บาลีวันละคำ

สนธยา – สายัณห์ (บาลีวันละคำ 4,586)

สนธยา – สายัณห์

ต่างกันโดยพยัญชนะ

เหมือนกันโดยอรรถ

“สนธยา” อ่านว่า สน-ทะ-ยา

“สายัณห์” อ่านว่า สา-ยัน

(๑) “สนธยา”

อ่านว่า สน-ทะ-ยา

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“สนธยา : (คำนาม) เวลาโพล้เพล้พลบค่ำ, บางทีใช้ว่า ย่ำสนธยา; ช่วงเวลาที่ต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก. (สันสกฤต. สนธฺยา; บาลี. สนฺธิ ว่า ช่วงเวลาที่ต่อระหว่างเช้ากับบ่าย กลางวันกับกลางคืนและหัวค่ำกับดึก).”

หมายเหตุ : คำว่า สนธฺยา ที่อ้างในวงเล็บ พจนานุกรมฯ พิมพ์ไม่มีจุดใต้ น น่าจะปรู๊ฟผิดพลาด

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “สนฺธฺยา” มีความหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้ –

สนฺธฺยา : (คำนาม) ‘สันธยา’ แผลงเปน – สนธยา; สายัณกาล; เวลาซึ่งล่วงไประหว่างอวสานของยุคหนึ่งและอาทิของอิกยุคหนึ่ง; กาลสมัย, ปูรฺวาหฺณกาล ( = เวลาก่อนเที่ยง), อปราหฺณกาล ( = เวลาบ่าย), มัธยทิน ( = เที่ยงวัน);… twilight; evening; the period that elapses between the expiration of one yuga and the commencement of another; a period of time, the forenoon, afternoon, midday;…

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน กับ พจนานุกรมฯ ความลงรอยกัน

พจนานุกรมฯ บอกว่า “สนธยา” บาลีว่า “สนฺธิ”

“สนฺธิ” (มีจุดใต้ นฺ) อ่านว่า สัน-ทิ รากศัพท์มาจาก สํ (คำอุปสรรค = พร้อมกัน, รวมกัน, ดี) + ธา (ธาตุ = ทรงไว้) + อิ ปัจจัย, แปลงนิคหิตที่ สํ เป็น นฺ (สํ > สนฺ), “ลบสระหน้า” คือลบ อา ที่ ธา (ธา > ธ)

: สํ > สนฺ + ธา = สนฺธา > สนฺธ + อิ = สนฺธิ แปลตามศัพท์ว่า “กิริยาอันเขาทรงไว้ร่วมกัน” > “กิริยาอันเขาเชื่อมต่อ”

“สนฺธิ” (อิตถีลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายว่า –

(1) การรวมกัน, การต่อกันเข้า (union, junction)

(2) รอยแยก, รอยแตก, ช่องโหว่, ช่องว่าง (breach, break, hole, chasm)

(3) ข้อต่อ, ชิ้น, เครื่องเกี่ยวโยง (joint, piece, link)

(4) การต่อเนื่องกัน, การรวมกัน (connection, combination

(5) การต่อที่ทำให้เสียงดีขึ้น, “สนฺธิ” (euphonic junction, euphony, “sandhi”)

(6) การลงรอยหรือตกลงกัน (agreement)

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน มีคำว่า “สนฺธิ” บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

“สนฺธิ : (คำนาม) ‘สันธิ, สนธิ,’ สมาคม, การต่อหรือรวม; ศานติสุข; รู, โพรงหรือชะวาก; อุโมง; การแบ่ง; โยนี; ภาคแห่งนาฏก; มัธยกาล; ข้ออวัยวะหรือศรีระ; อักษรสันธิ, การสนธิอักษรหรือต่อคำ (เข้าข้างน่าและหลังคำต่าง ๆ, หรือต่อกลางคำสมาสก็ตาม); เวลาสิ้นสุด; union, junction or combination; peace; a hole, a chasm; a mine; dividing; the vulva; a division of a drama; an interval; a joint of the body; a Sandhi, the union of letters (either at the beginning and end, or in the middle of compound terms); the period at the end of a Yuga.”

