ปวัตตินี (บาลีวันละคำ 4,762)

ปวัตตินี
ไม่ใช่ “ปวติณี”
ผู้เขียนบาลีวันละคำอ่านโพสต์ของท่านผู้หนึ่ง มีข้อความตอนหนึ่งว่า –
… “ปวติณี” ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติสตรีก่อนการบวชเป็นภิกษุณี …
โปรดทราบทั่วกันว่า ผู้ทำหน้าที่อย่างที่บอกว่า “ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติสตรีก่อนการบวชเป็นภิกษุณี” นั้น คำเรียกที่ถูกต้องคือ “ปวัตตินี”
สะกดเป็น “ปวัตตินี”
ไม่ใช่ “ปวติณี”
“ปวัตตินี” เขียนแบบบาลีเป็น “ปวตฺตินี” อ่านว่า ปะ-วัด-ติ-นี รูปคำเดิมเป็น ปวตฺติ + อินี ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์
(๑) “ปวตฺติ”
อ่านว่า ปะ-วัด-ติ (โปรดสังเกตว่า บาลีอ่านว่า -วัด- ไม่ใช่ -หฺวัด-) รากศัพท์มาจาก ป (คำอุปสรรค = ทั่ว, ข้างหน้า, ก่อน, ออก) + วตฺ (ธาตุ = เป็นไป) + ติ ปัจจัย
: ป + วตฺ = ปวตฺ + ติ = ปวตฺติ แปลตามศัพท์ว่า “ความเป็นไปทั่วไป” หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้น, เหตุการณ์, ข่าว, ความเป็นไป (happening, incident, news)
“ปวตฺติ” ใช้ในภาษาไทยว่า “ประวัติ” อ่านว่า ปฺระ-หฺวัด
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า –
“ประวัติ, ประวัติ– : (คำนาม) เรื่องราวว่าด้วยความเป็นไปของคน สถานที่ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ประวัติศรีปราชญ์ ประวัติวัดมหาธาตุ. (ป. ปวตฺติ).”
(๒) ปวตฺติ + อินี ปัจจัยเครื่องหมายอิตถีลิงค์, ลบสระหน้า คือ อิ ที่ (ปวตฺ)-ติ (ปวตฺติ > ปวตฺต)
: ปวตฺติ > ปวตฺต + อินี = ปวตฺตินี แปลตามศัพท์ว่า “ผู้ประพฤติ” หรือ “ผู้เป็นไป” ขยายความว่า –
(1) “ผู้มีถ้อยคำเป็นต้นอันเป็นไปมาก” หมายถึง ผู้คอยอบรมสั่งสอนสตรีผู้บวชเป็นภิกษุณี
(2) “ผู้อันสตรีอื่นอาศัยเป็นไป” หมายถึง ผู้ที่มีสตรีผู้บวชเป็นภิกษุณีมาอาศัยอยู่ด้วย คือผู้ปกครองดูแลภิกษุณี
“ปวตฺตินี” ใช้ในภาษาไทยเป็น “ปวัตตินี”
ขยายความ :
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ. ปยุตฺโต ที่คำว่า “อุปัชฌาย์, อุปัชฌายะ” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
อุปัชฌาย์, อุปัชฌายะ : “ผู้เพ่งโทษน้อยใหญ่” หมายถึงผู้รับรองกุลบุตรเข้ารับการอุปสมบทในท่ามกลางภิกษุสงฆ์, เป็นทั้งผู้นำเข้าหมู่ และเป็นผู้ปกครองคอยดูแลผิดและชอบ ทำหน้าที่ฝึกสอนอบรมให้การศึกษาต่อไป; อุปัชฌาย์ในฝ่ายภิกษุณี เรียกว่า ปวัตตินี
…………..
ที่คำว่า “ปวัตตินี” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
ปวัตตินี : คำเรียกผู้ทำหน้าที่อุปัชฌาย์ในฝ่ายภิกษุณี, ภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์ของภิกษุณีที่เป็นสหชีวินี, บางทีเรียกว่า “อุปัชฌายา” (วินย.๓/๓๙๖-๗/๒๑๖); ดู สหชีวินี
…………..
ที่คำว่า “สหชีวินี” บอกไว้ดังนี้ –
…………..
สหชีวินี : คำเรียกที่ใช้แทนกันได้กับคำว่า สัทธิวิหารินี ทั้ง ๒ คำนี้แปลว่าผู้อยู่ด้วย ถ้าอุปสมบทด้วยอาศัยภิกษุณีที่เป็นปวัตตินีรูปใด ก็เป็นสหชีวินีของปวัตตินีรูปนั้น, ตรงกับสัทธิวิหาริกในฝ่ายภิกษุ, ศิษย์ของปวัตตินี; ดู ปวัตตินี
…………..
หนังสือ วินัยมุข เล่ม 3 หลักสูตรนักธรรมชั้นเอก พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีกล่าวถึง “ปวัตตินี” และ “สหชีวินี” ไว้ด้วย ขอยกมาเท่าที่พอจะยกมาได้เพื่อให้เข้าใจสถานะของ “ปวัตตินี” กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนี้ –
…………..
… ภิกษุณีผู้จะรับเป็นปวัตตินีต่อมีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว และได้รับวุฏฐาปนสมมติแต่ภิกษุณีสงฆ์แล้ว จึงรับได้. ภิกษุณีสงฆ์ผู้จะสมมติพึงพิจารณาดูภิกษุณีผู้มาขอ ต่อเป็นผู้ฉลาดและเป็นลัชชินี จึงสมมติ ถ้าขาดแม้แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่พึงสมมติ.
… ภิกษุณีผู้ได้รับวุฏฐาปนสมมติแล้วนั้น จักเป็นปวัตตินีให้อุปสมบททุกปีไม่ได้ ต้องเว้นในระหว่างและในปีที่เป็น จักให้อุปสมบทในปีเดียวกัน ๒ รูปไม่ได้ ให้ได้แต่รูปเดียว. โดยนัยนี้ ถ้ามีปวัตตินีสำหรับคณะ ๑๐ รูป ให้อุปสมบทเฉลี่ยกันได้เพียงปีละ ๕ รูป.
: หน้า 227
… สหชีวินีกับปวัตตินีมีวัตรอันจะพึงประพฤติแก่กันอย่างไร ไม่แจ้งเหมือนอุปัชฌายะกับสัทธิวิหาริกในฝ่ายภิกษุ มีแต่เพียงว่าเป็นหน้าที่ของสหชีวินีจะติดตามปวัตตินีผู้ให้อุปสมบท ๒ ปี และเป็นหน้าที่ของปวัตตินีจะอนุเคราะห์สหชีวินีเอง หรือขวนขวายเพื่อให้ได้รับอนุเคราะห์ ๒ ปี และให้พาสหชีวินีไปเที่ยวโดยที่สุดเพียง ๕-๖ โยชน์ ฝ่ายใดไม่ทำกิจเหล่านี้ต้องปาจิตติยะ. โดยนัยนี้ ได้ความว่าภิกษุณีถือนิสัยเพียง ๒ ปี สหชีวินีต้องปฏิบัติปวัตตินีของตนอยู่เอง.
: หน้า 231
…………..
ดูก่อนภราดา!
: ไม่มีพระอุปัชฌาย์ บวชไม่ได้
: บวชแล้วประพฤติไม่ดี พระศาสนาอยู่ไม่ได้
#บาลีวันละคำ (4,762)
26-6-68
…………………………….
…………………………….