อปัณณกปฏิปทา (บาลีวันละคำ 4,026)
อปัณณกปฏิปทา
ศัพท์วิชาการที่ควรรู้
อ่านว่า อะ-ปัน-นะ-กะ-ปะ-ติ-ปะ-ทา
ประกอบด้วยคำว่า อปัณณก + ปฏิปทา
(๑) “อปัณณก”
เขียนแบบบาลีเป็น “อปณฺณก” อ่านว่า อะ-ปัน-นะ-กะ รากศัพท์มาจาก น (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + ปณฺ (ธาตุ = ยกย่อง) + ณฺวุ ปัจจัย, ซ้อน ณ ระหว่างธาตุกับปัจจัย (ปณฺ + ณฺ + ณฺวุ), แปลง น เป็น อ, แปลง ณวุ เป็น อก (อะ-กะ)
: น + ปณฺ = นปณฺ + ณฺ + ณฺวุ = นปณฺณฺณฺวุ > นปณฺณก > อปณฺณก แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่ไม่น้อมไปตามโวหารว่าผิด” หมายถึง ไม่ผิด, ถูก
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อปณฺณก” ว่า certain, true, absolute (แน่นอน, จริง, แท้จริง)
(๒) “ปฏิปทา”
บาลีอ่านว่า ปะ-ติ-ปะ-ทา รากศัพท์มาจาก ปฏิ (คำอุปสรรค = เฉพาะ ตอบ ทวน กลับ) + ปทฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + อ (อะ) ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
: ปฏิ + ปทฺ = ปฏิปท + อ = ปฏิปท + อา = ปฏิปทา แปลตามศัพท์ว่า “การถึงเฉพาะ”
“ปฏิปทา” คือ “แนวทางของความประพฤติ” (line of conduct) หมายถึง วิถีทางที่จะถึงจุดหมายปลายทางหรือที่หมาย, ทางดำเนิน, หนทาง, วิธี, วิธีการ, วิธีดำเนินการ, วิถีทาง, การปฏิบัติ, (means of reaching a goal or destination, path, way, means, method, mode of progress, course, practice)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ปฏิปทา : (คำนาม) ทาง, ทางดำเนิน, เช่น มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง; ความประพฤติ เช่น พระภิกษุรูปนี้มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส. (ป.).”
อปณฺณก + ปฏิปทา = อปณฺณกปฏิปทา (อะ-ปัน-นะ-กะ-ปะ-ติ-ปะ-ทา) แปลว่า “การปฏิบัติที่ไม่ผิด”
“อปณฺณกปฏิปทา” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อปัณณกปฏิปทา”
…………..
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ขยายความ “อปัณณกปฏิปทา” ไว้ดังนี้ –
…………..
อปัณณกปฏิปทา : ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด, ทางดำเนินที่ไม่ผิด มี ๓ คือ ๑. อินทรียสังวร การสำรวมอินทรีย์ ๒. โภชเนมัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค ๓. ชาคริยานุโยค การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน
…………..
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ข้อ [128] แสดง “อปัณณกปฏิปทา” ไว้ดังนี้ –
…………..
อปัณณกปฏิปทา 3 (ข้อปฏิบัติที่ไม่ผิด, ปฏิปทาที่เป็นส่วนแก่นสารเนื้อแท้ ซึ่งจะนำผู้ปฏิบัติให้ถึงความเจริญงอกงามในธรรม เป็นผู้ดำเนินอยู่ในแนวทางแห่งความปลอดพ้นจากทุกข์อย่างแน่นอนไม่ผิดพลาด — Apaṇṇaka-paṭipadā: sure course; sure practice; unimpeachable path)
1. อินทรียสังวร (การสำรวมอินทรีย์ คือระวังไม่ให้บาปอกุศลธรรมครอบงำใจ เมื่อรับรู้อารมณ์ด้วยอินทรีย์ทั้ง 6 — Indriya-saṃvara: control of the senses)
2. โภชเนมัตตัญญุตา (ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักพิจารณารับประทานอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายใช้ทำกิจให้ชีวิตผาสุก มิใช่เพื่อสนุกสนานมัวเมา — Bhojane-mattaññutā: moderation in eating)
3. ชาคริยานุโยค (การหมั่นประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน คือขยันหมั่นเพียร ตื่นตัวอยู่เป็นนิตย์ ชำระจิตมิให้มีนิวรณ์ พร้อมเสมอทุกเวลาที่จะปฏิบัติกิจให้ก้าวหน้าต่อไป — Jāgariyānuyoga: practice of wakefulness)
…………..
แถม :
ชาดกเรื่องแรกในคัมภีร์ชาดก ชื่อ “อปัณณกชาดก” อยู่ในกลุ่มเอกนิบาต คือชาดกที่มีคาถาบทเดียว
คาถาในอปัณณกชาดกเป็นดังนี้ –
…………..
อปณฺณกํ ฐานเมเก
ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกา
เอตทญฺญาย เมธาวี
ตํ คเณฺห ยทปณฺณกํ ฯ
(อะปัณณะกัง ฐานะเมเก
ทุติยัง อาหุ ตักกิกา
เอตะทัญญายะ เมธาวี
ตัง คัณเห ยะทะปัณณะกัง)
แปลว่า –
คนพวกหนึ่งบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ผิด
นักคิดทั้งหลายบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ถูก
คนมีปัญญารู้ทางที่ไม่ผิดและไม่ถูกแล้ว
ควรถือเอาทางที่ไม่ผิดไว้
…………..
ดูก่อนภราดา!
: รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด กำลังจะดี
: ลงมือทำถูกไม่ทำผิด ดีแล้ว
#บาลีวันละคำ (4,026)
21-6-66
…………………………….
…………………………….