บาลีวันละคำ

ชานชรา (บาลีวันละคำ 4,664)

ชานชรา

ถือว่าเป็นการช่วยโฆษณาหนังสือเล่มหนึ่ง

ผู้เขียนบาลีวันละคำได้เห็นชื่อหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ “ริมฝั่ง … ชานชรา” ก็เกิดความรู้สึกว่า คนตั้งชื่อหนังสือช่างคิดดีแท้ ๆ

ในภาษาไทย คำที่มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “ชานชรา” ก็คือคำว่า “ชานชาลา” 

สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ตั้งชื่อหนังสือ “ริมฝั่ง … ชานชรา” ก็คงตั้งใจจะล้อคำว่า “ชานชาลา” นั่นเอง

คำว่า “ชานชาลา” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า – 

ชานชาลา : (คำนาม) บริเวณสถานีรถไฟหรือสถานีขนส่งที่ผู้โดยสารมารอขึ้นรถ.”

คำว่า “ชานชาลา” นี้ เวลาออกเสียงพูดจริง ๆ มักพูดเป็น “ชานชะลา” จะเป็นเพราะเข้าใจผิดว่าคำนี้เป็น “ชานชะลา” หรือเข้าใจถูกว่าคำนี้คือ “ชานชาลา” แต่ออกเสียงไม่ชัดไปเอง “ชา” กลายเป็น “ชะ” ก็ไม่อาจทราบได้ 

แต่เชื่อว่าหลายคนเข้าใจว่าคำนี้เป็น “ชานชะลา” หรืออาจเข้าใจว่าสะกดเป็น “ชานชลา” จึงอาจเป็นที่มาของคำล้อว่า “ชานชรา

“ชานชลา

ชานชรา

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถือเป็นโอกาสหาความรู้จากภาษาได้เสมอ

คำว่า “ชรา” เป็นรูปคำบาลี อ่านว่า ชะ-รา รากศัพท์มาจาก ชรฺ (ธาตุ = เสื่อมวัย, แก่) + (อะ) ปัจจัย + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: ชรฺ + = ชร + อา = ชรา แปลตามศัพท์ว่า “ภาวะที่เสื่อม” “ภาวะเป็นเหตุให้เสื่อมเป็นคนแก่” หมายถึง ความเสื่อมถอย, ความชรา, ทุพพลภาพ (decay, decrepitude, old age)

ความหมายในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –

ชรา : (คำวิเศษณ์) แก่ด้วยอายุ, ชํารุดทรุดโทรม. (ป., ส.).”

คำว่า “ชาลา” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้เป็น “ชาลา ๑” และ “ชาลา ๒” บอกไว้ดังนี้ –

(1) ชาลา ๑ : (คำนาม) ความรุ่งเรือง, เปลวไฟ, โคมไฟ, แสงสว่าง. (ส. ชฺวาลา).

(2) ชาลา ๒ : (คำนาม) ชานเรือน, พื้นภายนอกเรือน, เช่น หน้าตึกเป็นบันไดขึ้น ๒ ข้างมาบรรจบกัน ตรงกลางเป็นชาลาย่อม ๆ; ที่โล่งหน้าสถานที่สำคัญ ๆ บางแห่ง เช่น ชาลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เทวสถานนี้สร้างเป็นชาลา ๓ ชั้นซ้อนกัน.

ชาลา” ที่แปลว่า ความรุ่งเรือง (ชาลา ๑) เป็นภาษาบาลี รากศัพท์มาจาก ชลฺ (ธาตุ = สว่าง, รุ่งเรือง) + ปัจจัย, ลบ , ทีฆะต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ” (ชลฺ > ชาล) + อา ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์

: ชลฺ + = ชลณ > ชล > ชาล + อา = ชาลา แปลตามศัพท์ว่า “สิ่งที่สว่าง” “สิ่งที่รุ่งเรือง” หมายถึง เปลวไฟ, โคมไฟ, ความสว่าง (a flame, light)

ส่วน “ชาลา ๒” อันเป็นที่มาของคำว่า “ชานชาลา” พจนานุกรมฯ ไม่ได้บอกว่ามาจากภาษาอะไร ผู้สนใจพึงศึกษาสืบค้นต่อไป

อีกคำหนึ่งที่อยู่ในคำว่า “ชานชาลา” และ “ชานชรา” ก็คือคำว่า “ชาน” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เก็บไว้เป็น “ชาน ๑” และ “ชาน ๒” บอกไว้ดังนี้ –

(1) ชาน ๑ : (คำนาม) กากอ้อยที่เคี้ยวหรือหีบเอาน้ำหวานออกหมดแล้ว, กากหมากพลูที่เคี้ยวกินจนจืด.

(2) ชาน ๒ : (คำนาม) พื้นเรือนนอกชายคา, ชานเรือน หรือ นอกชาน ก็ว่า, พื้นที่นอกบ้าน เมือง หรือกำแพง เป็นต้น ออกไป เช่น ชานบ้าน ชานเมือง ชานกำแพง ชานเขื่อน.

ดูความหมายของ “ชาน” และความหมายของ “ชรา” เอามารวมกันเป็น “ชานชรา” ผู้คิดคำนี้มีเจตนาจะให้มีความหมายว่าอย่างไร ผู้สนใจพึงศึกษาสืบค้นต่อไปเทอญ

…………..

ดูก่อนภราดา!

: เห็นคนชราอย่าเย้ยหยัน

: หลายคนไม่มีวันอยู่ไปจนได้เหยียบชานชรา

#บาลีวันละคำ (4,664)

20-3-68

…………………………….

ดูโพสต์ในเฟซบุ๊กของครูทองย้อย

…………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้