บาลีวันละคำ

โดยสวัสดิภาพ (บาลีวันละคำ 4,665)

โดยสวัสดิภาพ

บาลีว่าอย่างไร

เราพูดหรือเขียน และได้เห็นหรือได้ยินคำว่า “โดยสวัสดิภาพ” จนชินปาก ชินมือ ชินตา ชินหู

ชินปาก = พูด

ชินมือ = เขียน

ชินตา = เห็น

ชินหู = ได้ยิน

โดยไม่ติดใจที่จะคิดสงสัยว่า “โดยสวัสดิภาพ” พูดเป็นคำบาลีว่าอย่างไร 

คำว่า “สวัสดิภาพ” เป็นรูปคำบาลีสันสกฤตก็จริง แต่สำหรับคนทั่วไป ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสงสัยว่า-แล้วในบาลีสันสกฤตจริง ๆ คำนี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะความประสงค์ของเรามีเพียงแค่พูด-เขียนออกไปแล้วคนที่อ่าน-ได้ยินเข้าใจความหมาย การสื่อสารก็สัมฤทธิผล จบแค่นั้น

โดยสวัสดิภาพ” พูดเป็นคำบาลีได้ 2 คำ คือ “โสตฺถิภาเวน” และ “นิรุปทฺทวากาเรน” 

(๑) “โสตฺถิภาเวน

อ่านว่า โสด-ถิ-พา-เว-นะ รูปคำเดิมเป็น “โสตฺถิภาว” อ่านว่า โสด-ถิ-พา-วะ แยกศัพท์เป็น โสตฺถิ + ภาว 

(๑) “โสตฺถิ

อ่านว่า โสด-ถิ รากศัพท์มาจาก สุ + อตฺถิ 

(ก) “สุ” เป็นคำที่ภาษาบาลีไวยากรณ์เรียกว่า “อุปสรรค” คือคำที่ใช้ประกอบข้างหน้าคำนามหรือกริยาให้มีความหมายยักเยื้องออกไป นักเรียนบาลีแปลกันว่า ดี, งาม, ง่าย

พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แสดงความหมายของ “สุ-” ไว้ว่า well, happily, thorough (ดี, อย่างมีสุข, ทั่วถึง)

(ข) “อตฺถิ” เป็นคำกริยา รากศัพท์มาจาก อสฺ (ธาตุ = มี, เป็น) + (อะ) ปัจจัยประจำหมวดธาตุ + ติ วิภัตติอาขยาต ปฐมบุรุษ เอกพจน์, ลบที่สุดธาตุ (อสฺ > ), แปลง ติ เป็น ตฺถิ

: อสฺ > + + ติ = อติ > อตฺถิ แปลว่า ย่อมมี, ย่อมเป็น 

สุ + อตฺถิ แผลง อุ ที่ สุ เป็น โอ (สุ > โส)

: สุ + อตฺถิ = สุตฺถิ > โสตฺถิ แปลตามศัพท์ว่า “มีดี” หรือ “เป็นดี” หมายถึง ความสวัสดี, ความรุ่งเรือง, ความปลอดภัย; การอยู่ดี, การได้รับพร (well-being, prosperity, safety; well-being, blessing)

บาลี “โสตฺถิ” สันสกฤตเป็น “สฺวสฺติ” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน เก็บคำว่า “สฺวสฺติ” ไว้ 2 คำ บอกไว้ดังนี้ – 

(สะกดตามต้นฉบับ)

(1) สฺวสฺติ : (คำนาม) นิบาตคือคำอวยชัยให้พร; มงคลนิบาต (ดุจคำว่า – ‘สวัสติ’ จงเปนสุขๆ); ธันยวาทศัพท์; a particle of benediction; an auspicious particle (as- ‘adieu, farewell’); a term of approbation.

(2) สฺวสฺติ : (คำกริยาวิเศษณ์) ‘สวัสติ’ จงเปนสุขๆ, ‘จงสวัสดีมีชัย’ ก็ใช้ตามมติไท [ตามมติสํสกฤตเปน-สฺวสฺติ, ภทฺรํ ภูยาตฺ, ฯลฯ]; adieu, farewell. 

โสตฺถิ > สฺวสฺติ ก็คือที่มาของคำที่เราใช้ในภาษาไทยว่า “สวัสดี

บาลี “โสตฺถิ” ภาษาไทยใช้เป็น “โสตถิ” ตามบาลีก็มี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

โสตถิ : (คำนาม) ความสวัสดี, ความเจริญรุ่งเรือง, เช่น เป็นประโยชน์โสตถิผล. (ป.; ส. สฺวสฺติ).”

โสตฺถิ” บาลีเป็น “สุวตฺถิ” อีกรูปหนึ่ง อ่านว่า สุ-วัด-ถิ รากศัพท์มาจาก สุ + อตฺถิ เช่นเดียวกัน แต่กระบวนการแปลงรูปต่างกัน คือ “สุวตฺถิ” แผลง สุ เป็น สุว + อตฺถิ หรือ สุ + (คำประเภท “อาคม”) + อตฺถิ 

: สุ + + อตฺถิ = สุวตฺถิ (สุ-วัด-ถิ) 

(ลองออกเสียง สุอัตถิ เร็ว ๆ จะได้เสียง สุ-วัด-ถิ หรือ สฺวัด-ถิ)

สุวตฺถิ” ใช้ในภาษาไทยเป็น “สวัสดิ-” “สวัสดิ์” และ “สวัสดี” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

สวัสดิ-, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑ : (คำนาม)  ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง; ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺวสฺติ; ป. โสตฺถิ).”

(๒) “ภาว” อ่านว่า พา-วะ รากศัพท์มาจาก ภู (ธาตุ = มี, เป็น) + ปัจจัย, ลบ , แผลง อู เป็น โอ, แปลง โอ เป็น อาว

: ภู + = ภูณ > ภู > โภ > ภาว แปลว่า ความมี, ความเป็น, ภาวะ, ธรรมชาติ (being, becoming, condition, nature)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ภาว-, ภาวะ : (คำนาม) ความมี, ความเป็น, ความปรากฏ, เช่น ภาวะน้ำท่วม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ. (ป., ส.).”

บาลี “ภาว” แผลงเป็น “ภาพ” ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ภาพ, ภาพ– : (คำนาม) ความ, ความมี, ความเป็น, มักใช้ประกอบเป็นส่วนท้ายของคำสมาส เช่น มรณภาพ ว่า ความตาย; รูปที่ปรากฏเห็นหรือนึกเห็น เช่น ภาพทิวทัศน์ ภาพในฝัน, สิ่งที่วาดขึ้นเป็นรูปหรือสิ่งที่ถ่ายแบบไว้ เช่น ภาพสีน้ำมัน ภาพถ่าย. (ป., ส. ภาว).”

โสตฺถิ + ภาว = โสตฺถิภาว (โสด-ถิ-พา-วะ) > สุวตฺถิภาว (สุ-วัด-ถิ-พา-วะ) > สวัสดิภาพ (สะ-หฺวัด-ดิ-พาบ) 

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

สวัสดิภาพ : (คำนาม) ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ตำรวจออกตรวจท้องที่ในเวลากลางคืนเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน.”

โสตฺถิภาว” (สุวตฺถิภาว) แจกด้วยวิภัตตินามที่สาม (ตติยาวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “โสตฺถิภาเวน” (สุวตฺถิภาเวน) (โสด-ถิ-พา-เว-นะ, สุ-วัด-ถิ-พา-เว-นะ) แปลว่า “โดยความสวัสดี” = โดยสวัสดิภาพ

(๒) “นิรุปทฺทวากาเรน” 

อ่านว่า นิ-รุ-ปัด-ทะ-วา-กา-เร-นะ รูปคำเดิมเป็น “นิรุปทฺทวาการ” อ่านว่า นิ-รุ-ปัด-ทะ-วา-กา-ระ แยกศัพท์เป็น นิร + อุปทฺทว + อาการ 

(1) “นิร” อ่านว่า นิ-ระ เป็นศัพท์จำพวก “อุปสรรค” ในบาลีนิบาตตัวนี้เป็น “นิ” แปลว่า เข้า, ลง, ไม่มี, ออก เมื่อนำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ มักลง อาคมแทรกระหว่างคำที่มาเชื่อมกัน เช่น –

นิ + + อาส = นิราส แปลว่า ไม่มีความหวัง

นิ + + อปราธ = นิรปราธ แปลว่า ไม่มีความผิด

อักษรจำพวกที่เรียกว่า “อาคม” นี้ยังมีอีกหลายตัว เหตุผลสำคัญที่ต้องลงอาคมก็เพื่อให้เกิดความสละสลวยหรือคล่องปากเมื่อออกเสียง

ในสันสกฤต อุปสรรคตัวนี้เป็น “นิร

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ว่า –

(สะกดตามต้นฉบับ)

นิรฺ : (นิบาต) นิบาตและอุปสรรคบอกอสังศยะหรือความเชื่อแน่; ความประติเษธ; ความปราศจาก; a particle and prefix implying certainty or assurance; negation or privation; – (กริยาวิเศษณ์ หรือ บุรพบท) ภายนอก, นอก, ออก, ปราศจากหรือไม่มี, พลัน; outside, out, without, forth.”

(2) “อุปทฺทว” อ่านว่า อุ-ปัด-ทะ-วะ รากศัพท์มาจาก อุป (คำอุปสรรค = เข้าไป, ใกล้, มั่น) + ทุ (ธาตุ = เดือดร้อน, เบียดเบียน) + (อะ) ปัจจัย ซ้อน ทฺ ระหว่างอุปสรรคกับธาตุ (อุป + ทฺ + ทุ), แผลง อุ ที่ ทุ เป็น โอ แล้วแปลง โอ เป็น อว (ทุ > โท > ทว

: อุป + ทฺ + ทุ = อุปทฺทุ + = อุปทฺทุ > อุปทฺโท > อุปทฺทว (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า (1) “สิ่งที่เข้าไปทำให้เดือดร้อน” (2) “สิ่งที่เข้าไปเบียดเบียน” หมายถึง อุปัทวเหตุ, เคราะห์ร้าย, ความทุกข์, การกดขี่ (accident, misfortune, distress, oppression) 

บาลี “อุปทฺทว” สันสกฤตเป็น “อุปทฺรว” 

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกไว้ดังนี้ – 

(สะกดตามต้นฉบับ) 

อุปทฺรว : (คำนาม) ‘อุตบาต,’ บีฑา, ประชาบีฑา, ‘ประชาบีฑน์’ ก็ใช้; เทศียทุกข์, จะเปนกฤต เปนกรรมน์ของฤดูกาลหรือของพระราชาก็ตามที, อนาหารสมัย, อุปบีฑา, ฯลฯ; เทศียกลหะ, ราชาภิโทฺรหะ; พลาตฺการ ( = พลการ); มารก, มารี ( = ห่า, โรคอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งพลอยขนเอามานุษไปเสียคราวละมากๆ ในคราวที่มานุษเบียดเบียนกัน, ‘โรคพลอยเข้ากระทำมรณกรรม’ ก็ใช้); oppression, tyranny; national calamity, whether the act of the season or the king, famine, exaction, etc.; national commotion; rebellion; violence; pest, plague, a disease brought on whilst a person labours under another.”

บาลี “อุปทฺทว” ในภาษาไทยใช้เป็น “อุปัทวะ” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

อุปัทว-, อุปัทวะ : (คำวิเศษณ์) อุบาทว์, อัปรีย์, จัญไร, ไม่เป็นมงคล, นิยมใช้คู่กับคำ อันตราย เป็น อุปัทวันตราย. (ป. อุปทฺทว; ส. อุปทฺรว).”

(3) “อาการ” บาลีอ่านว่า อา-กา-ระ รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = ทั่วไป, ยิ่ง) + กรฺ (ธาตุ = ทำ) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะ อะ ที่ -(รฺ) เป็น อา (กร > การ)

: อา + กรฺ = อากรฺ + = อากรณ > อากร > อาการ แปลตามศัพท์ว่า “การทำทั่วไป” “ผู้ทำทั่วไป

อาการ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –

(1) ภาวะ, สภาพ (state, condition)

(2) คุณสมบัติ, คุณภาพ, ลักษณะประจำตัว (property, quality, attribute)

(3) ลักษณะ, รูปร่างหน้าตา, รูป (sign, appearance, form)

(4) วิธี, รูปลักษณะ, อาการ (way, mode, manner)

(5) เหตุผล, หลักฐาน, เรื่องราว (reason, ground, account)

สํสกฤต-ไท-อังกฤษ อภิธาน บอกความหมายของ “อาการ” ในภาษาสันสกฤตไว้ว่า –

อาการ : (คำนาม) การกล่าวท้วง; ลักษณะ; รูป; a hint; a sign or token; form.”

ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกความหมายของคำว่า “อาการ” ไว้ว่า –

(1) สภาพที่เป็นอยู่หรือที่เป็นไป เช่น อาการซึมเศร้า

(2) กิริยาท่าทาง เช่น อาการตื่นเต้น.

(3) ความรู้สึก สิ่งที่ปรากฏ หรือภาวะผิดปรกติในร่างกายที่บ่งบอกความมีโรค เช่น อาการเจ็บคอ อาการเจ็บหน้าอก อาการชักกระตุก.

(4) ลักษณะเดียวกัน เช่น โดยอาการนั้น.

(5) ส่วนของร่างกายรวมทั้งอวัยวะภายนอก อวัยวะภายใน และสิ่งที่เกี่ยวเนื่องภายในร่างกายซึ่งทางพระพุทธศาสนานิยมว่ามี ๓๒ อย่าง เรียกว่า อาการ ๓๒ เช่น ผม เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก จนถึงน้ำมูตร (น้ำปัสสาวะ) และเยื่อในสมอง. (ป., ส.).

นิร + อุปทฺทว + อาการ = นิรุปทฺทวาการ (นิ-รุ-ปัด-ทะ-วา-กา-ระ) แปลว่า “อาการอันปราศจากอุปัทวเหตุ” 

นิรุปทฺทวาการ” แจกด้วยวิภัตตินามที่สาม (ตติยาวิภัตติ) เอกวจนะ ปุงลิงค์ เปลี่ยนรูปเป็น “นิรุปทฺทวากาเรน” (นิ-รุ-ปัด-ทะ-วา-กา-เร-นะ) แปลว่า “โดยอาการอันปราศจากอุปัทวเหตุ” = โดยสวัสดิภาพ

ขยายความ :

คำว่า “โสตฺถิภาเวน” และ “นิรุปทฺทวากาเรน” ที่แสดงมานี้ หนักไปในทางหลักภาษาบาลี อาจจะไม่มีประโยชน์กับคนทั่วไป

หลายแง่มุมในภาษา ดูเหมือนว่าเป็นส่วนเกินในชีวิต 

รู้หรือไม่รู้ไม่มีผลใด ๆ ต่อชีวิตเรา

คำว่า “ประดับความรู้” หรือ “รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม” จึงเกิดขึ้นเพื่อฟื้นจิตประคองใจให้เกิดความใฝ่รู้

ขอยกภาษิตในคัมภีร์ชาดกมาสาธกในคำกล่าวนี้ ดังนี้ –

…………..

สาธุ  โข  สิปฺปกํ  นาม

อปิ  ยาทิสกีทิสํ.

ความรู้ความสามารถไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ

มีประโยชน์ทั้งนั้น

ที่มา: สาลิตตกชาดก เอกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม 27 ข้อ 107

…………..

สพฺพํ สุตมธีเยถ

หีนมุกฺกฏฺฐมชฺฌิมํ

สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย

น จ สพฺพํ ปโยชเย

โหติ ตาทิสโก กาโล

ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตํ.

ควรเรียนวิชาทุกอย่าง

ไม่ว่าจะเรื่องชั่ว เรื่องดี เรื่องกลาง ๆ

ควรรู้ประโยชน์ของวิชาทุกอย่าง

แต่ไม่ควรใช้ทุกอย่าง

เวลาเช่นใดที่วิชาจะใช้ประโยชน์ได้

เวลาเช่นนั้นมีแน่

ที่มา: มูสิกชาดก ปัญจกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม 27 ข้อ 817

…………..

ดูก่อนภราดา!

: ใครบ้างที่ไม่ต้องการสวัสดิภาพ?

: แม้แต่คนที่ทำร้ายคนอื่น ก็ไม่ต้องการให้ใครมาทำร้ายตน

#บาลีวันละคำ (4,665)

21-3-6

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้