บาลีวันละคำ

ฉันเพล ไม่ใช่ ฉันท์เพล (บาลีวันละคำ 4,302)

ฉันเพล ไม่ใช่ ฉันท์เพล

ผู้เขียนบาลีวันละคำเห็นป้ายประกาศข้างทางเขียนคำว่า “ฉันท์เพล” (ดูภาพประกอบ) จึงขอเก็บมาเขียนเป็นบาลีวันละคำวันนี้

โปรดทราบทั่วกันว่า พระฉันอาหารมื้อกลางวัน ภาษาไทยเรียกว่า “ฉันเพล” 

คำว่า “ฉัน” สะกดเป็น + ไม้หันอากาศ + = ฉัน 

“ฉันเช้า” “ฉันเพล”

ฉัน” เท่านี้ ไม่ต้องมี ท การันต์

“ฉันท์เพล” เป็นคำที่เขียนผิด 

อย่าเขียนตาม อย่าใช้ตาม

ช่วยกันกำชับลูกหลานด้วย

ต่อไปก็ช่วยกันหาความรู้

ฉัน” เป็นคำไทย

ฉันท์” เป็นคำบาลี

(๑) “ฉัน” เป็นคำไทย 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บคำว่า “ฉัน” ไว้ 4 คำ บอกไว้ดังนี้ – 

(1) ฉัน ๑ : (คำสรรพนาม) คำใช้แทนตัวผู้พูด พูดกับผู้ที่เสมอกันหรือผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อย, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.

(2) ฉัน ๒ : (คำกริยา) กิน (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).

(3) ฉัน ๓ : (คำวิเศษณ์) เสมอเหมือน, เช่น, อย่าง, เช่น ฉันญาติ.

(4) ฉัน ๔ : (คำวิเศษณ์) มีแสงกล้า, มีแสงพุ่งออกไป, เช่น พระสุริฉัน.

ขอเสนอวิธีจำเพื่อเข้าใจง่ายดังนี้ –

ฉัน ๑ ฉัน-กู

ฉัน ๒ ฉัน-กิน

ฉัน ๓ ฉัน-เหมือน

ฉัน ๔ ฉัน-ส่องแสง

จะเห็นได้ว่า คำธรรมดาที่เราพูดกันว่า “กิน” เมื่อใช้แก่ภิกษุสามเณร ใช้ว่า “ฉัน” 

+ ไม้หันอากาศ + = ฉัน 

“ฉันเช้า” “ฉันเพล”

ฉัน” เท่านี้ ไม่ต้องมี ท การันต์

(๒) “ฉันท์” เป็นคำบาลี

ฉันท์” เขียนแบบบาลีเป็น “ฉนฺท” อ่านว่า ฉัน-ทะ รากศัพท์มาจาก – 

(1) ฉนฺทฺ (ธาตุ = ปรารถนา) + (อะ) ปัจจัย 

: ฉนฺทฺ + = ฉนฺท (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ความปรารถนา” 

(2) ฉทฺ (ธาตุ = ปิด, บัง, ระวัง) + (อะ) ปัจจัย, ลงนิคหิตอาคมที่ต้นธาตุแล้วแปลงเป็น นฺ (ฉท > ฉํท > ฉนฺท)

: ฉทฺ + = ฉท > ฉํท > ฉนฺท (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “บทประพันธ์ที่ปกปิดโทษคือความไม่ไพเราะ” 

ฉนฺท” ในบาลีใช้ในความหมาย 3 อย่าง คือ –

(1) สิ่งกระตุ้นใจ, แรงดลใจ, ความตื่นเต้น; ความตั้งใจ, การตกลงใจ, ความปรารถนา; ความอยาก, ความประสงค์, ความพอใจ (impulse, excitement; intention, resolution, will; desire for, wish for, delight in)

(2) ความยินยอม, ความยอมให้ที่ประชุมทำกิจนั้น ๆ ในเมื่อตนมิได้ร่วมอยู่ด้วย (consent, declaration of consent to an official act by an absentee) ความหมายนี้คือที่เราพูดว่า “มอบฉันทะ

(3) ฉันทลักษณ์, กฎเกณฑ์ว่าด้วยการแต่งฉันท์, ตำราฉันท์; บทร้อยกรอง (metre, metrics, prosody; poetry) 

ความหมายในข้อ (3) นี้ คือที่ภาษาไทยพูดว่า “กาพย์กลอนโคลงฉันท์” บาลีไม่ได้เรียกแยกชนิดเหมือนไทย คงเรียกรวมทุกอย่างว่า “ฉนฺทฉันท์” แต่มีชื่อเฉพาะสำหรับฉันท์แต่ละชนิด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “คาถา” 

ในภาษาไทย ใช้เป็น “ฉันท-” (มีคำอื่นมาสมาสข้างท้าย) “ฉันท์” และ “ฉันทะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

(1) ฉันท– ๑, ฉันท์ ๑ : (คำนาม) ชื่อคำประพันธ์ประเภทหนึ่งที่วางคำ ครุ ลหุ เป็นแบบต่าง ๆ. (ป.).

(2) ฉันท– ๒, ฉันท์ ๒, ฉันทะ : (คำนาม) ความพอใจ, ความรักใคร่, ความชอบใจ, ความยินดี; ความร่วมความคิดความเห็นกัน เช่น ลงมติเป็นเอกฉันท์, ความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น มอบฉันทะ. (ป.).

ฉนฺท” ถ้าต้องการให้ออกเสียง “-ทะ” ก็เขียนว่า “ฉันทะ” ถ้าต้องการให้ออกเสียงว่า “ฉัน” ก็เขียนว่า “ฉันท์” (การันต์ที่ ) ซึ่งเสียงพ้องกับ “ฉัน” คำไทย

ดังนั้น พระภิกษุสามเณรฉันอาหารมื้อกลางวัน เขียนว่า “ฉันท์เพล” จึงผิด

คำที่ถูกคือ “ฉันเพล” ฉัน คำไทย ไม่ต้องมี ท การันต์

ขยายความ :

พระภิกษุสามเณรในเมืองไทย โดยทั่วไปฉันวันละ 2 เวลา คือเวลาเช้า ตั้งแต่ตะวันขึ้นจนใกล้สาย หรือเวลาระหว่าง 07:00 นาฬิกา ถึง 08:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเช้า” และเวลาระหว่าง 11:00 นาฬิกา ถึง 12:00 นาฬิกา เรียกว่า “ฉันเพล”

เปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 แถมให้อีกคำหนึ่ง คือคำว่า “เพล” พจนานุกรมฯ บอกไว้ดังนี้ –

เพล : (คำนาม) เวลาพระฉันกลางวัน คือ เวลาระหว่าง ๑๑ นาฬิกาถึงเที่ยง เรียกว่า เวลาเพล. (ป., ส. เวลา ว่า กาล).”

คำอธิบายในพจนานุกรมฯ บอกว่า “เวลาพระฉันกลางวัน” ก็สะกดว่า “ฉัน” เกลี้ยง ๆ แบบนี้ ไม่มี ท การันต์

“ฉันกลางวัน” ก็คือ “ฉันเพล”

แถม :

ถ้าคนไทยขยันเปิดพจนานุกรมกันให้มากขึ้น

คำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือได้ และเปิดอ่านได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้สัญญาณอินเทอเน็ต

ถ้าเด็กไทยวันนี้ –

ใช้เวลาเขี่ยโทรศัพท์เล่นเกมให้น้อยลง

และหัดใช้เวลาเขี่ยโทรศัพท์อ่านพจนานุกรมกันบ้าง

คนไทยวันหน้า –

ก็จะเขียนภาษาไทยถูกต้องมากขึ้น

และคำที่เขียนผิด ๆ ก็จะน้อยลง

ภาษาไทยก็จะงามมากขึ้น

และทรามน้อยลง

แต่น่าเสียดายที่ –

พ่อแม่ไทยวันนี้ไม่ได้สอนลูกหลานให้รู้จักพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (เพราะตัวพ่อแม่เองก็ไม่รู้จัก)

ครูบาอาจารย์ในสถานศึกษาก็ไม่ได้ปลูกฝังให้นักเรียนนักศึกษารักการเปิดพจนานุกรม

คำที่เขียนผิดสะกดผิดจึงระบาดกลาดเกลื่อนทั่วไปหมด 

ทั้งไม่มีใครเห็นว่าเสียหาย

ถึงกับตั้งทฤษฎีว่า ภาษาเป็นสิ่งสมมุติ ไม่มีผิดไม่มีถูก

เขียนออกไปแล้ว คนอ่านเข้าใจว่าสื่อถึงอะไร-เท่านั้นพอ

ไม่จำเป็นต้องใช้กฎเกณฑ์ว่า สะกดอย่างนั้นผิด สะกดอย่างนี้ถูก

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ฉันอะไรใช้ดีดี 

ฉันท์บาลีฤๅฉันไทย

ใช้ชอบควรชอบใจ

ใช่ชอบใช้ตามใจฉัน 

#บาลีวันละคำ (4,302)

23-3-67

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *