บาลีวันละคำ

อนาคามี [2] (บาลีวันละคำ 4,229)

อนาคามี [2]

ผู้ไปไม่กลับ

อนาคามี” อ่านว่า อะ-นา-คา-มี รากศัพท์มาจาก + อาคามี 

(ก) “” บาลีอ่านว่า นะ เป็นคำจำพวก “นิบาต” คำจำพวกนี้ไม่แจกด้วยวิภัตติปัจจัย คือคงรูปเดิมเสมอ อาจเปลี่ยนรูปโดยวิธีสนธิกับคำอื่นบ้าง แต่คงถือว่าเป็นคำเดิมเพราะเวลาแปลต้องแยกคำออกเป็นคำเดิมเสมอ 

นักเรียนบาลีมักท่องจำรวมกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกันว่า “ ไม่ โน ไม่ มา อย่า เทียว” ( [นะ] = ไม่, โน = ไม่, มา = อย่า, [วะ] = เทียว

” เป็นนิบาตบอกความปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่ (no, not)

(ข) “อาคามี” อ่านว่า อา-คา-มี รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่ว, ยิ่ง, กลับความ) + คมฺ (ธาตุ = ไป, ถึง) + ณี ปัจจัย, ลบ (ณี > อี), ทีฆะต้นธาตุ คือ อะ ที่ -(มฺ) เป็น อาด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (คมฺ > คาม)

ในที่นี้ อา อุปสรรคใช้ในความหมาย “กลับความ” 

: คม = ไป

: อาคม กลับความเป็น “มา

: อา + คมฺ = อาคมฺ + ณี > อี = อาคมี > อาคามี แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มา” 

+ อาคามี

กฎการประสมของ + : 

– ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แปลง เป็น

– ถ้าคำหลังขึ้นต้นด้วยสระ แปลง เป็น อน

ในที่นี้ “อาคามี” ขึ้นต้นด้วยสระ (คือ อา-) จึงแปลง เป็น อน 

: > อน + อาคามี = อนาคามี แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ไม่มา (เกิดเป็นมนุษย์)” หรือ “ผู้ไปไม่กลับ

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “อนาคามี” ว่า one who does not return, a Never-Returner (ผู้ซึ่งไม่กลับมาอีก, ผู้ไม่หวนกลับมา)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อนาคามี : “ผู้ไม่มาสู่กามภพอีก” เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นที่ ๓ ใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์, บางทีเรียกสั้น ๆ ว่า พระอนาคา. (ป.; ส. อนาคามินฺ).”

ขยายความ :

พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต อธิบายคำว่า “อนาคามี” ไว้ดังนี้ –

…………..

อนาคามี : พระอริยบุคคลผู้ได้บรรลุอนาคามิผล มี ๕ ประเภท คือ 

๑. อันตราปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานในระหว่างอายุยังไม่ถึงกึ่ง (หมายถึงโดยกิเลสปรินิพพาน) 

๒. อุปหัจจปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานเมื่อจวนจะถึงสิ้นอายุ 

๓. อสังขารปรินิพพายี ผู้นิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก 

๔. สสังขารปรินิพพายี ผู้ปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรมาก 

๕. อุทธังโสโต อกนิฏฐคามี ผู้มีกระแสในเบื้องบนไปสู่อกนิฏฐภพ (พระอนาคามีผู้จะปรินิพพาน ต่อเมื่อเลื่อนขึ้นไปเกิดในชั้นสูงขึ้นไปจนถึงชั้นอกนิฏฐะ)

…………..

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ อธิบายเรื่อง “อนาคามี” ไว้ดังนี้ –

…………..

As technical term designating one who has attained the 3rd stage out of four in the breaking of the bonds (Saŋyojanas) which keep a man back from Arahantship. (เป็นชื่อเฉพาะของผู้ซึ่งบรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นที่ 3 ในบรรดา 4 ชั้น เพราะท่านละเสียซึ่งสังโยชน์ทั้งหลาย (คือละโอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 ได้เด็ดขาด และทำอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ที่เหลือให้เบาบางลง) แต่ยังไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะยังไม่บรรลุทั้ง 4 ชั้น)

So near is the Anāgāmin to the goal, that after death he will be reborn in one of the highest heaven and there obtain Arahantship, never returning to rebirth as a man. (พระอริยบุคคลที่เรียกว่าอนาคามีนี้นับว่าใกล้ความสำเร็จมาก, ดังนั้น หลังจากท่านได้ดับขันธ์ไปแล้วจะไปเกิดในชั้นพรหมโลก และ ณ ที่นั้น ท่านก็บรรลุความเป็นพระอรหันต์, ไม่กลับมาเกิดในมนุษยโลกอีก)

…………..

จับหลักไว้สั้น ๆ ว่า ใครบรรลุธรรมเป็นอนาคามี เมื่อดับชีพแล้วจะไม่มาเกิดเป็นมนุษย์อีก

หลักที่ควรทราบด้วยก็คือ พระอริยบุคคล คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี อาจเป็นบรรพชิตก็ได้ เป็นฆราวาสอยู่ครองเรือนก็ได้ แต่ผู้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ต้องเป็นบรรพชิตสถานเดียว ฆราวาสที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่บวชเป็นบรรพชิตในวันนั้น ก็จะดับขันธ์ในวันนั้น

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ปกติคนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด

: แต่กรณีที่บอกว่าเป็นพระอนาคามีมาเกิด –

คนโง่เป็นเหยื่อของคนที่โง่กว่า

#บาลีวันละคำ (4,229)

10-1-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *