียนแบบไทยเป็น “เตละ”
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“เตละ : (คำแบบ) (คำนาม) นํ้ามันงา, นํ้ามัน. (ป.).”
…………..
ในพระวินัยปิฎก ให้คำจำกัดความคำว่า “เตละ” ไว้ดังนี้ –
…………..
เตลํ นาม ติลเตลํ สาสปเตลํ มธุกเตลํ เอรณฺฑเตลํ วสาเตลํ ฯ
ที่ชื่อว่า “เตละ” ได้แก่ น้ำมันที่สกัดออกจากเมล็ดงา จากเมล็ดพันธุ์ผักกาด จากเมล็ดมะซาง จากเมล็ดละหุ่ง หรือจากเปลวสัตว์
ที่มา: โภชนวรรค สิกขาบทที่ 9
วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 518
…………..
ขยายความ :
ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตในพระพุทธศาสนา เมื่อแรกที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ มี 4 อย่าง ที่เราเรียกรู้กันว่า “จตุปัจจัย” หรือ “ปัจจัยสี่” คือ :
(๑) ปิณฑิยาโลปโภชนะ : โภชนะที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง คือเที่ยวบิณฑบาต
(๒) บังสุกุลจีวร : ผ้านุ่งห่มทำจากผ้าที่เขาทิ้งแล้ว
(๓) รุกขมูลเสนาสนะ : ที่อยู่อาศัยคือโคนไม้
(๔) ปูติมุตตเภสัช : ยารักษาโรคคือน้ำมูตรดอง
ต่อมา ทรงอนุญาตปัจจัยพิเศษในแต่ละอย่างเพิ่มขึ้นจากเดิม เรียกว่า “อดิเรกลาภ” กล่าวคือ :
(๑) ภัตตาหารที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ อุโปสถิกํ ปาฏิปทิกํ” = ภัตถวายสงฆ์ ภัตเฉพาะสงฆ์ การนิมนต์ ภัตถวายตามสลาก ภัตถวายในปักษ์ ภัตถวายในวันอุโบสถ์ ภัตถวายในวันปาฏิบท ถ้ามีภัตเหล่านี้เกิดขึ้น จะไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้
(๒) ผ้าที่เป็นอติเรกลาภ คือ “โขมํ กปฺปาสิกํ โกเสยฺยํ กมฺพลํ สาณํ ภงฺคํ” = ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าป่าน ผ้าเจือกัน. (เช่นผ้าด้ายแกมไหม) ถ้ามีผู้ถวายผ้าเหล่านี้ จะใช้สอยก็ได้
(๓) ที่อยู่อาศัยที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา” = วิหาร เรือนมุงแถบเดียว เรือนชั้น เรือนโล้น ถ้ำ ถ้าได้ที่อยู่เช่นนี้ หรือมีผู้ทำที่อยู่เช่นนี้ถวาย จะอาศัยอยู่ก็ได้
(๔) เภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ” = เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ถ้ามีผู้ถวายเภสัชเหล่านี้ จะบริโภคก็ได้
…………..
“น้ำมัน” 1 ในเภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ คำบาลีว่า “เตล” มีความหมายดังแสดงมาข้างต้น
…………..
ดูก่อนภราดา!
น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได
: คนพาลกับบัณฑิตเข้ากันไม่ได้
: แต่อยู่กันฉันเพื่อนร่วมโลกได้
#บาลีวันละคำ (3,939)
26-3-66
…………………………….
…………………………….