ในภาษาไทย เมื่อพูดว่า “สนธิ” มักนึกถึงในความหมายที่ว่า-เอาศัพท์ตั้งแต่ 2 ศัพท์ขึ้นไปมาเชื่อมกัน ดังที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

“สนธิ : (คำนาม) ที่ต่อ, การติดต่อ; การเปลี่ยนแปลงเสียงซึ่งเกิดจากการเชื่อมเสียง ๒ เสียง ที่อยู่ชิดกันให้กลมกลืนกัน ในภาษาบาลีและสันสกฤตมีพยัญชนะสนธิ เช่น ทุส + ชน เป็น ทุรชน สระสนธิ เช่น พจน + อนุกรม เป็น พจนานุกรม และนิคหิตฺสนธิ เช่น เอวํ + เม เป็น เอวมฺเม ในภาษาอื่น ๆ ที่มีวรรณยุกต์เช่นภาษาจีนมีวรรณยุกต์สนธิ เช่น เกี่ยม + ฉ่าย เป็น เกี่ยมฉ่าย. (ป., ส.).”

ส่วนในบาลี “สนฺธิ” มีความหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องดังนี้ –

1 การรวมกัน, การต่อกันเข้า (union, junction)

2 ข้อต่อ, ชิ้น, เครื่องเกี่ยวโยง (joint, piece, link)

3 การต่อเนื่องกัน, การผนวกกัน (connection, combination)

4 การลงรอยหรือตกลงกัน (agreement)

“สนฺธิ” ตามความหมายเหล่านี้ไม่มีที่ชี้เฉพาะไปที่วันเวลา เพราะเป็นความหมายของ “สนฺธิ” คำเดียว ไม่มีคำอื่นมาประสม

ถ้า “สนธยา” มาจาก “สนฺธิ” ก็คือ แปลง อิ ที่ -ธิ เป็น ย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: สนฺธิ > สนฺธย + อา = สนฺธยา

ในคัมภีร์บาลียังไม่พบศัพท์ที่เป็น “สนฺธยา” ตรง ๆ ดังนั้น “สนธยา” ในภาษาไทยก็เป็นคำที่เอามาจากสันสกฤต

อย่างไรก็ตาม บาลีมีคำว่า “สญฺฌา” ซึ่งเทียบได้กับ “สนฺธฺยา” ในสันสกฤต

“สญฺฌา” อ่านว่า สัน-ชา รากศัพท์มาจาก สํ (แทนศัพท์ว่า “สมฺมา” = ด้วยดี) + เฌ (ธาตุ = คิด, พินิจ, เพ่ง) + อ (อะ) ปัจจัย, แปลงนิคหิตเป็น ญฺ, “ลบสระหน้า” คือ เอ ที่ เฌ (เฌ > ฌ) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: สํ + เฌ = สํเฌ > สญฺเฌ > สญฺฌ + อ = สญฺฌ + อา = สญฺฌา แปลตามศัพท์ว่า “เวลาเป็นที่เพ่งมองด้วยดี” (คือต้องเพ่งมองจึงจะมองเห็นอะไรได้)

หนังสือ ศัพท์วิเคราะห์ ของ พระมหาโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) แปล “สญฺฌา” ว่า เวลาเย็น, สนธยา, เวลาค่ำ

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล “สญฺฌา” ว่า evening (ตอนเย็น)

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล evening เป็นบาลีว่า “สญฺฌา”

เมื่อพูดถึง “สนธยา” เรามักนึกถึงคำอังกฤษว่า twilight

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล twilight เป็นบาลีดังนี้:

(1) padosa ปโทส (ปะ-โท-สะ) = เวลาเย็น

(2) sañjhāloka สญฺฌาโลก (สัน-ชา-โล-กะ) = แสงสว่างตอนเย้น

(โปรดสังเกตอักษรโรมันที่ใช้เขียนคำบาลี จะเป็นเหมือนคำอ่านอยู่ในตัว)

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปล ปโทส ( = โทสา) ว่า evening, dusk (ยามเย็น, สายัณห์) และแปล สญฺฌาตป (สญฺฌา + อาตป : มีนัยเดียวกับ สญฺฌาโลก) ว่า evening sun (พระอาทิตย์ตอนเย็น)

บาลีมีคำอื่น ๆ อีกที่มีความหมายนัยเดียวกัน คือ

– อภิโทส (อะ-พิ-โท-สะ) พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลว่า the evening before, last night (พลบค่ำ, คืนที่แล้ว)

– อตฺถคมน (อัด-ถะ-คะ-มะ-นะ) คำเดียวกับ อตฺถงฺคต ที่ภาษาไทยใช้ว่า อัสดงคต หรือ อัสดง ก็แปลว่า setting of the sun (อาทิตย์อัสดง)

