อนุราธปุระ (บาลีวันละคำ 4,703)

อนุราธปุระ
เมืองอะไร
อ่านว่า อะ-นุ-รา-ทะ-ปุ-ระ
แยกศัพท์ตามที่ตาเห็นเป็น อนุ + ราธ + ปุระ
(๑) “อนุ”
อ่านว่า อะ-นุ เป็นคำอุปสรรค แปลว่า น้อย, ภายหลัง, ตาม, เนือง ๆ
พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ บอกความหมายของ “อนุ” ว่า –
(1) after, behind (ภายหลัง, ข้างหลัง)
(2) for, towards an aim, on to, over to, forward (ไปยัง, ตรงไปยังเป้าหมาย, ดำเนินต่อไป, ข้ามไปยัง, ข้างหน้า)
บางที “อนุ” สะกดเป็น “อณุ” (-ณุ ณ เณร) ใช้ในความหมายว่า เล็กน้อย, กระจ้อยร่อย, อณู, ละเอียด, ประณีต (small, minute, atomic, subtle)
ในที่นี้ “อนุ” ใช้ในความหมายตามข้อ (2)
(๒) “ราธ”
บาลีอ่านว่า รา-ทะ ยังไม่พบรากศัพท์ที่แสดงไว้ตรงตัว จึงขอใช้วิธีสันนิษฐาน นั่นคือ รากศัพท์มาจาก –
(1) ราธฺ (ธาตุ = สำเร็จ; ให้สำเร็จ) + อ (อะ) ปัจจัย
: ราธฺ + อ = ราธ แปลตามศัพท์ว่า “(เมือง) ที่ทำให้สำเร็จ”
(2) รธฺ (ธาตุ = เบียดเบียน) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อะ ต้นธาตุ “ด้วยอำนาจปัจจัยเนื่องด้วย ณ” (รธฺ > ราธ)
: รธฺ + ณ = รธณ > รธ > ราธ แปลตามศัพท์ว่า “(เมือง) ที่เบียดเบียนศัตรู” (คือศัตรูเข้าตีได้ลำบาก)
(๒) “ปุระ”
เขียนแบบบาลีเป็น “ปุร” อ่านว่า ปุ-ระ รากศัพท์มาจาก –
(1) ปุ (ธาตุ = รักษา) + ร ปัจจัย
: ปุ + ร = ปุร แปลตามศัพท์ว่า “ที่ที่รักษาประชาชนจากอำนาจของศัตรู”
(2) ปุรฺ (ธาตุ = รักษา) + อ (อะ) ปัจจัย
: ปุรฺ + อ = ปุร แปลตามศัพท์ว่า “ที่ที่รักษาประชาชน”
“ปุร” (นปุงสกลิงค์) ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ –
(1) เมือง, ป้อม, บุรี (a town, fortress, city)
(2) ที่อยู่อาศัย, บ้านหรือส่วนที่แยกกันของบ้าน (dwelling, house or divided part of a house)
(3) ร่างกาย (the body)
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 มีคำว่า “ปุระ” บอกว่าคือ “บุระ” และที่คำว่า “บุระ” บอกไว้ว่า –
“บุระ : (คำนาม) กำแพงที่มีป้อมค่าย, หอ, วัง, เมือง. (ป. ปุร).”
การประสมคำ :
๑ อนุ + ราธ = อนุราธ (อะ-นุ-รา-ทะ) แปลว่า “(เมือง) ที่สร้างสำเร็จไปตามลำดับ”
๒ อนุราธ + ปุร = อนุราธปุร (อะ-นุ-รา-ทะ-ปุ-ระ) แปลว่า “เมืองที่สร้างสำเร็จไปตามลำดับ” คือสร้างอย่างพิถีพิถัน ค่อย ๆ สร้าง แม้จะสำเร็จช้า แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็เป็นเมืองที่มั่นคง
ขอย้ำว่า รากศัพท์และคำอธิบายที่แสดงมานี้เป็นการสันนิษฐาน ถ้าจะนำไปอ้างอิง โปรดตรวจสอบให้แน่นอนก่อน

“อนุราธปุร” ใช้ในภาษาไทยเป็น “อนุราธปุระ”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “อนุราธ” บอกไว้ว่า –
…………..
อนุราธ : ชื่อเมืองหลวงของลังกาสมัยโบราณ; เรียกกันว่า อนุราธปุระ บ้าง อนุราธบุรี บ้าง

…………..
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ที่คำว่า “อนุราธปุระ” (อ่านเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เวลา 20:30 น.) บอกไว้ดังนี้ –
…………..
อนุราธปุระ : [อะ-นุ-รา-ทะ-ปุ-ระ] (สิงหล: අනුරාධපුරය) หรือ อนุราตปุรัม (ทมิฬ: அனுராதபுரம்) หรือเอกสารไทยเรียกว่า อนุราฐบุรี เป็นเมืองในประเทศศรีลังกา เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสิงหล ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ตั้งอยู่ห่างจากนครโคลัมโบไปทางทิศเหนือราว 205 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่สืบพันธุ์มาจากต้นเดิมที่พุทธคยา
…………..
ดูก่อนภราดา!
: สร้างคน ยากกว่าสร้างเมือง
: แต่ถ้าไม่สร้างคน ก็ยากที่จะสร้างเมือง
…………..
หมายเหตุ: พระคุณท่าน Sakda Hemthep มีเมตตาแจ้งมาว่า –
“คัมภีร์มหาวงศ์ บทที่ 10 เรื่องประวัติพระเจ้าบัณฑกาภัย ระบุว่า คำว่า อนุราธ มาจากชื่อฤกษ์ที่ใช้สร้างเมือง เป็นฤกษ์ที่ 17 เรียกว่าอนุราธฤกษ์ (ถัดจากวิสาขฤกษ์) ซึ่งพ้องกับชื่อของพระเจ้าลุงของท่านด้วย จึงตั้งให้ชื่อว่าอนุราธบุรี”
พร้อมทั้งส่งข้อความภาษาไทยจากหนังสือมหาวงษ์ พงษาวดารลังกาทวีป มาให้ดูเป็นหลักฐานด้วย
ผู้เขียนบาลีวันละคำตรวจสอบดูแล้ว พบว่าข้อความภาษาไทยนั้นอยู่ในหนังสือมหาวงษ์ พงษาวดารลังกาทวีป เล่ม 1 หน้า 268-269 ตรวจในคัมภีร์มหาวํส ฉบับภาษาบาลี พบว่าตรงกับคัมภีร์มหาวํส ภาค 1 ปริจเฉทที่ 10 ข้อ 75-76
ขอนำข้อความจากคัมภีร์มหาวํส ภาค 1 ปริจเฉทที่ 10 และข้อความภาษาไทยจากหนังสือมหาวงษ์ พงษาวดารลังกาทวีป เล่ม 1 มาเสนอไว้เทียบกัน ดังนี้
(ภาษาไทยสะกดตามต้นฉบับ)

…………..
ปุจฺฉาเปตฺวาน เนมิตฺตํ
วตฺถุวิชฺชาวิทุํ ตถา
นครํ ปวรํ ตสฺมึ
คาเมเยว อมาปยิ.
นิวาสตฺตานุราธานํ
อนุราธปุรํ อหุ
นกฺขตฺเตนานุราเธน
ปติฏฺฐาปิตตาย จ.
…………..
… จึงตรัสถามโหราอันรู้วัดถุวิชาสาตรด้วยจะสร้างเมือง โหรากราบทูลแล้วก็ให้สร้างพระนครอันประเสริฐลงในบ้านนั้น ชื่อเมืองอนุราธบุรี เหตุที่นั้นเปนที่อยู่แห่งอนุราธอำมาตย์ อันมากับพระเจ้าวิไชยราชเปนปฐมถึงลังกา แลที่อยู่พระอนุราธราชกุมารอันเปนพระเชษฐาพระภัทธกัจจายเทวี กับเมื่อแรกตั้งเมืองนั้นพร้อมด้วยพระอนุราธฤกษ์ เปนอนุราธนามทั้ง ๓ สิ่ง จึงเรียกว่าเมืองอนุราธบูรี มีในลังกามาตราบเท่าทุกวันนี้ …
…………..
ตามคัมภีร์มหาวํส ที่ยกมานี้ บอกให้รู้ที่มาของชื่อ “อนุราธ” ว่ามาจาก (1) ชื่ออำมาตย์ (2) ชื่อราชกุมาร เชษฐาของพระนางภัทธกัจจายเทวี และ (3) ชื่อฤกษ์เมื่อสร้างเมือง เป็นอันว่าเราได้รู้ “ที่มาของชื่อ”
แต่อย่างไรก็ตาม คัมภีร์มหาวํส ก็ไม่ได้บอก “ความหมายของชื่อ” ว่าคำว่า “อนุราธ” มีความหมายว่าอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป
ผู้เขียนบาลีวันละคำขอกราบขอบพระคุณในเมตตาธรรมของพระคุณท่าน Sakda Hemthep มา ณ ที่นี้ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
…………..
#บาลีวันละคำ (4,703)
28-4-68
…………………………….
…………………………….