โมฆะ (บาลีวันละคำ 632)
โมฆะ
เขียนแบบบาลีเป็น “โมฆ”
อ่านว่า โม-คะ
“โมฆ” แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่หลงลืม” ใช้เป็นคุณศัพท์ หมายถึง เปล่า, ว่าง, ไร้ประโยชน์, โง่ , งี่เง่า
ในภาษาไทย พจน.42 บอกไว้ว่า –
“โมฆ-, โมฆะ : เปล่า, ว่าง; ไม่มีประโยชน์, ไม่มีผล, เช่น สัญญาเป็นโมฆะ; (คำที่ใช้ในกฎหมาย) เสียเปล่า ไม่มีผลบังคับหรือผูกพันตามกฎหมาย”
ในภาษาบาลีคำที่แปลว่า “ว่างเปล่า” นอกจาก “โมฆ” แล้วยังมีอีก ที่พบบ่อยคือ “ตุจฺฉ” (ตุด-ฉะ) “ริตฺต” (ริด-ตะ) และ “สุญฺญ” (สุน-ยะ) โดยรวมๆ แล้วแปลว่า “ว่างเปล่า” เหมือนกัน แต่มีนัยที่แตกต่างกันอยู่บ้าง กล่าวคือ
– ว่างเปล่าแบบ “โมฆะ” หมายถึง ไม่สำเร็จประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสิ่งนั้นๆ (เทียบคำฝรั่งคือ vain หรือ useless)
– ว่างเปล่าแบบ “ตุจฺฉ” หรือ “ริตฺต” หมายถึง ภาชนะหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่มีอะไรบรรจุหรือใส่ไว้ เช่นแก้วเปล่าๆ กล่องเปล่าๆ (empty) ในภาษาบาลี “ตุจฺฉหตฺถ” (ตุด-ฉะ-หัด-ถะ) แปลว่า “มือเปล่า” หมายถึง ไม่ได้ถืออะไรมา ไม่มีอะไรมาฝาก
– ว่างเปล่าแบบ “สุญฺญ” หมายถึง ไม่มีแก่นสารที่ควรจะยึดถือ (devoid of reality)
ว่างเปล่าแบบ “โมฆะ” ตัวอย่างเช่น
– บวชเป็นภิกษุสามเณรแล้วไม่ศึกษาปฏิบัติกิจของสงฆ์ให้สมกับความมุ่งหมายของการบวช การบวชนั้นก็เป็นโมฆะ (ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ตรัสเรียกภิกษุที่ไม่ได้บรรลุมรรคผลว่า “โมฆบุรุษ”)
– บริหารประเทศเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข แต่บริหารไปแล้วประชาชนอยู่ร้อนนอนทุกข์ การบริหารนั้นก็เป็นโมฆะ
– เลือกตั้งเพื่อให้ได้ผู้แทนราษฎร แต่เลือกแล้วก็ยังไม่ได้ตัวผู้แทน การเลือกตั้งนั้นก็ (เห็นทีจะ) เป็นโมฆะ
พุทธภาษิต :
ยสฺส สทฺธา ตถาคเต…..อจลา สุปติฏฺฐิตา
สีลญฺจ ยสฺส กลฺยาณํ…..อริยกนฺตํ ปสํสิตํ
สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถิ…อุชุภูตญฺจ ทสฺสนํ
อทฬิทฺโทติ ตํ อาหุ…….อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.
(รามเณยยกสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๕ ข้อ ๙๑๙)
มีศรัทธามั่นในพระตถาคต
มีศีลงามหมดจดน่าเจริญใจ
มีความเลื่อมใสในพระอริยสงฆ์
มีความคิดเห็นถูกตรงตามเหตุผล
นั่นเรียกว่าผู้ไม่ขัดสนทุกสิ่งสรรพ์
ชีวิตของผู้เช่นนั้นไม่เป็นโมฆะ
: วันนี้วันพระ อย่าทำคืนวันให้เป็นโมฆะ โดยทั่วกันเทอญ
6-2-57