บาลีทุกคำที่หมายถึง เวลาโพล้เพล้พลบค่ำ หรือย่ำสนธยา ฝรั่งไม่ได้แปลว่า twilight เลย

พจนานุกรม สอ เสถบุตร แปล twilight ว่า แสงเงินแสงทองในเวลาเช้า, แสงผีตากผ้าอ้อมในเวลาเย็น, ตะวันยอแสง, สายัณห์

และบอกคำที่เป็นไวพจน์ว่า gloaming

พจนานุกรมอังกฤษ-บาลี แปล gloaming เป็นบาลีว่า sañjhāloka สญฺฌาโลก

ทั้งหมดนี้คือคำที่เกี่ยวพันกับ “สนธยา” ในภาษาไทย

(๒) “สายัณห์”

อ่านว่า สา-ยัน เขียนแบบบาลีเป็น “สายณฺห” อ่านว่า สา-ยัน-หะ ประกอบด้วยคำว่า สาย + อห

(ก) “สาย” อ่านว่า สา-ยะ รากศัพท์มาจาก –

(1) สา (ธาตุ = จบ, สิ้น) + ย ปัจจัย

: สา + ย = สาย แปลตามศัพท์ว่า “เวลาที่กลางวันสิ้นสุด”

(2) สา (แทนศัพท์ “สายนฺต” = ทำวันให้สิ้นสุด) + อย (ธาตุ = ไป, เป็นไป) + อ (อะ) ปัจจัย

: สา + อยฺ = สายฺ + อ = สาย แปลตามศัพท์ว่า “เวลาที่ทำกลางวันให้สิ้นไป”

“สาย” (ปุงลิงค์) หมายถึง เวลาเย็น, เวลากลางคืน (evening, at night)

(ข) “อห” อ่านว่า อะ-หะ รากศัพท์มาจาก น (คำนิบาต = ไม่, ไม่ใช่) + หา (ธาตุ = ละ, ทิ้ง) + อ (อะ) ปัจจัย, “ลบสระหน้า” คือ อา ที่ หา (หา > ห), แปลง น เป็น อ

: น + หา = นหา > นห + อ = นห > อห (นปุงสกลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “เวลาที่ไม่ละการย้อนกลับมา” หมายถึง วัน (a day)

สาย + อห แปลง อห เป็น อณฺห

: สาย + อห = สายห > สายณฺห (สา-ยัน-หะ) แปลตามศัพท์ว่า “เวลาเย็นแห่งวัน” หมายถึง เวลาเย็น (evening)

บาลี “สายณฺห” สันสกฤตเป็น “สายาหฺน”

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ –

(สะกดตามต้นฉบับ)

“สายาหฺน : (คำนาม) สายันกาล evening, eventide.”

ในภาษาไทยใช้เป็น “สายัณห์” และ “สายาห์”

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ดังนี้ –

“สายัณห์, สายาห์ : (คำนาม) เวลาเย็น. (ป. สายณฺห; ส. สายาหฺน).”

ขยายความ :

1 ในภาษาไทยมักใช้คำว่า “สนธยา” ในความหมายว่า เวลาเย็น

2 แต่ในสันสกฤต “สนฺธฺยา” หมายถึง “รอยต่อระหว่างเวลา” ซึ่งอาจเป็นเวลาเย็น เวลาย่ำรุ่ง หรือแม้แต่เที่ยงวันก็ได้

3 บาลีมีคำว่า “สญฺฌา” ซึ่งตรงกับ “สนฺธฺยา” ในสันสกฤต แต่ใช้ในความหมายว่า “เวลาเย็น” เท่านั้น

4 บาลีทุกคำที่หมายถึง เวลาโพล้เพล้พลบค่ำ หรือย่ำสนธยา ซึ่งเรามักใช้คำฝรั่งว่า twilight นั้น พจนานุกรมบาลี-อังกฤษไม่ได้แปลว่า twilight เลย

เราพูดคำว่า “สนธยา” “สายัณห์” กันคล่องปาก เอามาตั้งเป็นชื่อคนจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป และรู้ความหมายในภาษาไทยว่า หมายถึง เวลาเย็นค่ำ

รู้ความหมายในภาษาบาลีเพิ่มขึ้นเช่นนี้ คงได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ดวงอาทิตย์ตกในเวลาเย็น

: เล่นการเมืองไม่เป็นตกได้ทุกเวลา

#บาลีวันละคำ (4,586)

1-1-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *