ธูมกาลิก (บาลีวันละคำ 4,058)
ธูมกาลิก
คำที่อาจพลิกชะตาพระศาสนา
อ่านว่า ทู-มะ-กา-ลิก
ประกอบด้วยคำว่า ธูม + กาลิก
(๑) “ธูม”
อ่านว่า ทู-มะ รากศัพท์มาจาก ธู (ธาตุ = หวั่นไหว) + ม ปัจจัย
: ธู + ม = ธูม (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่เคลื่อนไหวขึ้นไปข้างบน” หมายถึง ควันไฟ, ไอ (smoke, fumes)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไม่ได้เก็บรูปคำ “ธูม” ไว้ แต่เก็บเป็น “ธุม” (ธุ– สระ อุ) บอกไว้ว่า –
“ธุม, ธุม– : (คำแบบ) (คำนาม) ควัน. (ป., ส. ธูม).”
(๒) “กาลิก”
บาลีอ่านว่า กา-ลิ-กะ รูปคำเดิมมาจาก กาล + อิก ปัจจัย
(ก) “กาล” บาลีอ่านว่า กา-ละ รากศัพท์มาจาก กลฺ (ธาตุ = นับ, คำนวณ, สิ้นไป) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ที่ ก-(ลฺ) เป็น อา (กลฺ > กาล)
: กลฺ + ณ = กลณ > กล > กาล (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “เครื่องนับประมาณอายุเป็นต้น” “ถูกนับว่าล่วงไปเท่านี้แล้ว” “ยังอายุของเหล่าสัตว์ให้สิ้นไป” หมายถึง เวลา, คราว, ครั้ง, หน
“กาล” ที่หมายถึง “เวลา” (time) ในภาษาบาลียังใช้ในความหมายที่ชี้ชัดอีกด้วย คือ :
1 เวลาที่กำหนดไว้, เวลานัดหมาย, เวลาตายตัว (appointed time, date, fixed time)
2 เวลาที่เหมาะสม, เวลาที่สมควร, เวลาที่ดี, โอกาส (suitable time, proper time, good time, opportunity)
(ข) กาล + อิก = กาลิก (กา-ลิ-กะ) แปลตามศัพท์ว่า “ประกอบด้วยกาล” (คือขึ้นอยู่กับเวลา) หมายถึง เป็นของเวลา, ประกอบด้วยกาล, ทันเวลา, ชั่วกาล (belonging to time, in time)
ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“กาลิก : (คำนาม) ของที่พระสงฆ์เก็บไว้ฉันได้ตามเวลาที่กําหนดให้ มี ๓ อย่าง คือ ๑. ยาวกาลิก-ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงวัน ได้แก่ข้าวปลาอาหาร ๒. ยามกาลิก-ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียงวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ได้แก่ นํ้าอัฐบาน ๓. สัตตาหกาลิก-ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียง ๗ วัน ได้แก่ เภสัชทั้ง ๕. (ป.).”
“กาลิก” ที่พจนานุกรมฯ เก็บไว้นี้ มีความหมายเกี่ยวกับอาหารเป็นหลัก
แต่ “กาลิก” ในที่นี้ มีความหมายตามศัพท์ คือแปลว่า “ประกอบด้วยกาล” คือขึ้นอยู่กับเวลา และเล็งถึงเวลาชั่วครู่ยาม
ธูม + กาลิก = ธูมกาลิก (ทู-มะ-กา-ลิ-กะ) แปลตามศัพท์ว่า “ประกอบด้วยเวลาแห่งควันไฟ”
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “ธูมกาลิก” ว่า lasting till a person’s cremation (จวบจนเวลาเผาศพ)
“ธูมกาลิก” หมายถึง สิ่งที่ผู้หนึ่งผู้ใดคิดอ่านให้มีขึ้น มีผู้ทำตามเห็นดีเห็นงามเพียงชั่วเวลาที่ผู้เป็นเจ้าของความคิดมีชีวิตอยู่ พอเจ้าของความคิดตาย ก็ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป
“ธูมกาลิก = จวบจนเวลาเผาศพ” มีความหมายเช่นนี้
ในภาษาไทย “ธูมกาลิก” อ่านว่า (ทู-มะ-กา-ลิก) คำนี้ยังไม่ได้เก็บไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554
ขยายความ :
“ธูมกาลิก” ที่น่าศึกษาเป็นข้อเตือนใจ ปรากฏในคำเสนอญัตติของพระมหากัสสปเถระในคราวที่พระอรหันต์ 500 ประชุมทำปฐมสังคายนาที่กรุงราชคฤห์เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงแล้ว 3 เดือน
ท่านบันทึกเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ในปัญจสติกขันธกะ พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค 2 พระไตรปิฎกเล่ม 7 ข้อ 621
ข้อความที่มีคำว่า “ธูมกาลิก” เป็นดังนี้ –
…………..
สุณาตุ เม อาวุโส สงฺโฆ สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ คิหิโนปิ ชานนฺติ อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ อิทํ โว น กปฺปตีติ ฯ สเจ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนิสฺสาม ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ ยาวิเมสํ สตฺถา อฏฺฐาสิ ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต นทานีเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตีติ ฯ
…………..
แปลโดยประสงค์ดังนี้
…………..
สุณาตุ เม อาวุโส สงฺโฆ
ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า
สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ
สิกขาบทของพวกเราที่ปรากฏแก่คฤหัสถ์มีอยู่
(ชาวบ้านที่รู้เข้าใจศีลของพระก็มีอยู่)
คิหิโนปิ ชานนฺติ
แม้พวกคฤหัสถ์ก็รู้ว่า –
อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ
สิ่งนี้ควรแก่พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร
อิทํ โว น กปฺปตีติ ฯ
สิ่งนี้ไม่ควร
(พระทำอะไรสมควร ทำอะไรไม่สมควร ชาวบ้านเขารู้)
สเจ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนิสฺสาม ภวิสฺสนฺติ
ถ้าพวกเราจักถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสีย
วตฺตาโร ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ
จักมีผู้กล่าวว่า พระสมณะโคดมบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลายเป็นธูมกาลิก คืออยู่ได้ชั่วคราว
ยาวิเมสํ สตฺถา อฏฺฐาสิ
พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ยังดำรงอยู่ตราบใด
ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ
สาวกเหล่านี้ก็ยังศึกษาในสิกขาบททั้งหลายตราบนั้น
ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต
เพราะเหตุที่พระศาสดาของพระสมณะเหล่านี้ปรินิพพานแล้ว
นทานีเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตีติ ฯ
พระสมณะเหล่านี้จึงไม่ศึกษาในสิกขาบททั้งหลายในบัดนี้
…………..
พูดชัดๆ ว่า พระทั้งหลายปฏิบัติตามสิกขาบทที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้เพียงเท่าที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่เท่านั้น
พอเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ
ก็ไม่มีพระใจเด็ดคิดจะรักษาสิกขาบทอีกต่อไป
“ธูมกาลิก = จวบจนเวลาเผาศพ” มีความหมายเช่นนี้แล
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ถ้าพระรักษาสิกขาบทชั่วเวลาควันจาง
: พระศาสนาก็อับปางไปตั้งแต่พุทธกาล
#บาลีวันละคำ (4,058)
23-7-66
…………………………….
…………………………….