บาลีวันละคำ

มธุ (บาลีวันละคำ 3,940)

มธุ

1 ในเภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ

อ่านว่า มะ-ทุ

มธุ” รากศัพท์มาจาก –

(1) มธฺ (ธาตุ = สดชื่น) + อุ ปัจจัย

: มธฺ + อุ = มธุ แปลตามศัพท์ว่า “น้ำที่สดชื่น

(2) มนฺ (ธาตุ = รู้) + อุ ปัจจัย, แปลง เป็น

: มนฺ + อุ = มนุ > มธุ แปลตามศัพท์ว่า “น้ำอันผู้ดื่มรู้ว่าหวาน

มธุ” (นปุงสกลิงค์) หมายถึง น้ำผึ้ง (honey)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “มธุ” ว่า 

มธุ

บาลี “มธุ” สันสกฤตก็เป็น “มธุ

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน เก็บคำว่า “มธุ” ไว้ 3 คำ บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

(1) มธุ : (คำวิเศษณ์) หวาน, ไพเราะ, เสนาะ, จับใจ; sweet.

(2) มธุ : (คำนาม) น. น้ำผึ้ง; น้ำดอกไม้; สุรา; น้ำ; นม; น้ำตาล; ความหวาน-ไพเราะ-เสนาะ-จับใจ-หรือชุ่มชื้น (ดุจอารมณ์), เดือนไจตฺระ; ฤดูฝน; อโศกพฤกษ์; honey; the nectar of flowers; spirituous liquor; water; milk; sugar; sweetness, in flavour, sound, or disposition; the month Chaitra; spring, the rainy season; the Asoka-tree.

(3) มธุ : (คำนาม) รากมธุ, รากอ้อยสามสวน (หรือสมุนไพรอย่างหนึ่งซึ่งมีรสหวานดังน้ำผึ้ง); the Madhu-root or liquorice.

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

มธุ : (คำนาม) นํ้าหวาน, นํ้าผึ้ง. (ป., ส.).”

…………..

ในพระวินัยปิฎก ให้คำจำกัดความคำว่า “มธุ” ไว้ดังนี้ –

…………..

มธุ  นาม  มกฺขิกามธุ  ฯ

ที่ชื่อว่า “มธุ” ได้แก่ รสหวานที่แมลงผึ้งทำ

ที่มา: โภชนวรรค สิกขาบทที่ 9 

วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 2 ข้อ 518

…………..

คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ยกคำว่า “มธุ  นาม  มกฺขิกามธุ” มาขยายความไว้ดังนี้

…………..

มธุ  นาม  มกฺขิกามธูติ  มธุกรีหิ  นาม  มธุมกฺขิกาหิ  ขุทฺทกมกฺขิกาหิ  ภมรมกฺขิกาหิ  จ  กตํ  มธุ ฯ  

คำว่า มธุ  นาม  มกฺขิกามธุ หมายถึง น้ำหวานที่พวกแมลงทำไว้ คือผึ้งใหญ่ ผึ้งเล็ก และจำพวกแมลงภู่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแมลงทำน้ำหวาน (น้ำผึ้ง) 

ตํ  ปุเรภตฺตํ  ปฏิคฺคหิตํ  ปุเรภตฺตํ  สามิสปริโภคํปิ  วฏฺฏติ  ฯ

น้ำผึ้งนั้นภิกษุรับประเคนก่อนเที่ยง แม้จะปนกับของอื่น (คือมีของกินอื่นๆ ผสมด้วย) ในเวลาก่อนเที่ยงก็ฉันได้

ปจฺฉาภตฺตโต  ปฏฺฐาย  สตฺตาหํ  นิรามิสปริโภคเมว  วฏฺฏติ  ฯ

แต่หลังเที่ยงไปแล้วตลอด 7 วัน ต้องไม่มีของอื่นปนจึงจะฉันได้ 

ที่มา: สมันตปาสาทิกา ภาค 2 หน้า 258

…………..

ขยายความ :

ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตในพระพุทธศาสนา เมื่อแรกที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ มี 4 อย่าง ที่เราเรียกรู้กันว่า “จตุปัจจัย” หรือ “ปัจจัยสี่” คือ :

(๑) ปิณฑิยาโลปโภชนะ : โภชนะที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง คือเที่ยวบิณฑบาต

(๒) บังสุกุลจีวร : ผ้านุ่งห่มทำจากผ้าที่เขาทิ้งแล้ว 

(๓) รุกขมูลเสนาสนะ : ที่อยู่อาศัยคือโคนไม้ 

(๔) ปูติมุตตเภสัช : ยารักษาโรคคือน้ำมูตรดอง 

ต่อมา ทรงอนุญาตปัจจัยพิเศษในแต่ละอย่างเพิ่มขึ้นจากเดิม เรียกว่า “อดิเรกลาภ” กล่าวคือ :

(๑) ภัตตาหารที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “สงฺฆภตฺตํ  อุทฺเทสภตฺตํ  นิมนฺตนํ  สลากภตฺตํ  ปกฺขิกํ  อุโปสถิกํ  ปาฏิปทิกํ” = ภัตถวายสงฆ์ ภัตเฉพาะสงฆ์ การนิมนต์ ภัตถวายตามสลาก ภัตถวายในปักษ์ ภัตถวายในวันอุโบสถ์ ภัตถวายในวันปาฏิบท ถ้ามีภัตเหล่านี้เกิดขึ้น จะไม่ต้องไปบิณฑบาตก็ได้ 

(๒) ผ้าที่เป็นอติเรกลาภ คือ “โขมํ  กปฺปาสิกํ  โกเสยฺยํ  กมฺพลํ  สาณํ  ภงฺคํ” = ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าป่าน ผ้าเจือกัน. (เช่นผ้าด้ายแกมไหม) ถ้ามีผู้ถวายผ้าเหล่านี้ จะใช้สอยก็ได้

(๓) ที่อยู่อาศัยที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “วิหาโร  อฑฺฒโยโค  ปาสาโท  หมฺมิยํ  คุหา” = วิหาร เรือนมุงแถบเดียว เรือนชั้น เรือนโล้น ถ้ำ ถ้าได้ที่อยู่เช่นนี้ หรือมีผู้ทำที่อยู่เช่นนี้ถวาย จะอาศัยอยู่ก็ได้

(๔) เภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ คือ “สปฺปิ  นวนีตํ  เตลํ  มธุ  ผาณิตํ” = เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ถ้ามีผู้ถวายเภสัชเหล่านี้ จะบริโภคก็ได้

…………..

“น้ำผึ้ง” 1 ในเภสัชที่เป็นอดิเรกลาภ คำบาลีว่า “มธุ” มีความหมายดังแสดงมาข้างต้น

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ถ้าไม่มีน้ำผึ้งแท้ บางทีก็ใช้น้ำผึ้งเทียมได้บ้าง

: ถ้าจะประพฤติธรรมให้ถูกทาง จงประพฤติอย่างน้ำผึ้งแท้

#บาลีวันละคำ (3,940)

27-3-66 

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *